More Related Content
PPT
บทที่3 การพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม PDF
การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ DOC
PPT
PPTX
PDF
PPT
ภาวะผันผวนของเศรษฐกิจโลก54 55 PDF
Financial market trend 2557 Similar to ส่วนที่ 1 สรุปสาระสำคัญแผนฯ 11
PPT
การพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม PDF
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) PPT
Powerpoint เศรษฐกิจพอเพียง PDF
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 PPT
PDF
ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ2560 2579) PPT
PDF
ร่างแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2560 - 2563) วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ด PDF
PDF
DOC
PDF
แผนพัฒนาฯ 11 จักราวุธ คำทวี ๑๓ มิ.ย.๕๗ PDF
PDF
สรุปความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมการประชุมการระดมความเห็นต่อกรอบแผนพัฒน... PDF
PPT
PDF
PPT
กฎหมายร ฐธรรมน ญส_วนท__ 6-10 PDF
Strategic Destination Marketing Presentation Sem 1_2015 part i PPT
ส่วนที่ 1 สรุปสาระสำคัญแผนฯ 11
- 1.
ส รุ ปส า ร ะ สํ า คั ญ
(ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑
(พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙)
๑ บทนํา
การจั ด ทํ า แผนพั ฒ นาประเทศของไทยนั บ ตั้ ง แต่ แ ผนพั ฒ นาฯ ฉบั บ แรกเมื่ อ ปี ๒๕๐๔ จนถึ ง
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๐ มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์และเงื่อนไข รวมทั้ งการเปลี่ยนแปลง
ในมิติต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะในช่วงของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ การพัฒนาประเทศ
อยู่ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ จึงเป็นจุดเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการวางแผนที่ยึด “คนเป็นศูนย์กลางการ
พัฒนา” ตามแนวพระราชดารัส “เศรษฐกิจพอเพียง” มี “การพัฒนาแบบองค์รวม” และเริ่มให้ความสาคัญ
กับกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีการพัฒนา ต่อมาในช่วงของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐ ได้
น้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญานําทางในการพัฒนาและบริหารประเทศ
ผลการพัฒนาประเทศก่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ ได้ข้อสรุปว่า การพัฒนาเศรษฐกิจก้าวหน้า การ
พัฒนาสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีปัญหา การพัฒนาไม่ยั่งยืน และการน้อมนาหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศที่เริ่มดาเนินการตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ ต่อเนื่องถึง
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๐ โดยแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๘ เปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นการเน้น
ให้ คนเป็ น ศูน ย์ กลางการพัฒ นาประเทศทุกขั้ นตอนตามหลั ก การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
ต่อเนื่องแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ ยังคงอัญเชิญหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญานาทางการพัฒนา
ประเทศ เน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับภาคส่วนต่างๆ และ
แผนพั ฒ นาฯ ฉบั บ ที่ ๑๐ ยั งคงน้ อ มน าหลั ก ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งเป็ น ปรั ช ญาพื้ นฐาน มุ่ง สร้ า ง
ภูมิคุ้มกันให้กับประเทศภายใต้ทุนสาคัญ ๓ ทุน ได้แก่ ทุนเศรษฐกิจ ทุนสังคม ทุนทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม โดยผลการพัฒนาประเทศในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๐ พบว่าสังคมไทยได้นาหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งมาปรั บ ใช้ อ ย่ า งกว้ า งขวางในทุ ก ภาคส่ ว น ขณะที่ ค วามอยู่ เ ย็ น เป็ น สุ ข ในช่ ว งของ
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๐ อยู่ระหว่างร้อยละ ๖๖ – ๖๗ ใกล้เคียงกับร้อยละ ๖๕ ในปี ๒๕๔๙ ซึ่งเป็นปีสุดท้าย
ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๙ โดยปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง การมีงานทา ความเข้มแข็งของชุมชน และความ
อบอุ่น ของครอบครั ว ส่ งผลต่อความอยู่ เย็ นเป็นสุ ข อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังเป็นอุปสรรคที่ส าคัญ ได้แก่
ความสมานฉันท์ในสังคม สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศขาดความสมดุล รวมถึงสุขภาวะของคนไทยในด้าน
คุณภาพการศึกษา
การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ -
๒๕๕๙) ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สาคัญ ทั้งระดับโลกและในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อ
การพัฒนาประเทศทั้งโอกาสที่สามารถนามาใช้ประโยชน์ ขณะที่ต้องคานึงถึงภัยคุกคามและจุดแข็งที่ใช้ผลักดัน
การพัฒ นาให้ ก้าวหน้ า รวมทั้งแก้จุ ดอ่อนที่มีอยู่ไม่ให้ เป็นอุปสรรคการดาเนินงาน จึงจาเป็นต้องประเมิน
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศในระยะต่อไปอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งประเมิน
ศักยภาพของประเทศและผลการพัฒนาที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่คน สังคม และระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม สามารถพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปเพื่อ
ประโยชน์สุขที่ยั่งยืนของสังคมไทยตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- 2.
ญ
๒ การประเมินสถานการณ์ ความเสี่ยงและการสร้างภูมิคมกันของประเทศ
ุ้
๒.๑ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ
ประเทศไทยยังต้องเผชิ ญกับการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกสาคัญที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนา
ประเทศ ทั้งที่จะเป็นโอกาสและอุปสรรค ดังนี้
๒.๑.๑ การเปลี่ยนแปลงในระดับโลกที่สําคัญ สรุปได้ดังนี้
๑) กฎ กติ ก าใหม่ ข องโลกหลายด้ า นส่ ง ผลให้ ทุ ก ประเทศต้ อ งปรั บ ตั ว วิ ก ฤต
เศรษฐกิจ และการเงิ น ของโลกที่ผ่ านมาได้ ส่ ง ผลให้ เกิ ดการปรั บเปลี่ ย นกฎระเบีย บในการบริ ห ารจั ดการ
เศรษฐกิจ โลกทั้งด้า นการค้า การลงทุ น การเงิ น สิ่ งแวดล้ อม และสั งคมเพื่ อการจัดระเบียบใหม่ของโลก
ครอบคลุมถึงกฎ ระเบียบด้านการค้า การลงทุน การเงิน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา พันธกรณีและ
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน
และกฎ ระเบียบด้านสั งคมมีบทบาทสาคัญมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชน ที่ใ ห้ความส าคัญกับการ
ส่งเสริมให้เกิดความเคารพและรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
๒) การปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจโลกแบบหลายศูนย์กลาง รวมทั้งภูมิภาคเอเชียซึ่งทวี
ความสําคัญเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ อาทิ ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน และกลุ่ม
ประเทศอาเซียน ที่มีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมโลก ขณะที่นโยบายการเปิดประเทศ
ของจีน รัสเซีย พลวัตการขยายตัวของบราซิลและอินเดีย และการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในภูมิภาคเอเชีย จะ
ช่วยเพิ่มกาลังซื้อในตลาดโลก ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจที่สาคัญต่อประเทศไทยในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
๑๑ ได้แก่ การรวมกลุ่มในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้กรอบการค้าเสรีของอาเซียนกับจีน ญี่ปุน และอินเดีย และการ
เป็ น ประชาคมอาเซี ย นในปี ๒๕๕๘ รวมทั้ ง กรอบความร่ ว มมื อ อื่ น ๆ อาทิ กรอบความร่ ว มมื อ เอเชี ย -
แปซิฟิค จะมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทย โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะ
รองรับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
๓) การเข้า สู่ สังคมผู้สู งอายุ ของโลก ในช่ว งแผนพั ฒ นาฯ ฉบับที่ ๑๑ ประชากร
สูงอายุ ในโลกจะเพิ่มขึ้นอีก ๘๑.๘๖ ล้ านคน และการเป็นสั งคมผู้สู งอายุของประเทศส าคัญๆในโลก มี
ผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายกาลังคนข้ามประเทศ เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรม ขณะที่โครงสร้างการ
ผลิตเปลี่ยนจากการใช้แรงงานเข้มข้นเป็นการใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีมากขึ้น มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อ
ใช้ทดแทนกาลังแรงงานที่ขาดแคลน โครงสร้างการใช้จ่ายงบประมาณเปลี่ยนแปลงไป ประเทศที่เข้าสู่สังคม
ผู้สูงอายุจะมีรายจ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น ทาให้งบประมาณสาหรับการลงทุนพัฒนาด้านอื่นๆ ลดลง
๔) การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิโลกสูงขึ้นโดย
เฉลี่ย ๐.๒ องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ก่อให้เกิดภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ
บ่อยครั้งและทวีความรุนแรง อาทิ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย วาตภัย ภัยแล้ง ไฟปุา ระบบ
นิเวศในหลายพื้นที่ของโลกอ่อนแอ สูญเสียพันธุ์พืชและสัตว์ พื้นผิวโลกเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ โดยเฉพาะ
การสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งเนื่องจากระดับน้าทะเลที่สูงขึ้ น นาไปสู่การย้ายถิ่นของประชากรที่อยู่อาศัยบริเวณ
ชายฝั่งทะเล รวมทั้งสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เขตท่องเที่ยว เขตอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูง
บริเวณพื้นที่ชายฝั่ง โรคระบาดเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของประชากร รวมทั้งการระบาดของโรคและ
แมลงศัตรูพืชจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตรและธัญญาหารของ
โลก รวมทั้งกระทบต่อภาคสังคม อาทิ ปัญหาความยากจน การอพยพย้ายถิ่น และการแย่งชิงทรัพยากร
- 3.
