Seafood industry
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปี 2026 ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ท่ามกลาง
ความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจรอบด้าน กาลังซื้อผู้บริโภคที่ยังคงอ่อนแอและฟื้นตัว
ได้ช้า ขณะที่สงครามการค้ารอบใหม่จากมาตรการภาษีทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อ
แนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารทะเลของไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าส่งออกหลัก
อย่างทูน่าและกุ้ง ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะทาให้มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋อง
มีแนวโน้มเติบโตต่ากว่าอดีต ขณะที่การส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์คาดว่าจะยังคงมี
แนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
SCB EIC Industry insight
November 2025
2
SCB EIC Industry insight : Seafood
Contents
Executive summary
ส่องแนวโน้มอุตสาหกรรมทูน่า
ท่ามกลางสงครามกาแพงภาษี
และสงครามตะวันออกกลาง
อุตสาหกรรมทูน่า กับความ
ท้าทายสาคัญที่ต้องจับตา
ภาวะอุตสาหกรรมกุ้ง และ
แนวโน้มการเติบโตในปี 2026
ความท้าทายที่ต้องจับตา
สาหรับอุตสาหกรรมอาหาร
ทะเลในระยะข้างหน้า
ส่องโมเดลการเติบโตของ
อุตสาหกรรมกุ้ง ท่ามกลางแรง
กดดันด้าน ESG
กาแพงภาษีทรัมป์ กระทบ
ศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทย
มากน้อยเพียงใด ?
Key takeaways : นัยต่อ
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม
อาหารทะเลและบทบาทภาครัฐ
03
05
13
18
29
36
23
37
3
SCB EIC Industry insight : Seafood
ย
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปี 2026 ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้านในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้ารอบใหม่จากนโยบายภาษีทรัมป์ รวมทั้งความเสี่ยง
ด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และปัญหาความขัดแย้งในหลายภูมิภาคที่ยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งความเสี่ยงด้านลบ (Downside risks) เหล่านี้ ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในประเทศคู่ค้าหลักดั้งเดิมของไทย ซึ่งได้แก่ จีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ในตลาดโลก และมีผลให้การใช้จ่ายในสินค้าอาหารที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Luxury food เช่น โปรตีนจากอาหารทะเล ได้รับผลกระทบตามไปด้วย
Executive summary
สาหรับในระยะข้างหน้า ความท้าทายสาคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและภาครัฐจาเป็นต้องให้ความสาคัญ และมีผลต่อแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารทะเล ได้แก่
มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมง ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ล่าสุดไทยยังคงถูกจัดอันดับ
การค้ามนุษย์อยู่ในกลุ่ม Tier 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งประเด็นปัญหานี้เป็นสิ่งที่ภาครัฐไทยต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากจะลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี
(NTBs) แล้ว ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าอาหารทะเลไทยในสายตาชาวโลกอีกด้วย ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังจะต้องให้ความสาคัญกับมาตรการกากับดูแลการทาประมงอย่างยั่งยืน
และการเฝ้าระวังการทาประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing) ควบคู่กันไปด้วย สาหรับความท้าทายด้านอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และภาวะ Ocean warming ที่มีผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ความหลากหลายทางชีวภาพ และกระทบต่ออุปทานสัตว์น้าต่าง ๆ รวมทั้งต้อง
เตรียมรับมือกับปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมประมง และการแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ (Novel foods) เช่น โปรตีนทางเลือกใหม่ ๆ รวมทั้งโปรตีนทดแทนจากพืช (Plant-
based seafood) ที่กาลังทยอยพัฒนาออกสู่ตลาดอาหารทะเล และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในตลาดโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
การส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับต่าที่ราว 1.6%YOY ซึ่งแม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 0.3%YOY แต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตรา
การเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่พอสมควร เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วนในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐฯ
ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่าง เอกวาดอร์ อย่างไรก็ดี ภาพรวมผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกทูน่ากระป๋องอาจจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากไทยยังคงมีความได้เปรียบและ
จุดแข็งในเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ากว่าคู่แข่งหลักรายอื่นในตลาด รวมทั้งคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาอย่างยาวนาน ขณะที่การส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์มีแนวโน้ม
ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์รุนแรงมากกว่าทูน่า โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกกุ้งในปี 2026 จะหดตัวที่ราว -2.6%YOY ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดว่าจะมูลค่าการส่งออกกุ้งจะ
หดตัวที่ -0.4%YOY เนื่องจากคาดว่าภาพรวมอุปสงค์กุ้งโลกในปีหน้าจะยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ ท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เปราะบางและอยู่ในระดับต่า ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่น
และกาลังซื้อผู้บริโภคโดยรวมให้ปรับลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ คาดว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งกดดันให้ศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทยในตลาดโลก
ปรับตัวแย่ลงมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการผลิตกุ้งของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของต้นทุนอาหารกุ้ง ค่าแรง ต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งต้นทุนในการควบคุมโรคและ
มาตรการการเลี้ยงกุ้งในฟาร์มที่เข้มงวด
4
• การส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยในปี 2026 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับ
ต่าที่ราว 1.6%YOY หลังจากคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 0.3%YOY ในปีนี้ แต่ถือเป็นแนวโน้ม
การเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากคาดว่าผลกระทบของนโยบายภาษีทรัมป์
ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วนในตลาดส่งออกหลักอย่าง
สหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่างเอกวาดอร์ ซึ่งอาจทาให้
คู่ค้าบางส่วนมีการปรับเปลี่ยน Supplier เพื่อลดต้นทุนการนาเข้า
• ขณะที่การส่งออกกุ้งในปี 2026 ยังมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ โดยคาดว่า
จะหดตัวเป็นปีที่ 4 ที่ราว -2.6%YOY ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัวที่ –0.4%YOY
เนื่องจากคาดว่าภาพรวมอุปสงค์กุ้งในตลาดโลกจะยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางท่ามกลาง
ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจรอบด้าน รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่จะเห็น
ผลชัดเจนมากขึ้น และซ้าเติมศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทย
• อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปีหน้า ยังคงมาจาก
ความต้องการบริโภคอาหารฮาลาลในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสินค้าส่งออก
หลักอย่างทูน่ากระป๋องที่จะยังได้รับอานิสงส์จากสงครามตะวันออกกลางที่มีแนวโน้ม
ยืดเยื้อ ซึ่งภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทาให้ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เก็บไว้
บริโภคได้นาน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหารกระป๋องเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ปัจจัยสาคัญซึ่งต้องติดตามและอาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุตสาหกรรมอาหารทะเลใน
ระยะข้างหน้า ได้แก่
• มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์
และมาตรการกากับดูแลการทาประมงอย่างยั่งยืน
• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะ Ocean warming
ที่กระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล และความหลากหลายทางชีวภาพ
• ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมประมง
• การแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Plant-based seafood
ภาพรวมภาวะธุรกิจทูน่าและกุ้งในปี 2026
มาตรการภาษีทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของไทยชัดเจนมากขึ้นในปี 2026
ซึ่งจะทาให้การส่งออกทูน่ากระป๋องเติบโตได้ในระดับต่า ขณะที่การส่งออกกุ้งมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
Summary
มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY
1,964.7 1,956.0
2,041.1
2,265.0
2,169.9
2,247.5
1,785.6
2,117.5
1,924.3
2,344.5 2,351.5 2,389.2
2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025E 2026F
2.5% -9.1%
21.8%
0.3% 1.6%
มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทย
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY
10%
42%
48%
2015
9%
51%
40%
2016
13%
50%
36%
2017
16% 1,225.9 1,134.6 1,129.7 1,100.4
49%
2026F
35%
51%
13%
36%
2025E
51%
13%
2024
30%
51%
19%
2023
30%
52%
18%
2022
28%
49%
23%
2021
30%
48%
22%
2020
32%
47%
21%
2019
33%
50%
18%
35%
2018
1,615.4
1,916.1 1,964.3
1,571.0
1,455.6
1,329.1 1,418.8 1,425.7
-2.6%
-14.0%
-7.4% -0.4% -2.6%
กุ้งกระป๋อง กุ้งสด กุ้งแปรรูป
SCB EIC Industry insight : Seafood
5
SCB EIC Industry insight : Seafood
ส่องแนวโน้มอุตสาหกรรมทูน่า …
ท่ามกลางสงครามกาแพงภาษี และสงครามตะวันออกกลาง
6
SCB EIC Industry insight : Seafood
สหรัฐฯ คือคู่ค้าหลักของไทยทั้งในกลุ่มทูน่ากระป๋องและแปรรูป โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2025 การส่งออกสินค้า
หลักอย่างทูน่ากระป๋องขยายตัว 4.4%YOY จากอานิสงส์ของการเร่งนาเข้าก่อนการปรับขึ้นภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ
มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังตลาดส่งออกหลัก 5 อันดับแรก (ม.ค.-ก.ย. 2025)
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงสร้างตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ทูน่าในปี 2024 จาแนกตามกลุ่มสินค้าและตลาดส่งออกสาคัญ
หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
Trump 2.0
20.5%
8.3%
7.7%
50.5%
U.S.
Australia
Japan
6.8%
Libya
6.2%
Saui Arabia
Others
ทูน่ากระป๋อง (97%)
57.1%
42.0%
U.S.