ฎ
๕) ความมั่นคงทางอาหารและพลังงานของโลกมีแ นวโน้มจะเป็นปัญหาสําคัญ
ความต้องการพืชพลังงาน สินค้าเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประชากรโลก แต่การผลิตพืช
อาหารลดลงด้วยข้อจากัดด้านพื้นที่ เทคโนโลยีที่มีอยู่ และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ทาให้เกิดความ
ขัดแย้งระหว่างการผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานในอนาคต ส่งผลให้ผลผลิตอาหารสู่ตลาดลดลง ไม่เพียงพอ
กับความต้องการของประชากรโลก หรือมีราคาสูงเกินกว่ากาลังซื้อโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยากจน อาจ
นาไปสู่การเกิดวิกฤตอาหารโลก
๖) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทั้งเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นาโน
เทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการทางานของสมองและจิต ซึ่งจะเป็นได้ทั้งโอกาสหรือ
ภัยคุกคามในการพัฒนา อาทิ การจารกรรมข้อมูลธุรกิจหรือข้อมูลส่วนบุคคล ประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ช้า
จะกลายเป็นผู้ซื้อและมีผลิตภาพต่า ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ไม่เท่าเทียม
กั น ของกลุ่ ม คนในสั ง คมจะท าให้ เ กิ ด ความเหลื่ อ มล้ าในการพั ฒ นาจึ ง เป็ น ความท้ า ทายในการเพิ่ ม ขี ด
ความสามารถในการแข่งขันและลดความเหลื่อมล้า
๗) การก่ อ การร้ า ยสากลเป็ น ภั ย คุ ก คามประชาคมโลก การก่ อ การร้ า ยและ
อาชญากรรมข้ า มชาติ มี แ นวโน้ ม ขยายตั ว ทั่ ว โลกและรุ น แรง มี รู ป แบบและโครงข่ า ยที่ ซั บ ซ้ อ นมากขึ้ น
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต้องเตรียมความพร้อมและสร้างความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ
เพื่อปกปูองผลประโยชน์ของชาติจากภัยก่อการร้าย
๒.๑.๒ การเปลี่ยนแปลงภายในประเทศ สรุปได้ดังนี้
๑) การเปลี่ยนแปลงสภาวะด้านเศรษฐกิจ อัตราการขยายตัวและเสถียรภาพทาง
เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคการผลิตที่มีบทบาทสูง ภาคเกษตรเป็น
แหล่ ง สร้ า งรายได้ ห ลั ก ของประชาชนส่ ว นใหญ่ ใ นประเทศและเป็ น ฐานในการสร้ า งมู ล ค่ า เพิ่ ม ของ
ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริ การมีบทบาทส าคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ แก่เศรษฐกิจ ขณะที่ การเชื่อมโยง
เศรษฐกิจของประเทศกับเศรษฐกิจต่ างประเทศทาให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ
กิจกรรมทางการค้าและการลงทุน โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังคงมีบทบาทสาคัญต่อการขยายตัว
ของระบบเศรษฐกิจไทย แต่จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่าและขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ทาให้
บทบาทของการลงทุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม ระบบเศรษฐกิจของไทยยังมี
ความอ่อนแอด้านปัจจัยสนับสนุนในส่วนของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คุณภาพการบริการของโครงสร้าง
พื้นฐาน กฎหมาย กฎ และระเบียบทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการจัดระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมและเหมาะสม
กับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
๒) การเปลี่ยนแปลงสภาวะด้านสังคม ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุจากการมี
โครงสร้างประชากรทีวัยสูงอายุเพิ่มขึ้น วัยเด็กและวัยแรงงานลดลง คนไทยได้รับการพัฒนาศักยภาพทุกช่วงวัย
่
แต่ยังมีปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาและสติปัญญาของเด็ก มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ และผลิตภาพแรงงาน
ต่า ประชาชนได้รับการคุ้มครองทางสังคมเพิ่มขึ้นและมีการจัดสวัสดิการทางสังคมในหลายรูปแบบ แต่กลุ่ม
ผู้ด้อยโอกาสยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสังคมได้อย่างทั่วถึง ความเหลื่อมล้าทางรายได้ของประชากรและ
โอกาสการเข้าถึงทรัพยากรเป็นปัญหาการพัฒนาประเทศ สังคมไทยเผชิญวิกฤตความเสื่อมถอยด้านคุณธรรม
และจริยธรรม และมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของ
ยาเสพติดและการเพิ่มขึ้นของการพนันโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน แต่คนไทยตื่นตัวทางการเมืองและ
ให้ความสาคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและระบบธรรมาภิบาลมากขึ้น
- 4.
ฏ
๓) การเปลี่ยนแปลงสภาวะด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุนทรัพยากร
ธรรมชาติ เ สื่ อ มโทรม การเปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศส่ ง ผลซ้ าเติ ม ให้ ปั ญ หาทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละ
สิ่งแวดล้อมรุนแรง กระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรและความยากจน การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมยังไม่มีป ระสิทธิภ าพเท่าที่ควร ขณะที่มีความขัดแย้งทางนโยบายในการบูรณาการการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีความมั่นคงด้านอาหาร แม้จะต้องเผชิญกับความ
ท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความต้องการพืชพลังงาน
๔) การเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารจัดการการพัฒนาประเทศ ประชาชนมีความ
ตื่นตัวทางการเมืองสูงขึ้น แต่ความขัดแย้งทางการเมืองและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังดารงอยู่
และส่งผลต่อเศรษฐกิจ การดารงชีวิตของประชาชน ความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ตลอดจนความสงบสุขที่
ลดลง ขณะทีประสิทธิภาพภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมที่ดีขึ้น แต่ขีดความสามารถในการปูองกันการ
่
ทุจ ริตต้องปรั บปรุง การกระจายอานาจประสบความส าเร็จ ในเรื่องการเพิ่มรายได้ให้ องค์กรปกครองส่ ว น
ท้องถิ่น แต่มีความล่าช้าในการถ่ายโอนภารกิจและมีความไม่ชัดเจนในการแบ่งบทบาทหน้าที่กับราชการ
ส่วนกลาง ขณะเดียวกัน การคอร์รัปชั่นยังคงเป็นปัญหาสาคัญของไทย กลุ่มคนรุ่นใหม่เห็นว่าการคอร์รัปชั่น
เป็นเรื่องทียอมรับได้
่
๒.๒ การประเมินความเสี่ยง ในช่วงแผนพัฒนาฯฉบับที่ ๑๑ ประเทศไทยจะเผชิญกับความเสี่ยง
ทีต้องเตรียมการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ ๖ ประการ ดังนี้
่
๒.๒.๑ การบริ ห ารภาครั ฐ อ่ อ นแอ ไม่ ส ามารถขั บ เคลื่ อ นการบริ ห ารจั ด การได้ อ ย่ า งมี
ประสิทธิภาพ อานาจรัฐถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน
และระหว่างประชาชนกับประชาชนในบางพื้นที่มีช่องว่างมากขึ้น ประชาชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อคิดเห็นแต่
การมีส่วนร่วมตัดสินใจในระดับนโยบายมีน้อย เจ้าหน้าที่รัฐย่อหย่อนในการปฏิบัติตามหน้าที่ การบังคับใช้
กฎหมายไม่จริงจัง การดาเนินงานไม่โปร่งใส เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบ นาไปสู่ความเหลื่ อมล้าและไม่เป็น
ธรรมในมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย
๒.๒.๒ โครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจไทย
มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและปัจจัยแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายตัวทาง
เศรษฐกิจ ขึ้นอยู่กับปั จจัยการผลิตดั้งเดิมโดยเฉพาะทุน และแรงงานราคาถูกที่มีผลิตภาพการผลิ ตต่า เป็น
อุปสรรคต่อการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก การพัฒนาเศรษฐกิจไทยในระยะที่ผ่านมาพึ่งภาค
การส่งออกและการลงทุนเป็นหลัก ผลตอบแทนแรงงานในภาคเกษตรมีสัดส่วนต่าเมื่อเทียบกับนอกภาคเกษตร
เกษตรกรยังประสบความยากจนและมีปัญหาหนี้สิน ความต้องการใช้พลังงานของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น มีการ
พึ่งพิงการนาเข้าพลังงานจากต่างประเทศจานวนมาก
๒.๒.๓ โครงสร้างประชากรที่มีวัยสูงอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรวัยเด็กและวัยแรงงาน
ลดลง ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี ๒๕๖๘ ขณะที่ประชากรวัยเด็กมีสัดส่วนลดลงอย่าง
ต่อเนื่อง ทาให้สัดส่วนประชากรวัยแรงงานลดลงในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ อาจกระทบต่อความต้องการ
แรงงานในระบบเศรษฐกิจ ในอนาคต การแข่งขันเพื่อแย่งชิงแรงงานจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานคุณภาพ
ภาครัฐและครัวเรือนจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ
ส่งผลต่อภาระงบประมาณของภาครั ฐ และค่าใช้จ่ายของครัวเรือนในการดูแลสุขภาพอนามัย และการจัด
สวัสดิการทางสังคม
- 5.