Japan
0.8%
Spain
0.1%
Others
ทูน่าแปรรูป (3%)
124.6
146.9 133.9
102.5
151.3 140.5 129.5
96.3
US (20.98%) Libya (9.04%) Australia (8.42%) Japan (7.64%) Canada (5.39%)
338.0
353.1
4.4%
21.4% -4.4% -3.3%
-6.1%
Jan-Sep 24
Jan-Sep 25
US Libya
• คู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ มีการเร่งนาเข้าทูน่ากระป๋อง
ก่อนมาตรการภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบจะมีผล
บังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2025
• ภูมิภาคตะวันออกกลางมีความต้องการกักตุน
เสบียงอาหารเพื่อสร้าง Food security
ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
7
SCB EIC Industry insight : Seafood
ในทางกลับกัน ไทยก็เป็น Supplier หลักของสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากถึงราวครึ่งหนึ่งของมูลค่าการนาเข้า
ทูน่ากระป๋องทั้งหมด จากข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต รวมทั้งคุณภาพและชื่อเสียงของสินค้าไทยในตลาดโลก
ราคานาเข้าทูน่ากระป๋องต่อหน่วยของสหรัฐฯ
หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
โครงสร้างการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ
หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด
Trump 2.0
51.6% 43.7% 45.1% 43.8% 47.3%
8.8%
11.1% 10.8% 11.4%
13.0%
8.6% 11.9% 11.7% 9.3%
5.0%
7.3%
22.3% 24.7% 21.4% 19.7% 19.0%
2023
2022
4.7%
2020 2024
2021
5.6%
3.7%
5.2%
10.3%
6.0% 6.5%
4.9%
5.6%
Others Senegal Mexico Ecuador Vietnam Thailand
3,000
3,500
4,000
4,500
5,000
5,500
6,000
6,500
7,000
2020 2021 2022 2023 2024
World
Thailand
Ecuador
Vietnam
Mexico
Senegal
12.2%
26.3%
สหรัฐฯ นาเข้าทูน่ากระป๋องจากไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยในปี 2024 สัดส่วนการนาเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47.3% ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด ทิ้งห่างคู่แข่งหลักอื่น ๆ ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็น
ผลจากศักยภาพการแข่งขันด้านราคาที่แข็งแกร่งของทูน่ากระป๋องไทย สะท้อนได้จากราคานาเข้าต่อหน่วย (Import price/unit) ที่ต่ากว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมดในสหรัฐฯ (ยกเว้นเพียงเม็กซิโกที่ราคา
นาเข้าต่อหน่วยต่ากว่าไทย) อีกทั้ง ยังต่ากว่าราคานาเข้าเฉลี่ยของโลก รวมไปถึงคุณภาพ มาตรฐานสินค้า และชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลมาอย่างยาวนาน จนทาให้ไทยมี Position ที่
แข็งแกร่งในสหรัฐฯ
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
8
SCB EIC Industry insight : Seafood
ข้อมูลล่าสุด 7 เดือนแรกปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดของทูน่ากระป๋องไทยในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2024 มาอยู่ที่ 48.3%
จากศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทย ขณะที่เอกวาดอร์ขยับแซงหน้าเวียดนาม ขึ้นมาเป็น Supplier อันดับ 2 แล้ว
อัตราภาษีนาเข้าสินค้าทูน่ากระป๋องของไทยเทียบกับคู่แข่งสาคัญในสหรัฐฯ
มูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ รายเดือน (มกราคม 2024 ถึง กรกฎาคม 2025)
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Trump 2.0
0
20
40
60
80
Jan-24 Apr-24 Jul-24 Oct-24 Jan-25 Apr-25 Jul-25
Thailand
Ecuador
Vietnam
Mexico
โครงสร้างการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ
หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด
47.3% 48.3%
13.0% 11.4%
9.3% 12.6%
19.0% 18.4%
4.9%
6.5%
2024
3.8% 5.4%
7M25
Others
Senegal
Mexico
Ecuador
Vietnam
Thailand
Announced reciprocal tariffs
(as of Apr 2025)
Latest tariffs update
(as of Nov 2025)
Thailand 36% 19%
Vietnam 46% 20%
Ecuador 10% 15%
• ไทยมีจุดแข็งสาคัญในฐานะผู้ผลิตและส่งออกสินค้าปลาทูน่ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะทูน่า
กระป๋อง ทาให้มีศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกสูง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องของไทย
ยังมีขนาดใหญ่และกาลังการผลิตที่มากเพียงพอรองรับความต้องการของประเทศผู้นาเข้า รวมทั้งยังมี
อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่แข็งแกร่งและครบวงจรอีกด้วย ส่งผลให้ไทยมีความได้เปรียบในด้าน Economy
of scale และต้นทุนการผลิตที่ต่ากว่าคู่แข่งหลักในตลาดโลก
• ทั้งนี้ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2025 ทูน่ากระป๋องไทยมี Market share ในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
เล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 48.3% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่งของสินค้าไทย
ทั้งในเชิงมาตรฐานและคุณภาพสินค้า รวมทั้งราคาที่ยังแข่งขันได้
• เอกวาดอร์ มี Market share ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ จาก 9.3% ในปี 2024 มาอยู่ที่
13.3% ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อได้เปรียบได้เรื่อง Reciprocal tariffs ที่ต่า
กว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาดสหรัฐฯ
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
9
SCB EIC Industry insight : Seafood
เวียดนาม คืออีกหนึ่งคู่แข่งสาคัญที่ต้องจับตา เพราะแม้ว่าปัจจุบันมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องจากเวียดนาม
จะยังไม่สูงมากนัก แต่ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
มูลค่าส่งออกทูน่ากระป๋องของผู้ส่งออกสาคัญในตลาดโลก
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Trump 2.0
ส่วนแบ่งตลาดทูน่ากระป๋องของเวียดนามในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด
US and Vietnam come to agreement of tariffs
US will
charge VN
Transshipment: goods from other countries
that pass through VN on their way to US
VN will
charge US
20% 40% (Particularly those from China) Duty-free
Vietnam’s final reciprocal tariff deals:
Key facts :
• ปัจจุบันเวียดนามเป็นสมาชิกในข้อตกลงการค้าเสรี 20 ฉบับ ครอบคลุม 61 ประเทศ
และมีข้อตกลงทางการค้าที่สาคัญ เช่น CPTPP และ EVFTA ซึ่งช่วยให้การค้า
ระหว่างประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น
• ยุทธศาสตร์พัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแห่งชาติ (2021-2030) มุ่งเป้า
พัฒนาบริษัทแปรรูปอาหารทะเลสมัยใหม่ที่ทัดเทียมระดับโลก (อย่างน้อย 70% ของ
สถานประกอบการแปรรูปอาหารทะเลต้องมีเทคโนโลยีการผลิตระดับกลางถึงสูง)
2,360.8 2,487.8
2020 2024
1.3%
1,033.4
1,521.9
2020 2024
10.2%
300.4
372.0
2020 2024
5.5%
9.0
11.1 10.8 11.4
13.0
9.0
10.3
11.9 11.7
9.3
2020 2021 2022 2023 2024
Vietnam Ecuador
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
10
SCB EIC Industry insight : Seafood
กฎถิ่นกาเนิดสินค้า (Rules of Origin) และมาตรการ Regional Value Content (RVC) คืออีกหนึ่งความเสี่ยง
สาคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทูน่าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จาเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป
Trump 2.0
ข้อเสนอของไทยในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ 1 ส.ค. 2025)
• เปิดตลาดอัตราภาษี 0% สาหรับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 10,000 รายการ
(จากทั้งหมดกว่า 11,000 รายการ) ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยไม่ได้ผลิตเอง/
ผลิตไม่พอใช้/ไทยต้องการซื้อ และไทยมี FTA กับประเทศอื่นอยู่ก่อนแล้ว
(เช่น จีน แคนาดา)
o เปิดตลาดสินค้าเกษตรแบบค่อยเป็นค่อยไปและมีเงื่อนไข ทั้งจาก
การทยอยลดภาษีและการจากัดปริมาณการนาเข้าในระยะสั้น
o เปิดสินค้าอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ มากขึ้น
o นาเข้าเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องบิน Boeing น้ามันดิบ
เข้มงวดสินค้าสวมสิทธิ หรือ Transshipment (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือ
หลักเกณฑ์ในเรื่อง Regional Value Chain (RVC) / Local content)
โดยอาจเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนการใช้วัตถุดิบในไทยจากเดิม 40% เป็นราว 60-70%
ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของสหรัฐฯ ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ มากขึ้น ในธุรกิจสินค้าเกษตรแปรรูป
และพลังงาน
Raw material sourcing issue
5.6%
9.7%
8.5%
14.8%
19.6%
2021
3.7%
7.8%
10.2%
8.0%
38.5%
13.0%
6.8%
18.8%
2022
40.6% 2.3%
6.7%
6.8%
6.8%
12.3%
10.3%
8.3%
9.3%
42.0%
18.5%
2023
33.5%
9.0%
20.4%
6.7%
2020
10.9%
36.6%
12.5%
5.0% 2.8%
18.5%
2024
1,294.2
1,081.0
1,286.4 1,303.9 1,370.2
15.1%
Others
China
Vanuatu
Nauru
S. Korea
Micronesia
Taiwan
โครงสร้างการนาเข้าปลาทูน่าสด/แช่เย็นแช่แข็ง ของไทย
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
• จับตาความชัดเจนในเรื่อง
หลักเกณฑ์สัดส่วนการใช้วัตถุดิบ
ในประเทศ (Local content)
หรือ Regional Value Chain
• ในกรณีของอุตสาหกรรม
ทูน่ากระป๋องและทูน่าแปรรูป
มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ
เพียงราว 10% เท่านั้น ซึ่งเป็น
การทาประมงบริเวณอ่าวไทย
• ส่วนอีก 90% นาเข้าจากประเทศ
หมู่เกาะในบริเวณมหาสมุทร
แปซิฟิก และมีการนาเข้าจากจีน
ในสัดส่วนราว 3% ในปี 2024
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลผลการเจรจาล่าสุดที่เปิดเผยตามสื่อสาธารณะ
11
SCB EIC Industry insight : Seafood
การส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังกลุ่ม MENA มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์โดยตรงจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามอิสราเอลและอิหร่าน ทาให้มีความต้องการกักตุนอาหาร เพื่อสร้าง Food security เพิ่มขึ้น
Middle East war
มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังกลุ่ม MENA และตลาดส่งออกสาคัญ 3 อันดับแรก
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงสร้างการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังตลาดสาคัญของไทยในปี 2025
หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด
-100
-50
0
50
100
150
200
250
300
350
1 2 3 4 5 6 7 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24
0
% YTD growth (Jan-Jun 2025)
UAE
US
Egypt
Israel
Chile Libya
Peru
Switzerland
Libya
UK
Australia
New Zealand
Jordan
Kuwait Japan
Russia
% Export share (2024)
Lebanon
Saudi Arabia
Malaysia
Canada
Seria
S.Africa
• ความต้องการบริโภคอาหารฮาลาลที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม M/E
• ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทาให้เกิดความต้องการกักตุน
สินค้าอาหารที่สามารถเก็บไว้บริโภคได้นาน (Longer shelf-life)
• ทูน่ากระป๋องเป็นอาหารพื้นฐานที่มีราคาย่อมเยา ทดแทนโปรตีนจาก
เนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่มีราคาสูงกว่าได้
• ประตูการค้าสาคัญที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
ช่วยขยายโอกาสทางการค้าให้กับไทย
• สอดคล้องกับเป้าหมายของไทยในมุ่งสู่การเป็น Halal hub
0
50
100
150
200
2020 2021 2022 2023 2024
Libya
Saudi Arabia
UAE
111.6%
606.9 595.9
731.0
616.3
812.5
400
500
600
700
800
900
2020 2021 2022 2023 2024
7.6%
Tuna
หมายเหตุ : *MENA คือ กลุ่มตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ประกอบด้วย 21 ประเทศ ได้แก่ 1. แอลจีเรีย 2. บาห์เรน 3. จิบูตี 4. อียิปต์ (สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์) 5. อิหร่าน (สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน) 6. อิรัก 7. อิสราเอล 8. จอร์แดน 9. คูเวต
10. เลบานอน 11. ลิเบีย 12. มอลตา 13. โมร็อกโก 14. โอมาน 15. กาตาร์ 16. ซาอุดีอาระเบีย 17. ซีเรีย (สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย) 18. ตูนิเซีย 19. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 20. เวสต์แบงก์และฉนวนกาซา 21. เยเมน (สาธารณรัฐเยเมน)
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC), ขนาดของวงกลม หมายถึง มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2024
12
SCB EIC Industry insight : Seafood
สาหรับปี 2026 การส่งออกทูน่ากระป๋องมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับต่าที่ 1.6%YOY ทั้งนี้คาดว่านโยบายภาษี
ทรัมป์ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสีย Market share ในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บภาษีต่ากว่า
2026 Outlook
• มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2025 คาดว่าจะขยายตัวที่ราว
0.3%YOY ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา
ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกในปีนี้ที่คาดว่ายังคงเติบโตได้เล็กน้อยดังกล่าว
นอกจากจะเป็นผลจากอุปสงค์ในตลาดตะวันออกกลางที่ขยายตัวแล้ว
ยังได้รับอานิสงส์บางส่วนจากการเร่งนาเข้าทูน่ากระป๋องของคู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ
เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการนาเข้าที่สูงขึ้น ก่อนที่อัตราภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ
จะมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2025
• สาหรับการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่
1.6%YOY แต่ก็ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่
พอสมควร ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเสี่ยงที่ไทยอาจจะสูญเสียส่วน
แบ่งตลาด (Market share) ทูน่ากระป๋องในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐฯ
ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่างเอกวาดอร์ อย่างไรก็ดี
ปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องในปีหน้ายังคงมาจาก
ความต้องการอาหารฮาลาลในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งความเสี่ยง
ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งทาให้หลายประเทศยังมีแนวโน้ม
ต้องการสต็อกผลิตภัณฑ์อาหารที่สามารถเก็บไว้บริโภคได้นานเพิ่มสูงขึ้น
ตามไปด้วย ส่งผลดีต่อความต้องการนาเข้าทูน่ากระป๋องในระยะต่อไป
• สาหรับใน Medium-term การเติบโตของธุรกิจทูน่ากระป๋องจะได้รับปัจจัย
หนุนจากความต้องการในตลาดเกิดใหม่ อาทิ กลุ่ม MENA, ลาตินอเมริกา
และกลุ่ม CLMV ที่จะทยอยเข้ามาแทนที่ตลาดสหรัฐฯ รวมถึงกลยุทธ์การ
สร้างมูลค่าเพิ่มและความหลากหลายของสินค้า
ภาพรวมภาวะธุรกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY
1,964.7 1,956.0
2,041.1
2,265.0
2,169.9
2,247.5
1,785.6
2,117.5
1,924.3
2,344.5 2,351.5
2,389.2
2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025E 2026F
2.5%
-9.1%
21.8% 0.3% 1.6%
1,731.4 1,734.7
YTD24 YTD25
0.2%
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
13
SCB EIC Industry insight : Seafood
อุตสาหกรรมทูน่า
กับความท้าทายสาคัญที่ต้องจับตา
14
SCB EIC Industry insight : Seafood
ปัจจุบันเทรนด์ “Carbon-neutral tuna products” กาลังถูกพูดถึงมากขึ้นในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลด
Carbon footprint ในห่วงโซ่การผลิตทูน่า เริ่มตั้งแต่การจับปลา กระบวนการผลิต การบริโภค และการกาจัดขยะ
ESG & Sustainability
ผู้บริโภคในตลาดโลกมีแนวโน้มต้องการผลิตภัณฑ์ทูน่าซึ่งถูก Classify เป็น Carbon-neutral tuna products มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยพบว่าปัจจุบันผู้ผลิตทูน่ากระป๋องหลายประเทศในกลุ่ม EU ได้ตั้งเป้า
ลดการปล่อยคาร์บอนจากห่วงโซ่การผลิตทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การจับปลา กระบวนการผลิตและแปรรูปเป็นทูน่ากระป๋องและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากทูน่า การผลิตบรรจุภัณฑ์ การขนส่งสินค้า เพื่อมุ่งสู่
เป้าหมาย Carbon neutral ภายในปี 2050
Range of GHG emissions from wild-caught tuna supply chain
• GHG emissions ในห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมทูน่า
เกิดขึ้นจากขั้นตอนการจับปลา (Fishing) มากที่สุด ซึ่ง
ปริมาณ Emissions จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการ/
เครื่องมือที่ใช้การจับปลา (Fishing method) ทั้งนี้จากข้อมูล
ของผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศและมหาสมุทรพบว่า การใช้
อวนขนาดใหญ่ลากไปตามพื้นทะเลเพื่อจับปลา จะทาให้เกิด
GHG emissions สูงกว่าวิธีการอื่น ๆ มาก เนื่องจากจะเป็น
การรบกวนและปลดปล่อยคาร์บอนที่ถูกเก็บกักอยู่ที่ใต้พื้น
ทะเลให้กลับขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณที่มากถึงราว 370
ล้านตันต่อปี เปรียบเสมือนการตัดไม้ทาลายป่าในทะเล อีกทั้ง
ยังทาให้เกิดกรดในมหาสมุทร ส่งผลให้ความสามารถในการ
ดูดซับคาร์บอนของมหาสมุทรลดลงอีกด้วย
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ www.atuna.com
15
SCB EIC Industry insight : Seafood
“Traceability from Sea to Shelf” หรือ การตรวจสอบย้อนกลับ กาลังกลายเป็น General requirement
สาหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมทูน่าทั่วโลก … เทคโนโลยีที่ล้าสมัย คือเครื่องมือสาคัญที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้
ESG & Sustainability
Traceability requirements have become the new industry standard
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Planet Tuna
เทคโนโลยี Blockchain ถูกนามาใช้ในอุตสาหกรรมประมงอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสัตว์น้า ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถ
ตรวจสอบได้ว่า ปลาหรือสัตว์น้าดังกล่าวถูกจับมาจากที่ใด ถูกจับโดยเรือประมงลาใด และเมื่อไหร่ ซึ่งช่วยลดปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมายและสร้างความมั่นใจในคุณภาพ
และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังช่วยในการติดตามสินค้าตั้งแต่ต้นน้าถึงปลายน้าได้อีกด้วย
16
SCB EIC Industry insight : Seafood
“ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง” กาลังถูกยกระดับความสาคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้ผลิตมีแนวโน้ม
เปิดเผยข้อมูลที่มากกว่าข้อมูลพื้นฐานที่กฎหมายกาหนด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสาคัญกับความยั่งยืน
ESG & Sustainability
Can labelling … What it is required to tell consumers
• Many businesses are investing in
technologies such as QR codes,
blockchain systems and real-
time tracking, from fishing
vessels to factories and retail
shelves
• Success in this new landscape will
depend less on price and more on
the ability to meet demanding
sustainability standards
Nutrition information &
Best before date (BBF)
Tuna species and catch area
(identified by FAO area number)
Fishing gear
Conservation status
(State of exploitation)
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Planettuna.com
17
SCB EIC Industry insight : Seafood
นอกจากประเด็นเรื่องการทาประมงอย่างยั่งยืนแล้ว อีกหนึ่งความท้าทายสาคัญสาหรับไทย คือการแก้ปัญหาการค้า
มนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง ซึ่งเป็นประเด็นที่คู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกกาลังจับตามอง
Human trafficking
อันดับการค้ามนุษย์ของไทย
ความหมายของแต่ละ Tier :
Tier 1 – รัฐบาลพยายามดาเนินการอย่างจริงจังจนอัตราการค้ามนุษย์อยู่ในระดับต่า
Tier 2 – รัฐบาลยังดาเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ แต่มีความพยายามปรับปรุงอย่างมีนัยสาคัญ
Tier 2 Watch List – กลุ่มประเทศที่ต้องจับตามอง เพราะมีเหยื่อจากการค้ามนุษย์เพิ่มสูงขึ้น และไม่มีหลักฐาน/
มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะบ่งชี้ว่ารัฐบาลกาลังพยายามปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าว
Tier 3 – รัฐบาลดาเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ และไม่มีความพยายามปรับปรุงแก้ไข
Tuna
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
จากแถลงการณ์ล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025
ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังคงได้รับการจัดอันดับการค้ามนุษย์ให้อยู่ที่ระดับ
Tier 2 ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 โดยในรายงานฉบับดังกล่าวได้สะท้อนถึง
พัฒนาการและความคืบหน้าที่สาคัญของรัฐบาลไทยและภาคส่วนต่าง ๆ
ในการร่วมมือกันดาเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในปีที่
ผ่านมา อาทิ การปราบปราบการค้าแรงงงานเด็ก จานวนการสืบสวนสอบสวน
และการดาเนินคดีการค้ามนุษย์ รวมถึงการระบุตัวตนผู้เสียหายที่เพิ่มขึ้น การ
สืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทาผิด การจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ เสียหาย
มากขึ้น และการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย แต่ความคืบหน้าดังกล่าวยังคง
ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของรัฐบาลสหรัฐฯ
2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025
Tier 3
Tier 2 WL
Tier 2
Teir 1
18
SCB EIC Industry insight : Seafood
ภาวะอุตสาหกรรมกุ้งและ
แนวโน้มการเติบโตในปี 2026
19
SCB EIC Industry insight : Seafood
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 การส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยขยายตัว 22%YOY โดยเติบโตดีทั้งการส่งออกกุ้ง
แปรรูปไปยังตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย
Export
โครงสร้างตลาดส่งออกและมูลค่าส่งออกกุ้งแปรรูปของไทย
หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปทั้งหมด, ล้านดอลลาร์สหรัฐ
473
424 423
399
365