ฐ
๒.๒.๔ ค่า นิ ย มที่ ดี ง ามของไทยเสื่อ มถอย กระแสโลกาภิ วั ตน์ มี ผ ลกระทบต่ อ วั ฒ นธรรม
ประเพณี ดั้ ง เดิ ม ที่ ดี ง าม ส่ ง ผลให้ สั ง คมไทยมี ค วามเป็ น วั ต ถุ นิ ย ม คนไทยให้ ความส าคั ญ กั บศี ล ธรรมและ
วัฒนธรรมที่ดีงามลดลง ทั้งการดารงชีวิตประจาวัน การใช้ชีวิตและความสัมพันธ์กับผู้อื่น มุ่งหารายได้เพื่อสนอง
ความต้องการ การช่วยเหลือเกื้อกูลกันลดลง ความมีน้าใจไมตรีน้อยลง ต่างแก่งแย่งเอารัดเอาเปรียบกัน ทาให้
คนไทยขาดความสามัคคี การเคารพสิทธิผู้อื่น และการยึดถือประโยชน์ส่วนรวม
๒.๒.๕ ฐานทรั พยากรธรรมชาติแ ละสภาพแวดล้อมของประเทศมี แ นวโน้มเสื่อมโทรม
รุนแรง จากการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านกายภาพ การใช้ ประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้
สถานการณ์และแนวโน้มความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรง โดยเฉพาะ
การขาดแคลนน้า การใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ไม่คุ้มค่า และปริมาณของเสีย ที่เพิ่มขึ้น นาไปสู่ความเสี่ยง
ต่อการสู ญ เสี ย ความหลากหลายทางชี ว ภาพ รวมไปถึ งการกั ดเซาะชายฝั่ งอย่า งต่อ เนื่ อง ขณะที่ ภัย พิบั ติ
จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทบต่อฐานการผลิตภาคเกษตร ความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน สุขภาวะและคุณภาพ
ชีวิตของประชาชน
๒.๒.๖ ประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงด้านความมั่นคง ทั้งที่มาจากปัญหาการก่อความไม่
สงบในประเทศ ปัญหาการก่อการร้ าย วิกฤตเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านต่างๆ ในเวทีระหว่างประเทศ
รวมทั้ง ภัยพิบัติที่เกิดจากมนุษย์และธรรมชาติมีความรุนแรงและผลกระทบสูง มีแนวโน้มจะมีความรุนแรงและ
ผลกระทบเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เป็นประเด็นท้าทายต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงทั้ งการบริหารวิกฤตการณ์
การเตรียมความพร้อมเพื่อตอบสนองอย่างฉับไว และการบริหารจัดการในภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งการเสริมสร้าง
ศักยภาพของประเทศให้มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง
๒.๓ การสร้ า งภู มิ คุ้ ม กั น ของประเทศ เพื่ อ ให้ ป ระเทศไทยสามารถรองรั บ ผลกระทบจากการ
เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จาเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันประเทศ ดังนี้
๒.๓.๑ ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข สถาบั น พระมหากษัตริ ย์ เป็ น สถาบันหลั กที่ยึดโยงคนในชาติให้ เกาะเกี่ยวกันอย่างแน่นแฟูน เป็น
แบบอย่างในการดาเนินชีวิตของคนในสังคม โดยเฉพาะรัชกาลปัจจุบันที่ทรงเป็นแบบอย่างของการดารงชีวิต
บนทางสายกลางและความพอเพียง รวมถึงทรงให้ความสาคัญกับการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกร
ในทุกด้าน
๒.๓.๒ การพัฒนาประเทศให้อยู่บนฐานความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย การวิจัยพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนที่สาคัญ สาหรับการพัฒนาประเทศ ในการปรับเปลี่ยนการผลิต
จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เงินทุน และแรงงานที่มีผลิตภาพต่า ไปสู่การใช้ความรู้และความชานาญด้าน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๒.๓.๓ สังคมไทยมีค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดี งาม วัฒนธรรมไทยที่ดีงามสามารถยึดโยงคน
ไทยให้เป็นเอกภาพ ลดอิทธิพลของความทันสมัยและความขัดแย้งในสังคมไทย ประชาชนนาหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจาวัน ครอบครัวบ่มเพาะความเป็นไทยที่มีจิตสานึกและอัตลักษณ์
ให้บุตรหลานได้ตระหนักถึงรากเหง้าของตนเอง
๒.๓.๔ ภาคการเกษตรเป็ น ฐานรายได้ ห ลั ก และความมั่ น คงด้ า นอาหารของประเทศ
ก่อให้ เ กิดประโยชน์ ห ลายด้าน ทั้งแหล่ งสร้า งงาน แหล่ งผลิ ต อาหาร และเชื่อมโยงวิถี ชีวิตของสั ง คมไทย
มีส่วนสาคัญในการลดความยากจน สร้างงาน และลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
- 6.
ฑ
๒.๓.๕ ชุมชนเป็นกลไกที่มีค วามสามารถในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการพัฒนา
คุณภาพชีวิตและเชื่อมโยงกันเป็นสังคมสวัสดิการ เป็นพลังหลักในการพัฒนารากฐานของประเทศให้มั่นคง
ชุมชนพึ่งตนเองสามารถบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่นได้
อย่างมีประสิทธิภาพ กลไกชุมชนสามารถพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรือง
๓ ประเด็นการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
ภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในช่วงของแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ ๑๑ พร้อมทั้งการวิเคราะห์จุดอ่อนและข้อจากัดที่เป็นจุดเสี่ยงของประเทศ รวมทั้งภูมิคุ้มกันที่ จะต้องเร่ง
เสริ มสร้ างให้ เข้มแข็งมากขึ้น ในสั งคมไทย ได้นามาสู่ การกาหนดประเด็นการพัฒ นาส าคัญเพื่อเป็นกรอบ
การจัดทายุทธศาสตร์การพัฒนาในช่วงของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ดังนี้
๓.๑ การเตรียมคนไทยให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต มุ่งพัฒนาคนไทยให้มีศักยภาพในการคิดวิเคราะห์
สังเคราะห์ มีความคิดสร้างสรรค์ ใฝุเรียนรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม รู้จักสิทธิหน้าที่ของตนเองและ
ผู้อื่น ควบคู่กับการเสริมสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาและแหล่งเรียนรู้ในระดับชุมชน
๓.๒ การสร้ า งความมั่ น คงทางเศรษฐกิ จ และสัง คมให้ ทุ กคนในสั ง คมไทย มุ่ งปรั บโครงสร้ า ง
เศรษฐกิจที่มีคุณภาพและยั่งยืน มีฐานการพัฒนาที่ทั่วถึง ให้ความสาคัญกับการปรับโครงสร้างการค้าและการ
ลงทุนให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเศรษฐกิจในประเทศ
ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ และการผลิตที่เป็นมิตร
กับสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มกับสาขาบริการที่มีศักยภาพบนฐานของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
พัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์และเมืองสร้างสรรค์ สร้างความเข้มแข็งภาคเกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร พร้อม
ทั้งขยายเศรษฐกิจฐานรากให้มีความหลากหลายและแข็งแกร่งมากขึ้น มีระบบค่าจ้างแรงงานและสวัสดิการ
แรงงานที่เป็นธรรม มีการคุ้มครองแรงงานที่เหมาะสมกับการดารงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนา
ทักษะและความรู้ทั้งด้านการผลิตและการบริหารจัดการ การเข้าถึงทรัพยากร โครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนา
ระบบการเงินฐานรากและระบบการออมที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มโอกาสการประกอบสัมมาชีพที่มั่นคง รวมทั้ง
พัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคมให้มีคุณภาพและครอบคลุมอย่างทั่วถึง
๓.๓ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และส่งเสริมบทบาทภาคประชาสังคมและธุรกิจ
เอกชนให้เป็นพลังร่วมในการพัฒนาสังคมไทย มุ่งยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถของชุมชนใน
การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชน และการจัดการความรู้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการ
ดาเนินธุรกิจที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนคืนสู่สังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกระตุ้นชุมชนและภาค
ประชาสังคมร่วมตรวจสอบการดาเนินงานของภาครัฐ และส่งเสริมให้ชุมชนสามารถเชื่อมโยงทิศทางการพัฒนา
กับบริบทการเปลี่ยนแปลงในอนุภูมิภาค อาเซียน และโลก
๓.๔ การพัฒนาปัจจัยสนับสนุนที่เอื้อต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใน
การแข่งขันและระบบการแข่งขันที่เป็นธรรม เน้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิด
สร้างสรรค์ ควบคู่กับการพัฒนากาลังคนที่มีสมรรถนะสูง บริหารจัดการโลจิสติกส์ พัฒนาการขนส่งต่อเนื่อง
หลายรูปแบบ ระบบราง พัฒนาบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้ง
ปฏิรูปกฎหมาย กฎ ระเบียบทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์
- 7.
ฒ
๓.๕ การส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็น หุ้นส่วนการพัฒนาทั้งในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค
เน้นสร้างความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพรองรับการขยายตัวด้านการค้า
การลงทุนผ่านการอานวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนและข้ามแดน การพัฒ นาเขตเศรษฐกิจ
ชายแดนและการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียใต้
๓.๖ การเตรี ยมความพร้ อมของไทยเข้า สู่ประชาคมอาเซียน ให้ความสาคัญ ในการสร้างความ
ตระหนั ก ในความส าคัญของประชาคมอาเซีย น และผลกระทบที่ จ ะเกิ ดขึ้น พัฒ นาขีดความสามารถของ
ผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้และใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พัฒนาทักษะแรงงานให้มี
ความสามารถเป็นที่ยอมรับของตลาดแรงงานอาเซียน รวมทั้งการปรับกฎ ระเบียบ และการจัดการเชิงสถาบัน
ให้สอดรับกับกติกาของอาเซียน
๓.๗ การบริหารจัดการน้ําและที่ดินเพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารและการปรับโครงสร้าง
ทางเศรษฐกิจ มุ่งพัฒนา ปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้าเพื่อเพิ่มปริมาณน้าต้นทุน พัฒนาระบบโครงข่ายกระจาย
น้า และความมั่นคงด้านน้าอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้า ฟื้นฟูและพั ฒนาดินที่
เสื่อมสภาพให้เหมาะสมกับการทาเกษตรกรรม แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินในเขตอนุรักษ์ ปรับปรุงการบริหาร
จัดการที่ดินทั้งระบบ กระจายการถือครองที่ดินให้เป็นธรรม ปูองกันการสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่ดินของเกษตรกร
รายย่อย
๓.๘ การยกระดับขีดความสามารถในการปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ให้ความสาคัญกับการวางแผนรองรับและจัดการปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง
สภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการลดก๊าซเรือนกระจกและการ
ปรั บ ตั ว และการสร้ า งความเข้ มแข็ ง ให้ กั บ ชุม ชนท้ องถิ่น เพื่อ รองรับ ภัย พิ บัติ และการเปลี่ ย นแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้าจากเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตภาวะโลกร้อน
๓.๙ การบริ หารจั ด การประเทศเพื่อสร้ า งความเป็น ธรรมในสั งคม พั ฒ นาระบบราชการและ
ข้าราชการโดยยึดหลักธรรมาภิบาล เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พัฒนาระบบและกลไกการปูองกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างมีส่วนร่วม ส่งเสริมให้
ประชาชนทุกระดับมีโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมและสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึง
ทรัพยากร ควบคู่ไปกับปลูกฝังจิตสานึก ค่านิยมประชาธิปไตยและธรรมาภิบาลแก่ประชาชนทุกกลุ่ม
๔ วิสัยทัศน์และทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ มุ่งพัฒนาภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และขับเคลื่อนให้บัง
เกิดผลในทางปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในทุกระดับ ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ให้ความสาคัญกับการสร้าง
กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม พัฒนาประเทศสู่ความสมดุลในทุกมิติ อย่างบูรณาการ และ
เป็นองค์รวม และยึดวิสัยทัศน์ปี พ.ศ. ๒๕๗๐ ดังนี้
“คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีมิตรไมตรีบนวิถีชีวิตแห่งความพอเพี ยง ยึดมั่นในวัฒนธรรม
ประชาธิปไตย และหลักธรรมาภิบาล การบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่ทั่วถึง มีคุณภาพ สังคมมีความปลอดภัย
และมั่นคง อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดี เกื้อกูลและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ระบบการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน อยู่บนฐานทางเศรษฐกิจที่พึ่งตนเองและแข่งขันได้ในเวทีโลก สามารถอยู่
ในประชาคมภูมิภาคและโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี”
- 8.