341
2019 2020 2021 2022 2023 2024
-28.0%
40.6%
38.6%
20.8%
JP
US
Others
โครงสร้างตลาดส่งออกกุ้งแปรรูป
ในปี 2024
Export value growth
in USD term (%YOY)
Total JP US
ปี 2021 -0.3% -0.4% -1.5%
ปี 2022 -5.5% -1.6% -6.7%
ปี 2023 -8.6% -8.7% -9.6%
ปี 2024 -6.7% -4.3% -11.4%
Jan-Sep 2025 +22.0% +29.5% +10.0%
-60
-40
-20
0
20
40
60
80
01/24 03/24 05/24 07/24 09/24 11/24 01/25 03/25 05/25 07/25 09/25
U.S. Japan
การส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยยังไม่ฟื้นตัว
โดยมูลค่าการส่งออกยังคงต่ากว่า Pre-COVID ถึง 28%
• ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยอยู่ที่ 297.1
ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 22.0%YOY ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากทั้ง
ปัจจัยด้านราคาและปริมาณส่งออกที่ขยายตัว 8.9% และ 12.1% ตามลาดับ
• การส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดหลักของไทยทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เติบโตได้ดีทั้ง
สองตลาด โดยพบว่าในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัว 29.5% และ 10.0% ตามลาดับ
ทั้งนี้การส่งออกกุ้งแปรรูปไปตลาดญี่ปุ่นที่ขยายตัวสูงได้รับแรงหนุนจากความต้องการ
บริโภคอาหารปรุงสุกและอาหารพร้อมทาน (Ready-to-eat) ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ได้รับอานิสงส์จากการเร่งนาเข้า (Frontloading) ของ
คู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบจะมีผลบังคับใช้
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดส่งออกหลักของไทย
หน่วย : %YOY
20
SCB EIC Industry insight : Seafood
ขณะที่การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 1.7%YOY โดยแรงหนุนสาคัญมาจากการส่งออกกุ้งสด
แช่เย็นแช่แข็งไปจีนที่ขยายตัวสูงถึง 28.2%YOY สวนทางกับการส่งออกไปสหรัฐฯ และญี่ปุ่นซึ่งยังคงหดตัวต่อเนื่อง
Export
โครงสร้างตลาดส่งออกและมูลค่าส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทย
หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมด, ล้านดอลลาร์สหรัฐ
727.4
684.6
699.2
636.4
582.3
2019 2020 2021 2022 2023 2024
622.7 -20.0%
34.3%
19.3%
14.3%
32.1%
CN
US
JP
Others
โครงสร้างตลาดส่งออกกุ้งสด
แช่เย็นแช่แข็งในปี 2024
ถึงแม้การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งจะฟื้นตัวได้เร็ว
กว่ากุ้งแปรรูป แต่มูลค่ายังต่ากว่า Pre-COVID 20%
อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดส่งออกหลักของไทย
หน่วย : %YOY
Export value growth
in USD term (%YOY)
Total CN US JP
ปี 2021 +10.0% +13.9% -0.2% +11.9%
ปี 2022 +2.1% +46.4% -22.3% +6.7%
ปี 2023 -9.0% +8.8% -24.0% -24.0%
ปี 2024 -8.5% -15.8% -2.2% -13.6%
Jan-Sep 2025 +1.7% +28.2% -11.9% -10.4%
-100
-50
0
50
100
150
01/24 03/24 05/24 07/24 09/24 11/24 01/25 03/25 05/25 07/25 09/25
CN U.S. JP
• ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยอยู่ที่
426.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 1.7%YOY เป็นผลจากปัจจัยด้านราคาส่งออก
ที่ขยายตัว 9.7% ขณะที่ปริมาณส่งออกหดตัว -7.3%
• ทั้งนี้หากพิจารณาข้อมูลแยกตามตลาดส่งออกหลัก ซึ่งได้แก่ จีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น
พบว่า จีนเป็นเพียงตลาดเดียวที่มูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งยังคงสามารถ
เติบโตได้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ขยายตัวสูงถึง 28.2%YOY สอดคล้องกับ
อุปสงค์อาหารทะเลในจีนที่ฟื้นตัวดีขึ้นโดยเฉพาะช่องทางร้านอาหารและ E-commerce
ขณะเดียวกัน เส้นทางรถไฟลาว-จีน ยังมีส่วนช่วยให้การส่งออกอาหารทะเลรวมทั้ง
กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเข้าถึงตลาดจีนได้รวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
21
SCB EIC Industry insight : Seafood
การส่งออกกุ้งในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ท่ามกลางอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังคงเปราะบางและ
ความเสี่ยงรอบด้าน รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ ที่จะเห็นผลกระทบต่อภาคส่งออกชัดเจนมากขึ้น
2026 Outlook
มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทย
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY
• ทิศทางอุตสาหกรรมกุ้งปี 2026 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัย
เสี่ยงด้านลบ (Downside risks) มากขึ้น โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งจากผลกระทบของนโยบายภาษีทรัมป์ที่คาดว่าจะ
เริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากอัตราภาษีนาเข้าที่สูงขึ้น
จะทาให้ต้นทุนการนาเข้ากุ้งของคู่ค้าสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งจะยิ่งซ้าเติมความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของ
กุ้งไทยให้ปรับตัวแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ
คู่แข่งอื่นที่โดนเก็บภาษีในระดับใกล้เคียงกันหรือต่ากว่า
• นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกกุ้งยังต้องเจอกับ
ความเสี่ยงจากกาลังซื้อและอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยัง
เปราะบาง ซึ่งอาจทาให้คาสั่งซื้อกุ้งมีแนวโน้มซบเซา
ต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกกุ้งในปีหน้าจะยัง
หดตัวเป็นปีที่ 4 ที่ -2.6%YOY ต่อเนื่องจากมูลค่าการ
ส่งออกกุ้งในปี 2025 ที่คาดว่าจะหดตัวที่ -0.4%YOY
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปี 2026 :
• Convenience trend หนุนความต้องการบริโภค
กุ้งแปรรูป กุ้งปรุงสุก และอาหารพร้อมทานจากกุ้ง
• Import substitution โอกาสในการส่งออกกุ้ง
ทดแทนอินเดีย ซึ่งโดนเก็บภาษีสูงกว่าไทยมาก
• Chinese demand ความต้องการบริโภคกุ้งสด
แช่เย็นแช่แข็งในจีนยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง
ปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตในปี 2026 :
• Fragile global economy ภาพรวมเศรษฐกิจโลก
ยังมีแนวโน้มเปราะบาง กดดันกาลังซื้อและการใช้
จ่ายสินค้าอาหารฟุ่มเฟือย เช่น กุ้ง
• Reciprocal tariffs ส่งผลกระทบต่อความสามารถ
ในการแข่งขันของกุ้งไทย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูงกว่า
คู่แข่งในตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
42%
48%
2015
9%
51%
40%
2016
10%
50%
36%
1,129.7 1,100.4
16%
2017
1,615.4 13%
2026F
35%
51%
13%
36%
2025E
51%
13%
2024
30%
51%
19%
2023
30%
52%
18%
2022
28%
49%
23%
2021
30%
48%
22%
2020
32%
47%
21%
2019
33%
50%
18%
2018
49%
35%
1,916.1 1,964.3
1,571.0
1,455.6
1,329.1 1,418.8 1,425.7
1,225.9 1,134.6
-2.6%
-14.0%
-7.4% -0.4% -2.6%
กุ้งกระป๋อง กุ้งสด กุ้งแปรรูป
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
22
SCB EIC Industry insight : Seafood
การส่งออกกุ้งแปรรูปมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง จากความได้เปรียบของไทยในเรื่องมาตรฐาน
การผลิตและการแปรรูปกุ้ง รวมทั้งมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น ซึ่งทาให้ไม่ต้องแข่งกับผู้ส่งออกกุ้งดิบต้นทุนต่าอย่างเอกวาดอร์
2026 Outlook
จุดแข็งสาคัญที่ทาให้การส่งออกกุ้งแปรรูปมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง
การวิจัยและพัฒนา
สินค้าสามารถตอบโจทย์
เรื่อง Premiumization
trend ได้ดีกว่า
การผลิตกุ้งแปรรูป
สามารถตอบโจทย์เรื่อง
มาตรฐานแรงงาน-
สิ่งแวดล้อม-ตรวจสอบ
ย้อนกลับได้ง่ายกว่า
กุ้งแปรรูปมี Value-
added สูงกว่า ทาให้มี
อานาจต่อรองกับคู่ค้า
รวมทั้งมีมาร์จินที่สูงกว่า
กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง
อุปสงค์ในตลาดโลก
เปลี่ยนไปสู่อาหารพร้อม
ทานและอาหารพร้อม
ปรุงมากขึ้น
โรงงานผลิตมี
มาตรฐานสากล, มีการ
พัฒนาสูตรและ SKU
สินค้า ทาให้แข่งขันด้วย
“คุณภาพและความ
หลากหลาย” มากกว่า
ด้านราคา
กลยุทธ์สาหรับผู้เล่น
ในอุตสาหกรรมกุ้ง
• เพิ่มสัดส่วนการผลิตและยอดขายกุ้งแปรรูปใน Revenue portfolio โดยเฉพาะกลุ่ม Cooked, Ready-to-eat,
Ready-to-cook, Chef menu เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และหลีกหนีการแข่งขันด้าน
ราคา (Price war) ในกลุ่มกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งที่มีต้นทุนต่ากว่า
• เน้นการปรับพอร์ตตลาดส่งออกให้มีความสมดุล ทั้งการรักษาตลาดส่งออกหลักดั้งเดิม (จีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ)
และขยายตลาดส่งออกใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น กลุ่มอาเซียน และตะวันออกกลาง
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
23
SCB EIC Industry insight : Seafood
กาแพงภาษีทรัมป์ … กระทบศักยภาพการแข่งขัน
ของกุ้งไทยมากน้อยเพียงใด?
24
SCB EIC Industry insight : Seafood
ความสามารถในการแข่งขันของกุ้งไทยในสหรัฐฯ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อน Trump 2.0 สะท้อนได้จาก
ส่วนแบ่งตลาดของไทยที่ทยอยปรับลดลงทุกปี สวนทางกับคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย, อินเดีย เอกวาดอร์ และเวียดนาม
Competitiveness
ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐฯ
หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด
โครงสร้างการส่งออกกุ้งของไทยในปี 2024 จาแนกตามรายสินค้าและตลาดส่งออกสาคัญ
หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
19.3%
14.3%
34.3%
China
U.S.
Japan
32.1%
Others
38.6%
20.8%
40.6%
Japan
U.S.
Others
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกกุ้งที่สาคัญของไทย
ทั้งในส่วนของกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และกุ้งแปรรูป
ปริมาณการนาเข้ากุ้งแปรรูปของสหรัฐฯ
หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด
2018
3%
18%
14%
49%
2019
3%
20%
21%
41%
2020
2%
16%
25%
43%
2021
2%
16%
30%
39%
2022
4%
1%
15%
33%
41%
2023
19%
14%
14%
42%
2024
2%
43%
534,725
31%
564,764
692,897
621,285 603,256 581,814
550,809
Others
Thailand
Mexico
Argentina
Vietnam
Indonesia
Ecuador
India
18%
22%
19%
2019
3%
15%
26%
21%
26%
2020
4%
14%
27%
20%
30%
2021
2018
2%
19%
12%
22%
26%
30%
2022
5%
23%
12%
11%
27%
31%
2023
5%
17%
2%
9%
24%
27%
30%
2024
22%
5%
149,370
136,215
168,759
187,724
201,843
171,353 169,161
21%
Others
Ecuador
Thailand
Vietnam
India
Indonesia
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 160521 กุ้งแปรรูป, 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง)
25
SCB EIC Industry insight : Seafood
ปัญหาหลักเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมกุ้งไทย คือต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงกว่าคู่แข่งหลักในตลาดค่อนข้างมาก
Competitiveness
ต้นทุนการผลิตกุ้งของไทยสูงกว่าจากหลายปัจจัย …
เมื่อแข่งขันด้านราคาไม่ได้ แล้วทางออกสาหรับกุ้งไทยคืออะไร ?
✓ คัดเลือกสายพันธุ์กุ้งที่ดีที่สุด เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ
✓ เลี้ยงในฟาร์มกุ้งคุณภาพ มาตรฐานระดับโลก
✓ ใช้นวัตกรรม Probiotics ที่ทาให้กุ้งแข็งแรง ปลอดภัย
✓ เน้นผลิตกุ้ง Organic
ส่งออกไปตลาดผู้บริโภคซึ่งต้องการกุ้งคุณภาพสูง และสามารถ
ตั้งราคาสูงได้ เช่น กลุ่ม EU ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกาลังซื้อสูงและ
ยินดีจ่ายแพงขึ้น แต่ปัจจุบันไทยยังมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดกลุ่มนี้
ไม่มากนัก
เน้นผลิตกุ้งคุณภาพสูง
และเจาะตลาดพรีเมียม
เปรียบเทียบต้นทุนการเลี้ยงกุ้งขาวระหว่างเอกวาดอร์
เอกวาดอร์ ไทย
ต้นทุนรวม 79-87 บาทต่อกิโลกรัม
(ขนาด 50 ตัวต่อกิโลกรัม)
130 บาทต่อกิโลกรัม
(ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม)
ความหนาแน่นลูกพันธุ์ 10-20 ตัวต่อตารางเมตร
(ความหนาแน่นต่า)
60-200 ตัวต่อตารางเมตร
(ความหนาแน่นสูง)
ขนาดฟาร์มโดยทั่วไป 31-156 ไร่ 1-25 ไร่
โครงสร้างสัดส่วนต้นทุน ค่าอาหาร 50%, ค่าไฟฟ้า 6%,
ต้นทุนอื่น ๆ 44%
ค่าอาหาร 53%, ค่าไฟฟ้า 13%,
ต้นทุนอื่น ๆ 34%
Shrimp
• ต้นทุนอาหารกุ้งสูง ไทยต้องนาเข้าวัตถุดิบอาหารกุ้ง เช่น ปลาป่นจากต่างประเทศ
ขณะที่คู่แข่งบางประเทศ เช่น อินเดีย มีแหล่งวัตถุดิบในประเทศ ไม่จาเป็นต้องพึ่งพาการ
นาเข้าทาให้ต้นทุนในส่วนของอาหารกุ้งถูกกว่า
• ค่าแรงขั้นต่าสูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอินเดีย อินโดนีเซีย และเอกวาดอร์ ซึ่งเป็น
ประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงต่า เพราะการเลี้ยงกุ้งต้องใช้แรงงานจานวนมาก (Labor-
intensive) ทั้งในฟาร์มเลี้ยงและในโรงงานแปรรูป
• ต้นทุนด้านพลังงาน (ค่าไฟฟ้า) สูงกว่าคู่แข่ง
• ต้นทุนในการควบคุมโรคและมาตรฐานการเลี้ยงที่เข้มงวด ไทยมีกฎระเบียบด้าน
สุขอนามัยและมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด (เช่น GAP, GMP) ทาให้มีต้นทุนในการดูแล
คุณภาพกุ้งที่สูงกว่าคู่แข่ง รวมทั้งยังมีมาตรการป้องกันโรคระบาดในกุ้ง เช่น โรค EMS
ที่เคยระบาดในไทย และมาตรการควบคุมในเรื่องสารตกค้างและสารต้องห้าม
ทาให้มีต้นทุนเพิ่มเติมในส่วนนี้
• เทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้งที่ทันสมัย ทาให้ไทยมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงแรก เช่น การใช้
ระบบ IoT และ AI ในการควบคุมคุณภาพน้าและอาหาร แต่ในระยะยาว เทคโนโลยีการผลิต
ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงลงได้
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย
26
SCB EIC Industry insight : Seafood
นอกจากต้นทุนการเลี้ยงกุ้งที่สูงกว่าคู่แข่งแล้ว ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจากข้อตกลงทางการค้าและสิทธิ
ประโยชน์ทางภาษีที่เสียเปรียบคู่แข่ง ทั้งการถูกตัดสิทธิ GSP จากกลุ่ม EU รวมถึงอัตราภาษีที่สูงกว่าคู่แข่งบางราย
Competitiveness
Before Trump 2.0 After Trump 2.0 (Export to U.S. market)
➢ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและ
การอุดหนุน (AD/CVD) > ไทยและ
คู่แข่งของไทยบางประเทศโดนเก็บภาษี
AD และ/หรือ CVD
➢ ไทยถูก EU ตัดสิทธิ GSP > ทาให้
ต้องเสียภาษีสูงถึง 12-20% ในขณะที่
คู่แข่งในตลาด อาทิ อินเดีย, อินโดนีเซีย
และเวียดนาม ยังคงได้รับสิทธิ GSP อยู่
และเสียภาษีเพียง 4.2-7.0% เท่านั้น
AD CVD
Reciprocal tariff
(Effective 7th Aug 25)
ไทย 19%
อินโดนีเซีย 19%
อินเดีย 25%*
เวียดนาม 20%
เอกวาดอร์ 15%
เม็กซิโก 25% (Negotiation ongoing)
ราคานาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐฯ
หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ราคานาเข้ากุ้งแปรรูปของสหรัฐฯ
หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
4,000
6,000
8,000
10,000
12,000
14,000
2020 2021 2022 2023 2024
India
Ecuador
Indonesia
Vietnam
Argentina
Mexico
Thailand
4,000
6,000
8,000
10,000
12,000
14,000
2020 2021 2022 2023 2024
India
Indonesia
Vietnam
Thailand
Ecuador
Shrimp
หมายเหตุ : อินเดียมีความเสี่ยงที่อาจถูกปรับเพิ่มอัตราภาษีขึ้นเป็น 50% เพื่อเป็นการลงโทษอินเดียที่นาเข้าน้ามันจากรัสเซีย ซึ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนรัสเซียในการทาสงครามกับยูเครน ในกรณีนี้จะทาให้อินเดียเป็นประเทศที่โดนเก็บอัตราภาษี
(Reciprocal tariff) สูงสุดในทวีปเอเชีย และโดนเก็บในอัตราที่สูงที่สุดเท่ากับบราซิล โดยสินค้าจากอินเดียที่จะโดนเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวนี้ เช่น สิ่งทอ, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องหนัง, ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหารทะเล เป็นต้น
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Shrimp Insights และ Trade Map (HS code: 030617, 160521)
27
SCB EIC Industry insight : Seafood
การแข่งขันในตลาดผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงอย่างจีนมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จากการพยายาม Diversify
ตลาดส่งออกเพื่อทดแทนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และกระจายความเสี่ยงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนสูง
Competitiveness
ราคานาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของจีน จาก Supplier สาคัญ
หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของจีน
หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด
22.0%
9.0%
42.0%
9.0%
16.0%
Ecuador
India
1.0%
Vietnam
Argentina
Thailand
RoW
73.4%
15.3%
Ecuador
India
2.5%
Thailand
1.9%
Saudi Arabia
1.9%
Argentina
5.0%
RoW
ปี 2016
100% = 60,887 tons
ปี 2024
100% = 916,025 tons
192,836
2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024
649,451
545,418 610,378
873,789
987,373
916,025
13.8%
6,274
5,088
5,586 5,421
7,869 7,715 7,978
10,131 10,029 9,710
4,000
5,000
6,000
7,000
8,000
9,000
10,000
11,000
2019 2020 2021 2022 2023 2024
6,466
5,429
4,597
4,971
Ecuador
India
Argentina
Thailand
World Avg.