ณ
๔.๑ วิสัยทัศน์และพันธกิจการพัฒนาประเทศ การจัดทาแผนพัฒนาในระยะ ๕ ปี ที่สอดคล้องกับ
วิสัยทัศน์ระยะยาวดังกล่าว จาเป็นต้องมีการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ ยุทธศาสตร์ และแนวทาง
การพัฒนาที่มีลาดับความสาคัญสูงในช่วงระยะ ๕ ปี แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ จึงประกอบด้วยวิสัยทัศน์และ
พันธกิจ ดังนี้
๔.๑.๑ วิสัยทัศน์ “สั งคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้ว ยความเสมอภาค เป็นธรรม และมี
ภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง”
๔.๑.๒ พันธกิจ
๑) สร้างสังคมเป็นธรรมและเป็นสังคมที่มีคุณภาพ ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิต ได้รับ
การคุ้มครองทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและกระบวนการยุติธรรม
อย่างเสมอภาค ทุกภาคส่ว นได้รับการเสริมพลังให้ส ามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา ภายใต้ ระบบ
บริหารจัดการภาครัฐที่โปร่งใส เป็นธรรม
๒) พัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีคุณธรรม เรียนรู้ตลอดชีวิต มีทักษะและการดารงชีวิต
อย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย สถาบันทางสังคมและชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง สามารถปรับตัวรู้เท่าทัน
กับการเปลี่ยนแปลง
๓) พัฒนาฐานการผลิตและบริการให้เข้มแข็งและมีคุณภาพบนฐานความรู้ ความคิด
สร้างสรรค์ และภูมิปัญญา สร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ปรับโครงสร้างการผลิตและการบริโภคให้
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและ
สังคม
๔) สร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการมีส่วน
ร่วมของชุมชน รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
ทางธรรมชาติ
๔.๒. วัตถุประสงค์และเป้าหมาย
๔.๒.๑ วัตถุประสงค์
๑) เพื่อเสริมสร้างสังคมทีเป็นธรรมและเป็นสังคมสงบสันติสุข
่
๒) เพื่อพัฒนาคนไทยทุกกลุ่มวัยอย่างเป็นองค์รวมทั้งทางกาย ใจ สติปัญญา อารมณ์
คุณธรรม จริยธรรม และสถาบันทางสังคมมีบทบาทหลักในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ
๓) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ คุณภาพ และยั่งยืน เป็นผู้นา
การผลิตสินค้าและบริการบนฐานปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน มีความมั่นคงทางอาหาร
และพลังงาน การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นาไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่า
๔) เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อ มให้เพียงพอต่อการรักษา
สมดุลของระบบนิเวศ และเป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศ
๔.๒.๒ เป้าหมายหลัก
๑) ความอยู่ เย็นเป็ นสุขและความสงบสุขของสังคมไทยเพิ่มขึ้น ความเหลื่ อมล้าใน
สังคมลดลง และภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นดีขึ้น
- 9.
ด
๒) คนไทยมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีสุขภาวะดีขึ้น และสถาบันทางสังคมมีความ
เข้มแข็งมากขึ้น
๓) เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่เหมาะสมตามศักยภาพของประเทศ โดยให้ความสาคัญ
กับ การเพิ่มผลิ ต ภาพรวมไม่ต่ากว่าร้ อยละ ๓ ต่อปี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของ
ประเทศ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อ GDP ให้มีสัดส่วนไม่ต่ากว่าร้อยละ ๔๐
และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
๔) คุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพการลดการปล่อยก๊าซ
เรือนกระจก รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ปุาไม้เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
๔.๒.๓ ตัวชี้วัด
๑) ดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุข ดัชนีความสงบสุข สัดส่วนรายได้ระหว่างกลุ่มประชากรที่
มีรายได้สูงสุดร้อยละ ๑๐ กับกลุ่มที่มีรายได้น้อยร้อยละ ๑๐ สัดส่วนแรงงานนอกระบบที่สามารถเข้าถึง การ
คุ้มครองทางสังคม คดีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐต่อ ๑๐,๐๐๐ ครัวเรือน คดีในศาลปกครองต่อ ๑๐,๐๐๐
ครัวเรือน และดัชนีภาพลักษณ์การทุจริตประพฤติมิชอบไม่ต่ากว่า ๕.๐ คะแนน
๒) จ านวนปี ก ารศึ ก ษาเฉลี่ ย ของคนไทย สั ด ส่ ว นผู้ ใ ช้ อิ นเตอร์เ น็ ต เพื่อ การเรี ย นรู้
จ านวนบุ ค ลากรด้า นการวิ จั ย และพั ฒ นา อัต ราการเจ็บ ปุ ว ยด้ ว ยโรคไม่ ติ ดต่ อ และดั ช นี ค วามอบอุ่ นของ
ครอบครัว
๓) อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟูอ ผลิตภาพการผลิตรวม อันดับ
ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ สัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจขนาดกลางและ
ขนาดย่อมต่อ GDP
๔) คุณ ภาพน้ าและอากาศอยู่ ใ นเกณฑ์ ม าตรฐาน ร้ อ ยละของพื้ นที่ ปุ า ไม้ ต่ อ พื้ น ที่
ประเทศ และสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
๕ ยุทธศาสตร์การพัฒนา
การพัฒนาประเทศให้ คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและ
ยั่งยืน ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ปรับเปลี่ยนเร็ว คาดการณ์ได้ยากและ
ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การพัฒนาในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ จึงจาเป็นต้องกาหนดทิศทางและยุทธศาสตร์
การพัฒนาที่เหมาะสม โดยเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปูองกันปัจจัยเสี่ยง และเสริมรากฐานของประเทศด้านต่างๆ
ให้เข้มแข็ง ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สาคัญในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ มีดังนี้
๕.๑ ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงปัจจัยการประกอบ
อาชีพ ทั้งแหล่งทุน โครงสร้างพื้นฐานและทักษะความรู้ที่จะเป็นฐานการประกอบอาชีพที่มั่นคง รวมทั้งโอกาส
ทางธุรกิจนาไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทุกคนในสังคมไทย ทุกคนในสังคมไทยมีความเท่าเทียมกันในการ
เข้าถึงบริการทางสังคมที่มีคุณภาพและสามารถดารงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ประชาชนทุกคนได้รับการ
คุ้มครองสิทธิพื้นฐานอันพึงมีพึงได้ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค รวมทั้งสร้างความโปร่งใสใน
กระบวนการตัดสินใจของระบบบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของการใช้หลักนิติธรรม หลักคุณธรรมและ
จริยธรรม และหลักผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ สนับสนุนให้ภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมแก้ไข
ปัญหาความเหลื่อมล้าและลดความขัดแย้งในสังคมไทยและดารงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกัน
มีแนวทางสาคัญ ดังนี้
- 10.
ต
๕.๑.๑ สร้ า งความมั่น คงทางเศรษฐกิจและสังคมให้ทุกคนในสังคมไทยสามารถจัดการ
ความเสี่ยงและสร้างโอกาสในชีวิตให้แก่ตนเอง โดยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีฐานการพัฒนาที่ทั่วถึงและ
ยั่งยืน พร้อมทั้งเศรษฐกิจฐานรากที่มีความหลากหลายและแข็งแกร่งมากขึ้น ส่งเสริมการจัดสรรทรัพยากรให้
เกิดความเป็นธรรม พัฒนาการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต
ส่งเสริมบทบาทของภาคธุรกิจเอกชนในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมแก่คนในสังคมไทย
ยกระดับคุณภาพของระบบการคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมทุกคนอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับความต้องการ
และความจาเป็น
๕.๑.๒ จั ด บริ การทางสั งคมให้ ทุกคนตามสิทธิ พึ งมีพึงได้ เน้น การสร้ า งภูมิคุ้ม กัน ระดั บ
ปัจเจกและสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจในการพัฒนาประเทศ โดยพัฒนาช่องทางการเข้าถึง
บริการสาธารณะอย่างทั่วถึงเพื่อ สร้างโอกาสให้กลุ่มด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ
อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง สนับสนุนการจัดหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยและการเข้าถึงระบบสาธารณูปโภค
พัฒนาระบบสวัสดิการทางสังคม และระบบการเงินฐานรากและระบบการออมที่หลากหลาย เสริมสร้างเจตคติ
ด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงและชาย ปรับปรุงฐานข้อมูลที่สะท้อนคุณภาพบริการสาธารณะและพัฒนา
ช่องทางการเผยแพร่เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสาธารณะ
๕.๑.๓ เสริมสร้างพลังให้ทุกภาคส่วนสามารถเพิ่มทางเลือกการใช้ชีวิตในสังคมและสร้าง
การมีส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี โดยเสริมสร้างพลังทาง
สังคมให้ทุกคนสามารถแสดงออกทางความคิดอย่างสร้างสรรค์ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของชุมชนใน
การจัดการปัญหาของชุมชนด้วยตัวเอง สนับสนุนการรวมกลุ่มอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ ส่งเสริม
ให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นพลังร่วมในการพัฒนาสังคมไทย พัฒนา
ช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการปฏิบัติงานภาครัฐ การดาเนินโครงการขนาดใหญ่ การจัดสรร
ทรัพยากร และมีส่วนร่วมในการตรวจสอบค่าใช้จ่ายภาครัฐ ส่งเสริมบทบาทสตรีในทางการเมืองโดยกาหนดให้
เป็นพันธกิจสาคัญของแผนพัฒนาสตรีในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายเพื่อการ
คุ้มครองผู้บริโภครวมทั้งการบังคับใช้อย่างเข้มงวด
๕.๑.๔ เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนในสังคมให้แน่นแฟ้นเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน โดย
สร้างค่านิยมใหม่ที่ยอมรับร่วมกันบนฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจและเกื้อกูลกันในสังคม ส่งเสริมวัฒนธรรม
การเมืองที่มีธรรมาภิบาลนาไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเหมาะสม เสริมสร้างระบบบริหารราชการ
ให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ มีระบบถ่วงดุลอานาจการตรวจสอบที่เข้มงวดและรอบด้าน พัฒนาข้าราชการให้มี
คุณภาพสูง มีคุณธรรม จริยธรรมทางอาชีพ และมีความรับผิดรับชอบ ปฏิรูปการเมืองไทยทั้งระบบให้เป็น
ประชาธิปไตยของมวลชน สร้างความเท่าเทียมในกระบวนการยุติธรรม เพิ่มช่องทางในการรับข้อร้องเรียนและ
ให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายและผู้ได้รับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรม สนับสนุนการใช้สื่อเพื่อ
สังคมทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น และสังคมออนไลน์
๕.๒ ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพคน
ไทยทุ ก กลุ่ ม วั ย ให้ มี ค วามพร้ อ มทั้ ง กาย ใจ สติ ปั ญ ญา มี ร ะเบี ย บวิ นั ย มี จิ ต ส านึ ก วั ฒ นธรรมที่ ดี ง ามและ
รู้คุณค่าความเป็นไทย มีโอกาสและสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิต ยกระดับการพัฒนาคุณภาพการศึ กษาไทยให้ได้
มาตรฐานสากล และเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย เสริมสร้างสภาพแวดล้อม
ทางครอบครัว ชุมชน และสังคมให้มั่นคงและเอื้อต่อการพัฒนาคนอย่างสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลง
ทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต โดยมีแนวทางสาคัญ ดังนี้
- 11.