6,753 95.3%
Latest development :
• สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกกุ้งที่สาคัญมากของอินโดนีเซีย โดย ณ ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 60%
ของมูลค่าการส่งออกกุ้งทั้งหมด
• อย่างไรก็ดี ล่าสุดอินโดนีเซียได้เตรียมขายกุ้งให้จีนเพิ่มเติม หลังถูกกระทบจากกาแพงภาษีสหรัฐฯ ที่
19% ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว นอกจากจะลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุปสงค์ในสหรัฐฯ แล้ว ยังเป็นการขยาย
โอกาสในการส่งออกกุ้งไปยังตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงอย่างจีน
• นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังพยายามเดินหน้าหาตลาดส่งออกกุ้งใหม่ ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งใน
ตลาดตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และกลุ่มสหภาพยุโรป เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งจะ
ทาให้ไทยเผชิญกับการแข่งขันในตลาดที่ 3 รุนแรงมากขึ้นในอนาคตตามไปด้วย
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง)
28
SCB EIC Industry insight : Seafood
ขณะที่การแข่งขันในญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเช่นกัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากปีนี้
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกาลังซื้อผู้บริโภค และทาให้ผู้ส่งออกกุ้งหันมาแข่งขันด้านราคา (Price war) มากขึ้น
Competitiveness
ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของญี่ปุ่น
หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด
ปริมาณการนาเข้ากุ้งแปรรูปของญี่ปุ่น
หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด
25% 26% 27% 29% 25% 29% 27%
22% 21% 21% 19% 19% 18% 17%
17% 16% 17% 17% 18% 18% 16%
12% 13%
1% 1% 2% 3% 5% 5% 10%
9% 7% 6% 6% 7% 6% 5%
17% 17% 17% 19% 20% 19% 23%
10%
2021
2020
143,701 145,448
2019
150,749 151,294 137,139 160,639
11% 11% 11%
2018
11%
2022 2024
2023
140,344 Others
Thailand
Ecuador
Argentina
Indonesia
Vietnam
India
9%
12%
37%
2019
10%
13%
35%
39%
2020
9%
15%
39% 36%
37%
2021
8%
16%
11%
38%
36%
2022
8%
14%
40%
35%
2023
9%
13%
35%
2018
37%
2024
11%
39%
64,018
36%
61,849 62,432
68,149
59,828 61,128
65,689
Others
Greenland
China
Indonesia
Thailand
Vietnam
Key challenges and downside risks :
เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากปีนี้ ท่ามกลางกาลังซื้อของผู้บริโภคที่เปราะบาง
อาจส่งผลให้การบริโภคกุ้งมีแนวโน้มชะลอลง
• ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันไปบริโภคกุ้งที่มีราคาถูกจากประเทศคู่แข่งอื่น ๆ มากขึ้น
• ขณะที่ผู้บริโภคบางส่วนมองว่า กุ้งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ๆ
ที่มีราคาย่อมเยามากกว่า
แนวทางการปรับตัวของผู้ส่งออกไทยที่ต้องการบุกตลาดญี่ปุ่น :
• ตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์กุ้งพรีเมียม เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสาคัญกับคุณภาพ
รสชาติ และยินดีจ่ายแพงขึ้นสาหรับสินค้าที่คุณภาพสูง มีการรับรองด้านความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อม
• ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว และตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ
ที่ใช้ชีวิตตามลาพังและที่อยู่ในสถานดูแลคนชรา > Ready-to-eat shrimp, Ready-to-cook
shrimp
• วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทาให้กุ้งแช่แข็งมีรสชาติอร่อยเหมือนกุ้งสด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสาคัญ
ที่ทาให้ผู้บริโภคญี่ปุ่นหันมาบริโภคอาหารแช่แข็งเพิ่มขึ้น > เทคโนโลยีการแปรรูปที่คงความสดใหม่
ของรสชาติเอาไว้
Shrimp
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 160521 กุ้งแปรรูป, 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
29
SCB EIC Industry insight : Seafood
ส่องโมเดลการเติบโตของอุตสาหกรรมกุ้ง
ท่ามกลางแรงกดดันด้าน ESG
30
SCB EIC Industry insight : Seafood
แนวทางการเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่า โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน และ
ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เป็นโมเดลการเลี้ยงกุ้งที่ตอบโจทย์เทรนด์ ESG และได้รับการส่งเสริมจากกรมประมง
Low carbon shrimp
เกษตรกร
ผู้เพาะเลี้ยง
ภาคเอกชน
หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง
5 รูปแบบการพัฒนา :
1. ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก สาหรับเครื่อง
เติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
2. ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ สาหรับฟาร์ม
เลี้ยงกุ้งทะเล
3. ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง สาหรับ
เครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
4. ระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ
ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
5. ระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบ
ควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ
ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจากกรมประมง
31
SCB EIC Industry insight : Seafood
ผู้นาตลาดและผู้เล่นระดับโลกอย่าง “ไทยยูเนี่ยน” (TU) เดินหน้าลุยโมเดล “กุ้งคาร์บอนต่า” เพื่อยกระดับสัตว์น้าไทย
และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาให้ความสาคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น
Low carbon shrimp
แนวคิดหลักของ ‘การเพาะเลี้ยงสัตว์น้าแบบคาร์บอนต่า’ คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยมุ่งเน้นที่การใช้พลังงาน
อย่างมีประสิทธิภาพและนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งหัวใจสาคัญของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าแบบคาร์บอนต่า มีทั้งการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รวมไปถึงการจัดการฟาร์มกุ้งอย่างยั่งยืน
• ไทย นับเป็นประเทศแรกของโลกที่ริเริ่มและส่งเสริมการทา
“ฟาร์มกุ้งคาร์บอนต่า” หรือ Low Carbon Shrimp
อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นโอกาสสาคัญของไทยในฐานะ
ผู้ผลิตและส่งออกกุ้งรายสาคัญของโลก อีกทั้ง ยังเป็น
ประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งโดยตรง ทั้งในด้านการลด
ต้นทุนการเพาะเลี้ยง และการพัฒนาคุณภาพการผลิตกุ้ง
อย่างยั่งยืน
• มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการนาพลังงาน
ทดแทนมาใช้ในกระบวนการเลี้ยงกุ้ง ข้อดีคือ 1) ลดการ
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสาคัญ 2) ลดต้นทุน
ด้านพลังงานของเกษตรกรลงได้ประมาณ 10%
แหล่งที่มาส่วนใหญ่ของ Carbon footprint ในฟาร์มกุ้ง
การผลิตอาหารกุ้ง การบริหารจัดการฟาร์ม
ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าเพื่อเติมอากาศ
ในบ่อเลี้ยงกุ้ง
• ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พลังงานทางเลือก
เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิต
ไฟฟ้า ซึ่งช่วยทดแทนการใช้ไฟฟ้าในตอน
กลางวันได้มากถึง 80%
• พัฒนานวัตกรรมเพื่อให้สามารถใช้
พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
• คัดเลือกแหล่งวัตถุดิบอาหารกุ้งที่ไม่ทาลาย
สิ่งแวดล้อม เพื่อลด Carbon footprint
จากต้นทางให้ได้มากที่สุด
• ใช้อาหารกุ้งคุณภาพสูงที่ผลิตอย่างยั่งยืน
ช่วยให้ใช้อาหารในปริมาณที่ลดลง และ
รักษาคุณภาพน้าในบ่อให้เหมาะสม
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจาก Thai Union Group
32
SCB EIC Industry insight : Seafood
นอกจากนี้ TU ยังตั้งเป้าจัดหาแหล่งเงินทุนที่เชื่อมโยงกับการดาเนินงานด้านความยั่งยืนให้ได้ 75% ของการ
จัดหาแหล่งเงินทุนระยะยาวภายในปี 2025 ผ่าน “Blue finance” ที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ท้องทะเล
Sustainable finance
Blue finance คือกลไกทางการเงินที่ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked
Financings) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะเชื่อมโยงกับเป้าหมายผลการดาเนินงานด้านความยั่งยืน
หากทาได้ตามเป้าหมาย ก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง
ข้อดี : ช่วยให้ TU เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่กว้างขึ้น และในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดีขึ้น
และดอกเบี้ยก็มีโอกาสปรับลดลงได้อีก หากทาตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนสาเร็จ
การได้รับการจัดอันดับระดับสูง ในดัชนีความ
ยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI อย่างต่อเนื่อง
การลดปริมาณความเข้มข้นของการปล่อย GHG
ให้ได้ตามเป้าหมาย
การซื้อปลาจากเรือประมงที่มีเครื่องหมาย
ตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ มีความโปร่งใสของ
Supply chain ปลาทูน่าทั่วโลก
เป้าหมายด้านความยั่งยืน
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจาก Thai Union Group
33
SCB EIC Industry insight : Seafood
คู่แข่งสาคัญอย่างเอกวาดอร์ ให้ความสาคัญกับการเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืนมาก และปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด
ในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย อีกทั้ง ยังนา Blockchain technology มาใช้เพื่อตรวจสอบการย้อนกลับอีกด้วย
Sustainable aquaculture
Key facts :
• ปัจจุบันอุตสาหกรรมกุ้งของเอกวาดอร์เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ
• เอกวาดอร์เป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยส่งออกไปมากกว่า 60 ประเทศ
ตลาดส่งออกหลักของเอกวาดอร์ คือ จีน, สหรัฐฯ และยุโรป
• ระบบการผลิตกุ้งของเอกวาดอร์เป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ที่เหมาะสมสาหรับการ
เจริญเติบโตของกุ้งพันธุ์พื้นถิ่น ทาให้ได้กุ้งที่มีคุณภาพเยี่ยม โดดเด่นในเรื่องรสชาติ
• ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างสม่าเสมอในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการยกระดับ
กระบวนการผลิต โดยเฉพาะการปรับปรุงทางโภชนาการ พันธุกรรม และการให้อาหารอัตโนมัติ
ซึ่งช่วยลดอัตราแลกเนื้อ (FCR) รอบการผลิตใช้เวลาน้อยลง โดยไม่กระทบกับความสมดุลของ
ระบบนิเวศ และยังคงรักษาคุณภาพที่ดีของผลผลิตเอาไว้ได้
• อุตสาหกรรมกุ้งเอกวาดอร์มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และดาเนินโครงการใหม่ ๆ เช่น
การเริ่มกลุ่มพันธมิตรด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งแบบยั่งยืน (SSP) ได้รับการรับรองมาตรฐาน ASC
และ WWF สะท้อนถึงความยั่งยืนในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง
Sustainable shrimp aquaculture in Ecuador
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจากกรมประมง
34
SCB EIC Industry insight : Seafood
อุตสาหกรรมกุ้งเวียดนามกาลังเข้าสู่ยุค Green revolution เพื่อพลิกโฉมสู่ความยั่งยืน โดยจะให้ความสาคัญ
กับคุณภาพ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และความยั่งยืนในระยะยาว เพื่อผลิตกุ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Sustainable aquaculture
Green revolution in Vietnam shrimp industry
การพัฒนาสีเขียวในสามเหลี่ยมปากแม่น้าโขง ถือเป็น
ข้อกาหนดเบื้องต้นสาหรับอุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนามใน
การรักษาตาแหน่งในตลาดโลก โดยการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีขั้นสูง และการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
• ขยายรูปแบบการทาฟาร์มกุ้งแบบยั่งยืน
- ปรับปรุงความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์มเลี้ยงกุ้ง
- มีตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับการรับรองมาตรฐานสากล
- ควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีในการทาฟาร์มอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่ามีการ
ตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส
- ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งเชิงนิเวศ การเลี้ยงกุ้งป่า
• จัดการประมงทั้งหมดอย่างมีประสิทธิผล
- ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งแบบ Hi-tech, Probiotic farming ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตรวจสอบ
ย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส และมีระบบการควบคุมโรคที่ดี
• ยกระดับห่วงโซ่คุณค่าในระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า ส่งเสริม Circular economy
- ส่งเสริมการรีไซเคิลผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมกุ้ง (เปลือกกุ้ง ตะกอนของเสีย)
ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
ยุทธศาสตร์การพัฒนาสีเขียวในอุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนาม
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจาก Vietnam Association of seafood exporters and producers (VASEP)
35
SCB EIC Industry insight : Seafood
อีกหนึ่งคู่แข่งที่น่าจับตาคือ อินโดนีเซีย ซึ่งได้หันมาให้ความสาคัญกับเรื่อง Sustainable shrimp aquaculture
อย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปกป้องและอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลน (Mangrove area)
Sustainable aquaculture
Sustainable shrimp aquaculture in Indonesia
• Preserve and restore mangrove ecosystems
• Mangroves are a necessary tool in the reduction of greenhouse gases because they store carbon dioxide—as much
as 2 to 4 times that stored by tropical rainforests
• They also serve as a critical buffer between offshore storms and populated areas
Shrimp
ที่มา : ข้อมูลจาก Chevron Indonesia
36
SCB EIC Industry insight : Seafood
ความท้าทายที่ต้องจับตาสาหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในระยะข้างหน้าคือ ผลกระทบจากภาษีทรัมป์และ
แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งแรงกดดันจากกระแส ESG
Global economic uncertainty
• ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ในปีหน้ายังมีแนวโน้มเปราะบางจาก
ปัจจัยเสี่ยงรอบด้านที่รุมเร้า รวมทั้งปัญหา
Geopolitics ที่คาดว่าจะยังคงยืดเยื้อและ
ขยายวงกว้างมากขึ้น
• แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะมีแนวโน้ม
ปรับลดลงจากปี 2023 แต่คาดว่าจะยัง
อยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผล
กระทบต่อค่าครองชีพและกาลังซื้อของ
ผู้บริโภค และอาจมีผลให้การใช้จ่าย
สาหรับอาหารทะเลถูกกระทบได้
Economic risks
Sustainable fishing
• “การทาประมงอย่างยั่งยืน”
(Sustainable fishing) ได้กลายเป็น
เงื่อนไขสาคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็น
ประเด็นในการกีดกันทางการค้าทั่วโลก
• ดังนั้น ไทยจึงจาเป็นต้องเร่งยกระดับการ
จัดการประมงและระบบการผลิตสินค้า
ประมงของไทยให้ได้มาตรฐานและเป็นที่
ยอมรับในระดับสากล ในเรื่องการจัดหา
วัตถุดิบที่มาจากการทาประมงที่มีความ
รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบต่อ
ระบบนิเวศน้อยที่สุด ก่อให้เกิดความยั่งยืน
ของทรัพยากรประมง รวมทั้งยังต้อง
สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่าง
โปร่งใส (Traceability)
Fair labor practice
• การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม
(Fair labor practice) ไทยถูกกล่าวหา
ในเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งปัญหาการใช้แรงงานต่างด้าว
ในอุตสาหกรรมประมงอย่างต่อเนื่อง
• โดยล่าสุดเมื่อช่วงกลางปี 2023 รัฐบาล
สหรัฐฯ ยังคงอันดับการค้ามนุษย์ของ
ไทยไว้ที่ Tier 2 ซึ่งสะท้อนถึงความ
พยายามและความคืบหน้าอย่างมี
นัยสาคัญในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์
ของรัฐบาลไทย
• อย่างไรก็ดี ต้องจับตาการประเมินผลการ
จัดอันดับประจาทุกปี ซึ่งโดยปกติแล้วจะมี
การประกาศในช่วงกลางปี (มิ.ย.-ก.ค.)