ถ
๕.๒.๑ ปรับโครงสร้างและการกระจายตัวประชากรให้เหมาะสม โดยส่งเสริมคู่สมรสที่มี
ศักยภาพและความพร้อมให้มีบุตรเพิ่มขึ้น และรักษาระดับอัตราเจริญพันธุ์ไม่ให้ต่ากว่าระดับที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
สนับสนุนการกระจายตัวและส่งเสริมการตั้งถิ่นฐานของประชากรให้เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส
และทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่
๕.๒.๒ พัฒนาคุณภาพคนไทยให้มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยพัฒนาคุณภาพคนไทย
ทุกช่วงวัย สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้สู่วัฒนธรรมการเกื้อกูล เสริมสร้างทักษะให้คนมีการเรียนรู้ต่อเนื่อง
ตลอดชีวิต การต่อยอดสู่นวัตกรรมความรู้ การฝึกฝนจนเกิดความคิดสร้างสรรค์ การเปิดใจกว้างพร้อมรับทุก
ความคิดเห็ น และการปลู กฝั งจิตใจที่มีคุณธรรม มีระเบียบวินัย ควบคู่กับการพัฒนาคนด้วยการเรียนรู้ใน
ศาสตร์วิทยาการให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างหลากหลาย สอดคล้องกับแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต
รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดตามศักยภาพและความถนัด รวมทั้งสร้างจิตสานึกของประชาชนให้มีความรับผิดชอบ
ต่อสังคม โดยสร้างความตระหนักถึงการเคารพกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน การสร้างค่านิยมให้มีพฤติกรรม
การผลิตและบริ โ ภคที่รั บผิ ดชอบต่อสิ่งแวดล้ อม การสร้างความรู้ความเข้าใจและจิตส านึกในการอนุรักษ์
พลังงาน เพื่อนาไปสู่การสร้างสังคมน่าอยู่
๕.๒.๓ ส่งเสริมการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างเป็นองค์รวม โดยสร้างเสริมสุขภาวะคน
ไทยให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ โดยการพัฒนาความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพของ
ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และลดปัจจัยเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมทีมีผลต่อสุขภาพ รวมทั้งมุ่งสร้างกระบวนการมี
่
ส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อสุขภาพ การใช้ประโยชน์จากยาสมุนไพรเพื่อการปูองกันและ
การรักษาเบื้องต้น และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการสื่อสารสังคมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก และพัฒนา
ระบบบริการสาธารณสุขให้ มีคุณภาพอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะระบบบริการขั้นพื้นฐาน ควบคู่กับการส่งเสริม
การแพทย์ทางเลือก การพัฒนาด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศ การ
พัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขให้เหมาะสมทั้งการผลิต การกระจายด้านสาธารณสุข ค่าตอบแทน และการ
อานวยความสะดวกในชีวิตความเป็นอยู่เพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้บุคลากรมีการกระจายที่เหมาะสม รวมทั้งการใช้
มาตรการการเงินการคลังเพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
๕.๒.๔ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ด้วยการสร้าง
กระแสสังคมให้การเรียนรู้เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน สร้างนิสัยใฝุรู้ รักการอ่านตั้งแต่วัยเด็ก และส่งเสริมการ
เรียนรู้ร่วมกันของคนต่างวัย ควบคู่กับการส่งเสริมให้องค์กร กลุ่มบุคคล ชุมชน ประชาชน และสื่อทุกประเภท
เป็นแหล่งเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ สื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ส่งเสริมการศึกษาทางเลือกที่สอดคล้องกับ
ความต้องการของผู้เรียน สร้างปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
๕.๒.๕ เสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคม ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนนาค่านิยมและ
วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยเป็นฐานในการพัฒนาคนและสังคม โดยส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันหลัก ทาง
สังคม พัฒนาบทบาทของสถาบันทางสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาคน และสร้างค่านิยมให้คนไทยภาคภูมิใจใน
วัฒนธรรมไทย และยอมรับความแตกต่างของความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งทาง
ความคิด และสร้างความเป็นเอกภาพในสังคม ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวัฒนธรรมร่วมกับ
ประชาคมโลก โดยเฉพาะประชาคมอาเซียน เพื่อให้เกิดการไหลเวียนทางวัฒนธรรมในรูปแบบการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการรับรู้ข้อมูล
ข่าวสารของกันและกัน
- 12.
ท
๕.๓ ยุทธศาสตร์ความเข้มแข็งภาคเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน เพื่อให้ภาคเกษตร
เป็นฐานการผลิตที่มั่นคงและเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตสินค้าเกษตร อาหารและพลังงานที่มี
มูลค่าเพิ่ม มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของ
ตลาดในระดับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพและ
รายได้เกษตรกร สนับสนุนครัวเรือนและองค์กรเกษตรกร ชุมชนและเกษตรกรให้เข้มแข็งและสามารถพึ่งพา
ตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางสาคัญ ดังนี้
๕.๓.๑ พัฒนาทรั พยากรธรรมชาติที่เ ป็น ฐานการผลิตภาคเกษตรให้เ ข้มแข็ งและยั่งยืน
รักษา ปูองกัน และคุ้มครองพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตร สนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยมีที่ดินเป็นของ
ตนเองหรือมีสิทธิทากินในที่ดิน สนับสนุนการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยเร่งรัด
ให้มีการซื้อที่ดินจากเอกชนหรือบุคคลที่ถือครองจานวนมากและไม่ใช้ประโยชน์ เร่งรัดการจัดให้มีองค์กรและ
ระบบบริหารจัดการที่ดินให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมถึงฟื้นฟูคุณภาพของทรัพยากรดินให้มีความอุดมสมบูรณ์
บริหารจัดการน้าอย่างบูรณาการ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้าภาคเกษตร เพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนการเพิ่ม
ประสิทธิภาพการผลิตในภาคเกษตร ตลอดจนฟื้นฟูและส่งเสริมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมทางการเกษตรที่ให้
ความสาคัญกับการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อช่วยสร้างความสมดุลและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติทั้ง
ดิน น้า และปุาไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตทางการเกษตรต่อไปในอนาคต
๕.๓.๒ เพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคเกษตร รัฐควรให้ความสาคัญกับการวิจัย
และพั ฒ นาอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง รวมทั้ ง สนั บ สนุ น การวิ จั ย และพั ฒ นาของภาคเอกชน สนั บ สนุ น การผลิ ต ทาง
การเกษตรที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ควบคุมและกากับดูแลการนาเข้าและใช้สารเคมีทางการเกษตรที่ได้
มาตรฐาน และ สนับสนุนการใช้สารชีวภาพให้มากขึ้น พร้อมไปกับการปรับปรุงบริการขั้นพื้นฐานเพื่อการผลิต
ให้ทั่วถึง อาทิ ศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตร ศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับชุมชน ส่งเสริมการผลิตที่
คงไว้ซึ่งความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ และ
สนับสนุนการทดลองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม พัฒนาและเสริมสร้างองค์
ความรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่เหมาะสมทางการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการ
ผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง
๕.๓.๓ สร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยสนับสนุนการผลิต
และบริการของชุมชนในการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร อาหาร และพลังงาน ส่งเสริมสถาบันการศึกษาใน
พื้นที่เข้ามาร่วมทาการศึกษาวิจัยกับภาคเอกชน ควบคู่กับการใช้มาตรการด้านสิน เชื่อผ่อนปรนและด้านภาษี
จูงใจเกษตรกรและผู้ประกอบการนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มาใช้ ป ระโยชน์ สนั บ สนุ น การยกระดั บ มาตรฐานระบบการผลิ ต และคุ ณ ภาพสิ น ค้ า เกษตรและอาหาร
ให้เทียบเท่าระดับสากล อาทิ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้าเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ตลอดจนสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรผลิต
สินค้าเกษตรและอาหารตามมาตรฐานที่กาหนด ส่งเสริมระบบตลาดกลางสินค้าเกษตรและตลาดซื้อขายสิ นค้า
เกษตรล่วงหน้าให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมภาคเอกชนและองค์กรชุมชนเข้ามามีบทบาทร่วมกันบริหาร
จัดการระบบสินค้าเกษตรและอาหาร การเพิ่มมูลค่า และการจัดการด้านการตลาด ร่วมกับสถาบันเกษตรกร
สนับสนุนการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ของภาคเกษตรที่เชื่อมโยงตลอด
ห่วงโซ่อุปทานและสามารถตรวจสอบการเคลื่อนย้ายของสินค้า
- 13.
ธ
๕.๓.๔ สร้ า งความมั่ น คงในอาชี พ และรายได้ ใ ห้ แ ก่ เ กษตรกร พั ฒ นาระบบการสร้ า ง
หลักประกันด้านรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคง และให้ครอบคลุมเกษตรกรทั้งหมด เร่งพัฒนาระบบ
ประกันภัยพืชผลการเกษตร ให้สามารถคุ้มครองความเสี่ยงด้านการผลิตทางการเกษตรจากทุกภัยพิบัติให้กับ
เกษตรกรในทุกพื้น ที่ ส่ งเสริมระบบการทาการเกษตรแบบมีพั นธสัญญาที่เป็นธรรมแก่ทุกฝุ ายที่เกี่ยวข้อง
ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น สร้างแรงจูงใจให้เยาวชน หรือเกษตรกรรุ่นใหม่
และแรงงานที่มีคุณภาพเข้าสู่ อาชีพเกษตรกรรม พัฒ นาสถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนให้เป็นกลไก
สนับสนุนการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายย่อยที่
ได้รับผลกระทบจากการนาเข้าสินค้าเกษตรและอาหารที่มีต้นทุนต่า อันเป็นผลจากข้อตกลงการเปิดการค้าเสรี
๕.๓.๕ สร้ า งความมั่นคงด้ านอาหารและพัฒนาพลังงานชีว ภาพในระดับครั วเรื อนและ
ชุมชน ส่งเสริมให้มีการปลูกปุาโดยชุมชนและเพื่อชุมชนเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้เกษตรกรทาการเกษตรด้วยระบบ
เกษตรกรรมยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุนการจัดการและเผยแพร่องค์ความรู้และ
การพัฒนาด้านอาหารศึกษาทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องรวมทั้งส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่เหมาะสมของ
บุคคลและชุมชน สนับสนุนการสร้างเครือข่ายการผลิตและการบริโภคที่เกื้อกูลกันในระดับชุมชนที่อยู่บริเวณ
ใกล้เคียงกัน สนับสนุนการผลิตพลังงานทดแทนภายในชุมชน โดยพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต
พลังงานทดแทน ทั้งจากวัตถุดิบเหลือใช้จากครัวเรือนและการเกษตร ส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใน
พื้นที่ให้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งด้านอาหารให้กับเกษตรกรและชุมชนอย่างเป็นระบบ
๕.๓.๖ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานชีว ภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและความ
เข้มแข็งภาคเกษตร ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลั งงานจากพืชพลังงาน จัดให้
มีระบบการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่ เป็นทั้งอาหารและพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้
พลังงานชีวภาพที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการผลิตและบริการ เพื่อลดการพึ่งพาการใช้น้ามันเชื้อเพลิง จัดให้มีกลไก
ในการกากับดูแลโครงสร้างราคาของพลังงานชีวภาพ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการสร้างเสถียรภาพและความเป็น
ธรรมต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต ปลูกจิตสานึกในการใช้พลังงานชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
๕.๓.๗ ปรับระบบบริหารจัดการภาครัฐเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน
สนับสนุนบทบาทของเกษตรกร เครือข่ายปราชญ์ ชาวบ้าน ภาคเอกชน และชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ
กาหนดทิศทางและวางแผนการผลิ ตทางการเกษตรเชื่อมโยงกับภาครัฐ รวมทั้งร่ว มติดตามตรวจสอบการ
ทางานของภาครัฐอย่างเป็นระบบ ปรับระบบการทางานของหน่วยงานรัฐให้มีการบูรณาการอย่างจริงจังทั้งใน
ส่วนกลางและระดับพื้นที่ พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศด้านอาหารและพลังงานตั้งแต่การผลิต การตลาด
ไปจนถึงการบริโภคให้มีความถูกต้อง สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ
การพัฒนาด้านการเกษตรเพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งใน
ระดับพหุภาคีและทวิภาคี โดยเฉพาะประชาคมอาเซียน ในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ความร่วมมือใน
การผลิตการตลาด การจัดตั้งระบบสารองข้าวฉุกเฉิน ปรับปรุงกฎระเบียบ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ
กลไกที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน
๕.๔ ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน เพื่อปรับ
โครงสร้างเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสร้างระบบ
การแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ให้ประเทศไทยมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายด้านการผลิตสินค้าและบริการบน
ฐานปัญญา นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีแนวทาง
สาคัญ ดังนี้
- 14.
น
๕.๔.๑ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ เป็น
พื้นฐานสําคัญในการขับเคลื่อนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ โดยปรับโครงสร้างการค้าและการลงทุน
ให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกาและเศรษฐกิจภายในประเทศ
โดยเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการตลาด การกระจายผลผลิตไปสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ผลักดันและเร่งรัด
ความตกลงการค้าเสรี ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนต่างประเทศ และส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ
ขนาดย่อมให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้ง ปรับโครงสร้างภาคบริการให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มกับสาขา
บริการที่มีศักยภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บนฐานความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ฟื้นฟูและพัฒนา
คุณภาพแหล่งท่องเที่ยวและการบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พัฒนา
ภาคเกษตรบนฐานการเพิ่ ม ผลิ ต ภาพในการผลิ ต และยกระดั บ การสร้ า งมู ล ค่ า เพิ่ ม ด้ ว ยเทคโนโลยี แ ละ
กระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาภาคเกษตรบนฐานการเพิ่มผลิตภาพในการผลิตและยกระดับการ
สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งการปรับ
โครงสร้างอุตสาหกรรมให้ยั่งยืนและมีคุณภาพ ด้วยการเน้นการใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
ความคิดสร้างสรรค์ สู่อุตสาหกรรมฐานความรู้เชิงสร้างสรรค์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อมโยงกับ
อุตสาหกรรมท้องถิ่น โดยสร้างกระบวนการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ต้นน้า (ระบบการศึกษา) จนถึงปลายน้า
(พัฒนาผลิตภัณฑ์) และนาไปสู่การจดทะเบียนลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้เศรษฐกิจไทยก้าวเข้าสู่
ยุคของการใช้เทคโนโลยีและทุนทางปัญญาเป็นตัวนา
๕.๔.๒ พัฒนาระบบการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ เท่าเทียม และเป็นธรรม พัฒนาปัจจัยการ
ผลิตให้เอื้อต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุน ได้แก่ พัฒนาสถาบันการเงินให้มี
เสถี ย รภาพ ประสิ ท ธิภ าพ มี ร ะบบก ากั บ ดูแ ลระบบบริ ห ารความเสี่ ย งที่ เข้ ม งวด และครอบคลุ ม มากขึ้ น
ให้ บ ริ ก ารประชาชนและธุ ร กิ จ อย่ า งทั่ ง ถึ ง พั ฒ นาศั ก ยภาพของระบบการเงิ น ฐานราก และสร้ า งความรู้
ความเข้าใจในเรื่องวินัยการเงินแก่ประชาชน พัฒนากาลังแรงงานและตลาดแรงงานให้สมดุลกับภาคการผลิต
และบริ ก าร ทั้ ง ในด้ า นขี ด ความสามารถ ความเชี่ ย วชาญ และจ านวนที่ ส อดคล้ อ งกั บ ตลาดแรงงาน
พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม ที่เน้นการนาความคิดสร้างสรรค์ ทรัพย์สินทางปัญญา วิจัย
และพัฒนา ไปต่อยอด ถ่ายทอด และประยุกต์ใช้ทั้งเชิงพาณิชย์ สังคม และชุมชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและ
ระบบโลจิสติกส์ โดยผลักดันการพัฒนาด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร
จัดการ พัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟ ปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายขนส่งมวลชนให้ทันสมัย และสอดคล้องกับการ
ขยายตัวของเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดิน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ที่ทันสมัย พัฒนาศักยภาพการให้บริการน้าอุ ปโภคบริโภคทั้งปริมาณและคุณภาพที่มีมาตรฐานสากลทั้งใน
เขตเมืองและพื้น ที่ช นบท ตลอดจนสร้ างความมั่นคงด้านพลั งงาน การใช้พลังงานสะอาด พัฒนาพลั งงาน
ทางเลื อกต่า งๆ กากั บ ดู แ ลให้ มี ร าคาที่ เ หมาะสม เป็น ธรรม และปฏิ รูป กฎหมาย และกฎ ระเบีย บต่า งๆ
ทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน
๕.๔.๓ บริหารจัดการเศรษฐกิจส่วนรวมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารจัดการด้าน
การเงิน โดยดาเนินนโยบายการเงิน ที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์แวดล้ อมและทันต่อเหตุการณ์ เพิ่ม
บทบาทตลาดทุนในระบบเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน พัฒนากลไกการเฝูาระวังความผัน
ผวนทางเศรษฐกิจและพัฒ นาระบบเตือนภัยแบบองค์รวม เพิ่มประสิ ทธิภ าพในการบริห ารจัดการเงินทุน
ระหว่างประเทศ เพิ่มบทบาทของสกุลเงินเอเชียในตลาดระหว่างประเทศ รักษาระดับการออมและการลงทุน
(ดุลบัญชีเดินสะพัด) ของประเทศให้เหมาะสมกั บการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอยู่ในระดับที่สามารถปูองกัน
ความเสี่ยงจากวิกฤตในอนาคตได้ บริหารจัดการด้านการคลัง โดยปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ของประเทศ
เพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพของการจั ด สรรและการบริ ห ารงบประมาณ ปู อ งกั น ความเสี่ ย งทางการคลั ง พั ฒ นา
ประสิทธิภาพการดาเนินงานของรั ฐวิสาหกิจ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางการคลังของภาคองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น
- 15.