ESG risks
New alternative protein
• ผลิตภัณฑ์อาหารประเภท Plant-based
seafood มีแนวโน้มได้รับความนิยมจาก
ผู้บริโภคในตลาดโลกมากขึ้น สะท้อนได้
จากการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของ
ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ รวมทั้งยังมีแบรนด์ต่าง ๆ
เข้ามาทาตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร
เข้ามาพัฒนาและทาตลาดในอาหารกลุ่ม
นี้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการใน
อุตสาหกรรมอาหารทะเลจึงจาเป็นต้อง
เฝ้าระวังและปรับตัวเพื่อรับมือกับการ
แข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้
Innovative risks
Key challenges for seafood industry
Challenges
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
37
SCB EIC Industry insight : Seafood
Key takeaways : นัยต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทะเลและบทบาทภาครัฐ
• วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลโดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น โดยต้องให้ความสาคัญ
กับเรื่องมาตรฐานและคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อม ๆ
ไปกับเน้นปรับพอร์ตสินค้าอาหารทะเลไปสู่กลุ่มพรีเมียมและสินค้าเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น
เพื่อให้สอดรับกับ Megatrend โลก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหลีกหนีการ
แข่งขันด้านราคา (Price war)
• เร่งกระจายตลาดส่งออกให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุปสงค์
จากตลาดส่งออกดั้งเดิมโดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยควรพยายามเจาะฐานผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่
(Emerging markets) ซึ่งยังมีคู่แข่งน้อย
• นา AI, IoT และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Blockchain เข้ามาปรับใช้ในห่วงโซ่การผลิต
ตั้งแต่การจับปลา เพาะเลี้ยงสัตว์น้า แปรรูป ไปจนถึงขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อยกระดับ
ประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความน่าเชื่อถือจากการพัฒนาระบบตรวจสอบ
ย้อนกลับ
• สร้างพันธมิตรเพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกัน (Collaborative innovation)
เช่น การเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี หรือกลุ่ม
Startup เพื่อช่วยให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทะเล บทบาทภาครัฐ
• เร่งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมง
กากับดูแลและตรวจแรงงานเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงจากอุปสรรคทางการค้า
และส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าไทยในตลาดโลก
• มีระบบติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมเรือประมงที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
รวมทั้งมีกฎหมายและบทลงโทษที่เข้มงวด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหา IUU ได้
อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
• เดินหน้าเจรจาทาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้าสาคัญ เช่น
กลุ่ม EU และจัดทีมพาณิชย์ทาการตลาดเชิงรุกกับผู้ซื้อรายใหญ่
ทั้งในตลาดส่งออกดั้งเดิมและตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดที่ผู้บริโภคมีกาลัง
ซื้อสูงและตลาดสินค้าพรีเมียม
• ยกระดับมาตรการ Traceability แบบ end-to-end ของภาครัฐ
เพื่อเชื่อมข้อมูลเรือประมง–ท่าเรือ–โรงงาน–ผู้ซื้อ และทา Product Passport
ให้เป็นมาตรฐานกลางของประเทศ ตอบโจทย์เรื่องการตรวจสอบย้อนกลับและ
ความโปร่งใสในการดาเนินธุรกิจของไทย
• ให้ความสาคัญกับการบริหารทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาและฟื้นฟู
ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
Implication
ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
Disclaimer
This document is made by The Siam Commercial Bank Public Company Limited (“SCB”) for the purpose of providing information summary only. Any information and analysis
herein are collected and referred from public sources which may include economic information, marketing information or any reliable information prior to the date of this
document. SCB makes no representation or warranty as to the accuracy, completeness and up-to-dateness of such information and SCB has no responsibility to verify or to proceed
any action to make such information to be accurate, complete, and up-to-date in any respect. The information contained herein is not intended to provide legal, financial or tax
advice or any other advice, and it shall not be relied or referred upon proceeding any transaction. In addition, SCB shall not be liable for any damages arising from the use of
information contained herein in any respect.
โชติกา ชุ่มมี
ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิต
chotika.chummee@scb.co.th
ผู้จัดทา
7
อุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2026 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
อุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2026 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

อุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยในปี 2026 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัยเสี่ยงด้านลบสูงขึ้น ทั้งจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภาษีทรัมป์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

  • 1.
    Seafood industry ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปี 2026ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ท่ามกลาง ความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจรอบด้าน กาลังซื้อผู้บริโภคที่ยังคงอ่อนแอและฟื้นตัว ได้ช้า ขณะที่สงครามการค้ารอบใหม่จากมาตรการภาษีทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อ แนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารทะเลของไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าส่งออกหลัก อย่างทูน่าและกุ้ง ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะทาให้มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋อง มีแนวโน้มเติบโตต่ากว่าอดีต ขณะที่การส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์คาดว่าจะยังคงมี แนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 SCB EIC Industry insight November 2025
  • 2.
    2 SCB EIC Industryinsight : Seafood Contents Executive summary ส่องแนวโน้มอุตสาหกรรมทูน่า ท่ามกลางสงครามกาแพงภาษี และสงครามตะวันออกกลาง อุตสาหกรรมทูน่า กับความ ท้าทายสาคัญที่ต้องจับตา ภาวะอุตสาหกรรมกุ้ง และ แนวโน้มการเติบโตในปี 2026 ความท้าทายที่ต้องจับตา สาหรับอุตสาหกรรมอาหาร ทะเลในระยะข้างหน้า ส่องโมเดลการเติบโตของ อุตสาหกรรมกุ้ง ท่ามกลางแรง กดดันด้าน ESG กาแพงภาษีทรัมป์ กระทบ ศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทย มากน้อยเพียงใด ? Key takeaways : นัยต่อ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม อาหารทะเลและบทบาทภาครัฐ 03 05 13 18 29 36 23 37
  • 3.
    3 SCB EIC Industryinsight : Seafood ย ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปี 2026 ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้านในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสงครามการค้ารอบใหม่จากนโยบายภาษีทรัมป์ รวมทั้งความเสี่ยง ด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และปัญหาความขัดแย้งในหลายภูมิภาคที่ยังคงมีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งความเสี่ยงด้านลบ (Downside risks) เหล่านี้ ส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในประเทศคู่ค้าหลักดั้งเดิมของไทย ซึ่งได้แก่ จีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในตลาดโลก และมีผลให้การใช้จ่ายในสินค้าอาหารที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Luxury food เช่น โปรตีนจากอาหารทะเล ได้รับผลกระทบตามไปด้วย Executive summary สาหรับในระยะข้างหน้า ความท้าทายสาคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและภาครัฐจาเป็นต้องให้ความสาคัญ และมีผลต่อแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารทะเล ได้แก่ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมง ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้ล่าสุดไทยยังคงถูกจัดอันดับ การค้ามนุษย์อยู่ในกลุ่ม Tier 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งประเด็นปัญหานี้เป็นสิ่งที่ภาครัฐไทยต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากจะลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี (NTBs) แล้ว ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าอาหารทะเลไทยในสายตาชาวโลกอีกด้วย ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังจะต้องให้ความสาคัญกับมาตรการกากับดูแลการทาประมงอย่างยั่งยืน และการเฝ้าระวังการทาประมงผิดกฎหมาย (IUU fishing) ควบคู่กันไปด้วย สาหรับความท้าทายด้านอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และภาวะ Ocean warming ที่มีผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ความหลากหลายทางชีวภาพ และกระทบต่ออุปทานสัตว์น้าต่าง ๆ รวมทั้งต้อง เตรียมรับมือกับปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมประมง และการแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ (Novel foods) เช่น โปรตีนทางเลือกใหม่ ๆ รวมทั้งโปรตีนทดแทนจากพืช (Plant- based seafood) ที่กาลังทยอยพัฒนาออกสู่ตลาดอาหารทะเล และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในตลาดโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน การส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับต่าที่ราว 1.6%YOY ซึ่งแม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 0.3%YOY แต่ก็ยังถือว่าเป็นอัตรา การเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่พอสมควร เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วนในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่าง เอกวาดอร์ อย่างไรก็ดี ภาพรวมผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกทูน่ากระป๋องอาจจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากไทยยังคงมีความได้เปรียบและ จุดแข็งในเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ากว่าคู่แข่งหลักรายอื่นในตลาด รวมทั้งคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาอย่างยาวนาน ขณะที่การส่งออกกุ้งและผลิตภัณฑ์มีแนวโน้ม ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์รุนแรงมากกว่าทูน่า โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกกุ้งในปี 2026 จะหดตัวที่ราว -2.6%YOY ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดว่าจะมูลค่าการส่งออกกุ้งจะ หดตัวที่ -0.4%YOY เนื่องจากคาดว่าภาพรวมอุปสงค์กุ้งโลกในปีหน้าจะยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ ท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เปราะบางและอยู่ในระดับต่า ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่น และกาลังซื้อผู้บริโภคโดยรวมให้ปรับลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ คาดว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งกดดันให้ศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทยในตลาดโลก ปรับตัวแย่ลงมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากการผลิตกุ้งของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของต้นทุนอาหารกุ้ง ค่าแรง ต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งต้นทุนในการควบคุมโรคและ มาตรการการเลี้ยงกุ้งในฟาร์มที่เข้มงวด
  • 4.