บ
๕.๕ ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและ
สังคม มุ่งเพิ่มศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านที่ตั้งของประเทศในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นจุด
เชื่อมโยงที่สาคัญในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก เสริมสร้างประโยชน์ของไทยในด้านการค้า การลงทุน
การเงินและโอกาสด้านการตลาดระหว่างประเทศ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งเชื่อมโยงด้านการค้า
การลงทุนกับมหาอานาจทางเศรษฐกิจใหม่ในเอเชียและกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ใ นเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งผลักดัน
บทบาทของไทยให้เป็นส่วนสาคัญของความร่วมมือในการพัฒนาภายใต้กรอบต่างๆ ได้แก่ อนุภูมิภาค อาเซียน
อาเซียนและพันธมิตร รวมทั้งเอเชียแปซิฟิก โดยมีแนวทางสาคัญ ดังนี้
๕.๕.๑ พัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ภายใต้กรอบความร่ว มมือ
ในอนุภูมิภาคต่างๆ โดยพัฒนาบริการขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากล ปรับปรุง
กฎระเบียบการขนส่งคนและสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดจานวนเอกสาร ต้นทุนการดาเนินงาน และระยะเวลาที่
ใช้ในกระบวนการขนส่งผ่านแดนและข้ามแดน พัฒ นาบุคลากรในธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่ม
ศักยภาพของภาคเอกชนไทยทั้งในด้านทักษะภาษาต่างประเทศ และความรู้ด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์
และเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวพื้นที่ชายแดน/เขตเศรษฐกิจชายแดน ตลอดจนเชื่อมโยงระบบการ
ผลิตกับพื้นที่ตอนในของประเทศ
๕.๕.๒ พัฒนาฐานลงทุนโดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนุภูมิภาค โดยพัฒนา
พื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อ
เป็นฐานการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การเกษตรและการแปรรูปการเกษตร และการท่องเที่ยวในภูมิภาค
พัฒ นาเขตเศรษฐกิจ ชายแดนและเมืองชายแดนให้มีบทบาทการเป็นประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศ
เพื่อนบ้าน ทั้งพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนที่พัฒนาต่อเนื่องและพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบคมนาคม
ขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ มาตรฐานการให้บริการและอานวยความสะดวกบริเวณจุดผ่านแดน และบูรณาการ
แผนพัฒนาพื้นทีเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
่
๕.๕.๓ สร้างความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยพัฒนาความร่วมมือระหว่าง
ภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนที่มีศักยภาพในการร่วมพัฒนาบุคลากรในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจ ภาคการผลิต
อุตสาหกรรมแปรรูป รวมทั้งผู้ ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้
สถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ตลอดจนการยกระดับทักษะ
ฝีมือแรงงาน ทักษะด้านภาษาและความรอบรู้ด้านภาษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม และกาหนด
มาตรฐานขั้นพื้นฐานของคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อปูองกันสิน ค้าและบริการนาเข้าที่ไม่ได้คุณภาพทั้งใน
ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
๕.๕.๔ เข้ า ร่ ว มเป็น ภาคี ค วามร่ วมมื อระหว่ า งประเทศระหว่ า งภู มิภ าคโดยมีบ ทบาทที่
สร้างสรรค์ เพื่อเป็นทางเลือกในการดําเนินนโยบายระหว่างประเทศในเวทีโลก โดยรักษาบทบาทของไทยใน
การมีส่วนร่วมกาหนดยุทธศาสตร์ของกรอบความร่วมมือที่ดาเนินอยู่ เช่น เอเปค กรอบการประชุมสุดยอด
เอเชียตะวันออก รวมทั้งเฝูาติดตามพัฒนาการและพิจารณาเข้าร่วมกรอบที่เป็นทางเลือกใหม่ รักษาดุลยภาพ
ของปฏิสัมพันธ์กับมหาอานาจทางเศรษฐกิจเดิมและมหาอานาจใหม่ เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างยั่งยืน โอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรม และโอกาสในการดาเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง
๕.๕.๕ สร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการส่งเสริมแรงงานไทยในต่างประเทศ โดยเร่งดาเนินการด้านการยอมรับ
มาตรฐานฝีมือระหว่างประเทศเพื่ออานวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายแรงงาน ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยใน
- 16.
ป
การขยายการลงทุนไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและ
วัตถุดิบในประเทศและใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษ (GSP) ของประเทศเพื่อนบ้านในการผลิตเพื่อส่งออก และ
คุ้มครองและส่งเสริมสิทธิและผลประโยชน์ของคนไทยและแรงงานไทยในต่างประเทศ และสนับสนุนการสร้าง
ความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนไทยในต่างประเทศ
๕.๕.๖ มีส่วนร่วมอย่างสําคัญในการป้องกันภัยจากการก่อการร้ายและอาชญากรรม ยา
เสพติด ภัยพิบัติ และการแพร่ระบาดของโรคภัย โดยพัฒนาศักยภาพและความพร้อมในการปูองกันและ
แก้ปัญหาข้ามชาติด้านการก่อการร้าย ปัญหายาเสพติด และการหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ เตรียมพร้อมรับ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติและเหตุฉุกเฉิน โดยพัฒนาศักยภาพและความร่วมมือภายในภูมิภาค เพื่อพร้อมรับต่อ
เหตุการณ์ฉุกเฉินและภัยทางธรรมชาติ และร่วมมือในการปูองกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคภัย
ประเภทที่เกิดขึ้นใหม่ในโลก โดยสร้างศักยภาพในการเตรียมความพร้อมรับการดูแลด้านสาธารณสุข รวมทั้ง
การแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่และโรคระบาดซ้า
๕.๕.๗ เสริมสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศในการสนับสนุนการเจริญเติ บโตทาง
เศรษฐกิจอย่างมีจริยธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดาเนินการตามกรอบความร่วมมือด้าน
สิ่งแวดล้อมในระดับอนุภูมิภาค อาทิ แผนงานด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใต้กรอบ
ความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้าโขง ๖ ประเทศ และความร่วมมือซึ่งการพัฒนาแม่น้าโขงอย่างยั่งยืน และ
ระดับภูมิภาค และเสริมสร้างการผลิตและบริโภคสินค้าและบริการที่นาสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ลดมลพิษ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
๕.๕.๘ เร่ ง รั ด การใช้ ป ระโยชน์ จ ากข้ อ ตกลงการค้ า เสรี ที่ มี ผ ลบั ง คั บ ใช้ แ ล้ ว โดยสร้ า ง
องค์ความรู้ให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบเพื่อให้สามารถพัฒนาศักยภาพและ
โอกาสของตนเองในการใช้ประโยชน์จากการเปิดการค้าเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคธุรกิจขนาดกลางและ
ขนาดย่อมได้รับการสนับสนุน เยียวยาและดูแลจากรัฐในกรณีที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
๕.๕.๙ ปรั บปรุ งและเสริ มสร้ างความเข้มแข็งของภาคีการพัฒนาภายในประเทศตั้งแต่
ระดับชุมชนท้องถิ่น ให้พร้อมต่อการเชื่อมโยงทิศทางการพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงในบริบทโลก เอเชียแปซิฟิก
อาเซีย น และอนุ ภูมิภาค โดยเสริ มสร้ างศักยภาพชุมชนท้องถิ่นให้รับ รู้และเตรียมพร้อมรับกระแสการ
เปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศ สนับสนุนกลไกการพัฒนาระดับพื้นที่ โดยเฉพาะคณะกรรมการ
บริ ห ารงานจั งหวัดแบบบู ร ณาการ (กบจ.) คณะกรรมการบริห ารงานกลุ่ มจังหวัดแบบบูรณาการ (กบก.)
คณะกรรมการ กรอ. จังหวัด และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่
ในการกาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน ให้มีวิสัยทัศน์ที่
ก้าวทันโลกและสามารถพัฒนาเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนา
ร่วมกันระหว่างประเทศ และส่งเสริมศักยภาพด้านวิชาการและเครือข่ายของสถาบันการศึกษาของไทย
เพื่อสร้างความใกล้ชิดทางสังคม วัฒนธรรม และปฏิสัมพันธ์กับประเทศในอนุภูมิภาค
๕.๖ ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยการอนุรักษ์ และ
ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เพีย งพอต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเป็นฐานที่มั่นคง
ของการพัฒนาประเทศ ขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศก้าวไปสู่
การเป็นสังคมคาร์บอนต่า สร้างภูมิคุ้มกัน และเตรียมความพร้อมในการรองรับและปรับตัวต่อผลกระทบจาก
การเปลี่ ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นสิ่งแวดล้อมโลก สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงและใช้
ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ และมีการคุ้มครองรักษาผลประโยชน์ของประเทศจากข้อตกลงและพันธกรณี
ระหว่างประเทศ โดยมีแนวทางสาคัญ ดังนี้
- 17.
ผ
๕.๖.๑ อนุรักษ์ ฟื้นฟู และสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
โดยคุ้ มครอง ปู องกัน รั ก ษา ฟื้ น ฟูพื้ น ที่ปุ า ไม้ และเขตอนุ รักษ์ พัฒ นาระบบฐานข้อ มูล ระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตร์ และการจัดการองค์ความรู้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนและพัฒนาประสิทธิภาพการบริหาร
จัดการ ปรับปรุงการบริหารจัดการที่ดินทั้งระบบ กระจายการถือครองที่ดินให้เกิดความเป็นธรรม เร่งรัดพัฒนา
และฟื้น ฟู คุณภาพดิ น เพื่อสนั บ สนุ น การเพิ่ม ประสิ ทธิ ภ าพการผลิ ตการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
วางระบบการบริ ห ารจั ดการทรั พ ยากรทางทะเลและชายฝั่ ง เร่ง รัด การบริ ห ารจั ด การน้ าแบบบู รณาการ
เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน และลดปัญหาน้าท่วม น้าแล้งได้อย่างยั่งยืน พัฒนาปรับปรุง
และฟื้นฟูแหล่งน้า เพื่อเพิ่มปริมาณน้าต้นทุนในแหล่งน้าที่มีศักยภาพในการกักเก็บน้า เพื่อสนับสนุนการสร้าง
ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานแก่ประเทศ พัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการใช้น้าอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้ มค่า
และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จัดทาแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรน้าเพื่อการอุปโภค บริโภค
อย่างเป็นระบบ ส่งเสริมการอนุรักษ์ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพ และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
๕.๖.๒ ปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคม
คาร์บอนต่ําและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่าและ
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่ง เพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก พัฒนา
เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเน้นการวางผังเมืองที่ ผสมผสานวัฒนธรรม สังคม ระบบนิเวศเข้าด้วยกัน ปรับ
พฤติกรรมการบริโภคสู่สังคมคาร์บอนต่าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
๕.๖.๓ ยกระดั บ ขี ด ความสามารถในการรั บ มื อ และปรั บ ตั ว ต่ อ การเปลี่ ย นแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ เพื่อให้สังคมมีภูมิคุ้มกัน โดยพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบ และการปรับตัวรองรับการ
เปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศ พั ฒ นาเครื่ อ งมื อ ในการบริ ห ารจั ดการเพื่ อ รั บ มือ กั บ ความท้ าทายจากการ
เปลี่ ย นแปลงสภาพภู มิ อ ากาศ พั ฒ นาศั ก ยภาพชุ ม ชนให้ เ ข้ ม แข็ ง พร้ อ มรั บ มื อ กั บ การเปลี่ ย นแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ
๕.๖.๔ เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยจัดทาแผนที่เพื่อบ่งชี้พื้นที่
เสี่ยงภัยทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและจังหวัด และจัดลาดับความเสี่ยงพื้นที่เสี่ยง พัฒนายกระดับการจัดการ
ภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับแนวโน้มการเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงในอนาคต พัฒนาระบบฐานข้อมูล
ระบบการสื่ อ สารโทรคมนาคม ส่ งเสริ ม การพั ฒ นาวิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ด้ า นการจั ด การ
ภัยพิบัติ วางระบบเพื่อส่งเสริมการดาเนินงานของภาคส่วนต่างๆ พัฒนาระบบงานอาสาสมัครของประเทศอย่าง
จริงจัง และมีมาตรฐานตามหลักสากล สนับสนุนภาคเอกชน สถานประกอบการ โรงเรียน และท้องถิ่น ให้มีการ
เตรียมความพร้อม จัดทาแผนปฏิบัติการรองรับภัยพิบัติ การอพยพ วางระบบปฏิบัติการสารองในระดับองค์กร
และการฝึกซ้อมรับมือภัยพิบัติอย่างสม่าเสมอ
๕.๖.๕ สร้ า งภู มิ คุ้ ม กั น ด้ า นการค้ า จากเงื่ อ นไขด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ มและวิ ก ฤตจากการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยติดตามและเฝูาระวังมาตรการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อ
การค้าและการลงทุน เตรี ยมมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการทางการค้าและข้อตกลง
ระหว่างประเทศเกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ศึกษาผลกระทบและกาหนดแผน
กลยุ ทธ์ร ายสิน ค้า รวมทั้งกาหนดมาตรการเยียวยาในสิ นค้าและธุ รกิจที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริ มให้ผู้ส่งออกทํา
คาร์บอนฟุตพริ้นต์ สร้างแรงจูงใจให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ
- 18.
ฝ
๕.๖.๖ เพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีประชาคมโลกที่เกี่ยวข้องกับกรอบความตกลงและ
พันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ โดยศึกษารายละเอียดและสร้างความเข้าใจของพันธกรณี รวมทั้ง
ติดตามสถานการณ์การเจรจาและท่าทีของประเทศต่างๆ สร้างความพร้อมและพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน
ภาครัฐเพื่อเสริมสร้างเทคนิคการเจรจา พัฒนาความร่วมมือในกลุ่มอาเซียน และประเทศคู่ค้าสาคัญ สนับสนุน
การดาเนินงานตามพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๕.๖.๗ ควบคุมและลดมลพิษ เพื่อสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชนโดยลดปริมาณ
มลพิษทางอากาศ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะและน้าเสียชุมชน พัฒนาระบบการจัดการของเสียอันตราย
ขยะอีเล็กทรอนิกส์ และขยะติดเชื้อ ลดความเสี่ยงอันตราย การรั่วไหล และการเกิดอุบัติภัยจากสารเคมี พัฒนา
ระบบเตือนภัย แจ้งเหตุฉุกเฉิน และระบบการจัดการเมื่อเกิดอุบัติภัยด้านมลพิษ
๕.๖.๘ พั ฒ นาระบบการบริ ห ารจั ด การทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ มให้ มี
ประสิทธิภาพ โปร่งใสและเป็นธรรมอย่างบูรณาการ โดยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง และส่งเสริมสิทธิชุมชนใน
การเข้าถึงและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน สนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วมและ
พัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นและชุมชน ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทาง
เศรษฐกิจและสังคมและบังคับใช้อย่างเสมอภาคเป็นธรรม
๖ การบริหารจัดการแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑
สู่การปฏิบัติ
๖.๑ หลักการ ได้แก่ ๑) ขับ เคลื่ อนการพัฒ นาประเทศตามแผนพัฒนาฯในทุกระดับ เป็นกรอบ
ทิศทางหลักในการพัฒนาประเทศ และแปลงสู่การปฏิบัติในระดับต่างๆ ที่สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม ๒)
กระจายการพัฒนาลงสู่พื้นที่โดยตรง โดยยึดหลักการพัฒนาพื้นที่ ภารกิจ และการมีส่วนร่วม ให้จังหวัดเป็น
พื้นที่ดาเนินการขับเคลื่อนการพัฒนา และเป็นจุดเชื่อมโยงการพัฒนาจากระดับชุมชนสู่ประเทศและประเทศสู่
ชุมชน ๓) เพิ่มการใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นเครื่องมือหลักในการ
ขับเคลื่อนการพัฒ นาในทุกภาคส่วนในระดับพื้นที่ ท้องถิ่น และชุมชน และ ๔) ใช้กลไกและเครื่องมือการ
พัฒนาของภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน และสื่อมวลชนอย่างบูรณาการเพื่อให้การขับเคลื่อนเกิด
ประสิทธิภาพโดยกระบวนการสร้างเครือข่ายหรือคลัสเตอร์
๖.๒ แนวทางการบริหารจัดการแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ สู่การปฏิบัติ
๖.๒.๑ สร้างความรู้ความเข้าใจให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสําคัญและพร้อมเข้าร่วม
ในการผลักดันแผนฯ ๑๑ ไปสู่การปฏิบัติ โดยจัดทาแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนตระหนัก
และยอมรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ และสร้างความเข้าใจให้ ภาคการเมืองในเปูาประสงค์และแนวทางของ
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ และผลักดันให้ภาคการเมืองนาประเด็นการพัฒนาสาคัญไปผสมผสานในการจัดทา
นโยบาย รวมทั้งจัดทาคู่มือการแปลงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ เผยแพร่ให้ภาคีการพัฒนารับรู้
๖.๒.๒ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างแผนฯ ๑๑ นโยบายรัฐบาล แผนการบริหารราชการ
แผ่ น ดิ น และแผนระดั บ อื่ น ๆ โดยก าหนดประเด็ น การพั ฒ นาส าคั ญ ภายใต้ ยุ ท ธศาสตร์ ข องแผนฯ ๑๑
ทีเสนอต่อสาธารณะอย่างชัดเจน อาทิ สังคมสงบสุข ภาคเกษตรเข้มแข็ง เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจสร้างสรรค์
่
บูร ณาการประเด็น การพัฒ นาภายใต้ยุ ทธศาสตร์ที่มีความเชื่อมโยงกั น และจัดทาเป็นแผนการลงทุนหรือ
แผนพัฒนาเฉพาะด้านที่ตอบสนองการพัฒนาในหลายมิติ เชื่อมโยงแนวคิดพื้นฐาน ยุทธศาสตร์ ประเด็นพัฒนา
- 19.
พ
สาคัญ และแผนพัฒนาเฉพาะด้านภายใต้แผนฯ ๑๑เข้ากับนโยบายรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดิน
และแผนระดับต่างๆ จัดทายุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณแบบมีส่วนร่วม โดยบูรณาการสาระสาคัญของ
แผนพั ฒ นาฯ ฉบั บ ที่ ๑๑ และการจั ด สรรงบประมาณที่ ส อดคล้ อ งกั น รวมถึ ง ก าหนดแนวทางจั ด สรร
งบประมาณสนับสนุนแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และท้องถิ่นภายใต้แนวทางการพัฒนาภาคที่เชื่อมโยงกับ
แผนพัฒ นาฯ ฉบั บ ที่ ๑๑ ผลั กดัน ให้ ภ าคเอกชนนาประเด็ นการพัฒ นาส าคัญในแผนพั ฒ นาฯ ฉบับที่ ๑๑
พิจารณาประกอบการจัดทาแผนการลงทุนทางธุรกิจ
๖.๒.๓ สร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนแผนของภาคีการพัฒนาต่างๆ นาการ
วิจัยเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการพัฒนา ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนการพัฒนา นา
เทคโนโลยี ส ารสนเทศมาใช้ เ ป็ น เครื่ อ งมื อในการสื่ อ สาร จั ด ทาฐานข้อ มู ล ที่ ภ าคส่ ว นต่า งๆ เข้ า ถึง และใช้
ประโยชน์ได้ง่าย สร้างช่องทางให้ประชาสังคมมีโอกาสแสดงความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมการพัฒนา
๖.๒.๔ เพิ่มประสิทธิภาพกลไกรับผิดชอบการขับเคลื่อนแผนฯ ที่ชัดเจน สามารถขับเคลื่อน
แผนพั ฒ นาฯ ฉบั บ ที่ ๑๑ ในระดั บ ประเทศและระดั บ พื้ น ที่ ไ ด้ อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ โดยเชื่ อ มโยง
คณะกรรมการระดั บ ชาติที่ มีอยู่ น าแผนฯ ๑๑ มาเป็น กรอบด าเนิ นงานอย่า งเป็ นรู ปธรรม ให้ จัง หวัด เป็ น
จุดประสานการพัฒนาระดับพื้นที่ ประสานและผลักดันกลไกนอกภาครัฐมีส่วนร่วมขับเคลื่อนแผนฯ มากขึ้น
๖.๒.๕ เสริมสร้างบทบาทของทุกภาคส่วนให้สามารถขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ พัฒนาศักยภาพประชาชนให้มีบทบาทสาคัญในกระบวนการพัฒนา สร้างความ
เข้มแข็งของชุมชนให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง เสริมสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่น
ทุกรูปแบบ ผลักดันให้สถาบันการศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมพัฒนาชุมชนให้มากขึ้น สนับสนุนให้เอกชนมีบทบาทนา
ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมที่ดี ปรับบทบาทภาครัฐทั้งทัศนคติและวิธีการดาเนินงาน
๖.๒.๖ ติดตามประเมินผลแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ติดตามความก้าวหน้า การประเมินผล
สาเร็จและผลกระทบของการดาเนินงานอย่างต่อเนื่องตามประเด็นการพัฒนายุทธศาสตร์และผลการพัฒนาใน
ภาพรวม พัฒนากลไกการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ ทั้งการติดตามประเมินผลการบริหาร
จัดการแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ สู่การปฏิบัติในภาพรวม การติดตามประเมินผลการพัฒนาระดับพื้นที่ และการ
ตรวจสอบของภาคประชาชนให้ เข้ม แข็ ง โดยสนั บสนุ นให้ ภ าคประชาชนรวมกลุ่ ม ติด ตามความก้ าวหน้ า
ตรวจสอบความโปร่งใสและความสาเร็จของโครงการต่างๆ ตลอดจนพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้เชื่อมโยงเป็น
เครือข่ายในทุกระดับ ทั้งฐานข้อมูลระดับภาพรวมและระดับพื้นที่