    4 • การส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยในปี 2026คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับ ต่าที่ราว 1.6%YOY หลังจากคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 0.3%YOY ในปีนี้ แต่ถือเป็นแนวโน้ม การเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต เนื่องจากคาดว่าผลกระทบของนโยบายภาษีทรัมป์ ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดบางส่วนในตลาดส่งออกหลักอย่าง สหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่างเอกวาดอร์ ซึ่งอาจทาให้ คู่ค้าบางส่วนมีการปรับเปลี่ยน Supplier เพื่อลดต้นทุนการนาเข้า • ขณะที่การส่งออกกุ้งในปี 2026 ยังมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องจากปีนี้ โดยคาดว่า จะหดตัวเป็นปีที่ 4 ที่ราว -2.6%YOY ต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัวที่ –0.4%YOY เนื่องจากคาดว่าภาพรวมอุปสงค์กุ้งในตลาดโลกจะยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางท่ามกลาง ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจรอบด้าน รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่จะเห็น ผลชัดเจนมากขึ้น และซ้าเติมศักยภาพการแข่งขันของกุ้งไทย • อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารทะเลในปีหน้า ยังคงมาจาก ความต้องการบริโภคอาหารฮาลาลในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสินค้าส่งออก หลักอย่างทูน่ากระป๋องที่จะยังได้รับอานิสงส์จากสงครามตะวันออกกลางที่มีแนวโน้ม ยืดเยื้อ ซึ่งภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทาให้ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เก็บไว้ บริโภคได้นาน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหารกระป๋องเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยสาคัญซึ่งต้องติดตามและอาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุตสาหกรรมอาหารทะเลใน ระยะข้างหน้า ได้แก่ • มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ และมาตรการกากับดูแลการทาประมงอย่างยั่งยืน • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะ Ocean warming ที่กระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล และความหลากหลายทางชีวภาพ • ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมประมง • การแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Plant-based seafood ภาพรวมภาวะธุรกิจทูน่าและกุ้งในปี 2026 มาตรการภาษีทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของไทยชัดเจนมากขึ้นในปี 2026 ซึ่งจะทาให้การส่งออกทูน่ากระป๋องเติบโตได้ในระดับต่า ขณะที่การส่งออกกุ้งมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC) Summary มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY 1,964.7 1,956.0 2,041.1 2,265.0 2,169.9 2,247.5 1,785.6 2,117.5 1,924.3 2,344.5 2,351.5 2,389.2 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025E 2026F 2.5% -9.1% 21.8% 0.3% 1.6% มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY 10% 42% 48% 2015 9% 51% 40% 2016 13% 50% 36% 2017 16% 1,225.9 1,134.6 1,129.7 1,100.4 49% 2026F 35% 51% 13% 36% 2025E 51% 13% 2024 30% 51% 19% 2023 30% 52% 18% 2022 28% 49% 23% 2021 30% 48% 22% 2020 32% 47% 21% 2019 33% 50% 18% 35% 2018 1,615.4 1,916.1 1,964.3 1,571.0 1,455.6 1,329.1 1,418.8 1,425.7 -2.6% -14.0% -7.4% -0.4% -2.6% กุ้งกระป๋อง กุ้งสด กุ้งแปรรูป SCB EIC Industry insight : Seafood
  • 5.
    5 SCB EIC Industryinsight : Seafood ส่องแนวโน้มอุตสาหกรรมทูน่า … ท่ามกลางสงครามกาแพงภาษี และสงครามตะวันออกกลาง
  • 6.
    6 SCB EIC Industryinsight : Seafood สหรัฐฯ คือคู่ค้าหลักของไทยทั้งในกลุ่มทูน่ากระป๋องและแปรรูป โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2025 การส่งออกสินค้า หลักอย่างทูน่ากระป๋องขยายตัว 4.4%YOY จากอานิสงส์ของการเร่งนาเข้าก่อนการปรับขึ้นภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังตลาดส่งออกหลัก 5 อันดับแรก (ม.ค.-ก.ย. 2025) หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงสร้างตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ทูน่าในปี 2024 จาแนกตามกลุ่มสินค้าและตลาดส่งออกสาคัญ หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด Trump 2.0 20.5% 8.3% 7.7% 50.5% U.S. Australia Japan 6.8% Libya 6.2% Saui Arabia Others ทูน่ากระป๋อง (97%) 57.1% 42.0% U.S. Japan 0.8% Spain 0.1% Others ทูน่าแปรรูป (3%) 124.6 146.9 133.9 102.5 151.3 140.5 129.5 96.3 US (20.98%) Libya (9.04%) Australia (8.42%) Japan (7.64%) Canada (5.39%) 338.0 353.1 4.4% 21.4% -4.4% -3.3% -6.1% Jan-Sep 24 Jan-Sep 25 US Libya • คู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ มีการเร่งนาเข้าทูน่ากระป๋อง ก่อนมาตรการภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบจะมีผล บังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2025 • ภูมิภาคตะวันออกกลางมีความต้องการกักตุน เสบียงอาหารเพื่อสร้าง Food security ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
  • 7.
    7 SCB EIC Industryinsight : Seafood ในทางกลับกัน ไทยก็เป็น Supplier หลักของสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากถึงราวครึ่งหนึ่งของมูลค่าการนาเข้า ทูน่ากระป๋องทั้งหมด จากข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต รวมทั้งคุณภาพและชื่อเสียงของสินค้าไทยในตลาดโลก ราคานาเข้าทูน่ากระป๋องต่อหน่วยของสหรัฐฯ หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โครงสร้างการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด Trump 2.0 51.6% 43.7% 45.1% 43.8% 47.3% 8.8% 11.1% 10.8% 11.4% 13.0% 8.6% 11.9% 11.7% 9.3% 5.0% 7.3% 22.3% 24.7% 21.4% 19.7% 19.0% 2023 2022 4.7% 2020 2024 2021 5.6% 3.7% 5.2% 10.3% 6.0% 6.5% 4.9% 5.6% Others Senegal Mexico Ecuador Vietnam Thailand 3,000 3,500 4,000 4,500 5,000 5,500 6,000 6,500 7,000 2020 2021 2022 2023 2024 World Thailand Ecuador Vietnam Mexico Senegal 12.2% 26.3% สหรัฐฯ นาเข้าทูน่ากระป๋องจากไทยมากเป็นอันดับ 1 โดยในปี 2024 สัดส่วนการนาเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47.3% ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด ทิ้งห่างคู่แข่งหลักอื่น ๆ ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็น ผลจากศักยภาพการแข่งขันด้านราคาที่แข็งแกร่งของทูน่ากระป๋องไทย สะท้อนได้จากราคานาเข้าต่อหน่วย (Import price/unit) ที่ต่ากว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมดในสหรัฐฯ (ยกเว้นเพียงเม็กซิโกที่ราคา นาเข้าต่อหน่วยต่ากว่าไทย) อีกทั้ง ยังต่ากว่าราคานาเข้าเฉลี่ยของโลก รวมไปถึงคุณภาพ มาตรฐานสินค้า และชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลมาอย่างยาวนาน จนทาให้ไทยมี Position ที่ แข็งแกร่งในสหรัฐฯ Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
  • 8.
    8 SCB EIC Industryinsight : Seafood ข้อมูลล่าสุด 7 เดือนแรกปีนี้ ส่วนแบ่งตลาดของทูน่ากระป๋องไทยในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2024 มาอยู่ที่ 48.3% จากศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทย ขณะที่เอกวาดอร์ขยับแซงหน้าเวียดนาม ขึ้นมาเป็น Supplier อันดับ 2 แล้ว อัตราภาษีนาเข้าสินค้าทูน่ากระป๋องของไทยเทียบกับคู่แข่งสาคัญในสหรัฐฯ มูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ รายเดือน (มกราคม 2024 ถึง กรกฎาคม 2025) หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ Trump 2.0 0 20 40 60 80 Jan-24 Apr-24 Jul-24 Oct-24 Jan-25 Apr-25 Jul-25 Thailand Ecuador Vietnam Mexico โครงสร้างการนาเข้าทูน่ากระป๋องของสหรัฐฯ หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด 47.3% 48.3% 13.0% 11.4% 9.3% 12.6% 19.0% 18.4% 4.9% 6.5% 2024 3.8% 5.4% 7M25 Others Senegal Mexico Ecuador Vietnam Thailand Announced reciprocal tariffs (as of Apr 2025) Latest tariffs update (as of Nov 2025) Thailand 36% 19% Vietnam 46% 20% Ecuador 10% 15% • ไทยมีจุดแข็งสาคัญในฐานะผู้ผลิตและส่งออกสินค้าปลาทูน่ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะทูน่า กระป๋อง ทาให้มีศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกสูง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องของไทย ยังมีขนาดใหญ่และกาลังการผลิตที่มากเพียงพอรองรับความต้องการของประเทศผู้นาเข้า รวมทั้งยังมี อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่แข็งแกร่งและครบวงจรอีกด้วย ส่งผลให้ไทยมีความได้เปรียบในด้าน Economy of scale และต้นทุนการผลิตที่ต่ากว่าคู่แข่งหลักในตลาดโลก • ทั้งนี้ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2025 ทูน่ากระป๋องไทยมี Market share ในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 48.3% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่งของสินค้าไทย ทั้งในเชิงมาตรฐานและคุณภาพสินค้า รวมทั้งราคาที่ยังแข่งขันได้ • เอกวาดอร์ มี Market share ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ จาก 9.3% ในปี 2024 มาอยู่ที่ 13.3% ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อได้เปรียบได้เรื่อง Reciprocal tariffs ที่ต่า กว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาดสหรัฐฯ Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
  • 9.
    9 SCB EIC Industryinsight : Seafood เวียดนาม คืออีกหนึ่งคู่แข่งสาคัญที่ต้องจับตา เพราะแม้ว่าปัจจุบันมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องจากเวียดนาม จะยังไม่สูงมากนัก แต่ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มูลค่าส่งออกทูน่ากระป๋องของผู้ส่งออกสาคัญในตลาดโลก หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ Trump 2.0 ส่วนแบ่งตลาดทูน่ากระป๋องของเวียดนามในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด US and Vietnam come to agreement of tariffs US will charge VN Transshipment: goods from other countries that pass through VN on their way to US VN will charge US 20% 40% (Particularly those from China) Duty-free Vietnam’s final reciprocal tariff deals: Key facts : • ปัจจุบันเวียดนามเป็นสมาชิกในข้อตกลงการค้าเสรี 20 ฉบับ ครอบคลุม 61 ประเทศ และมีข้อตกลงทางการค้าที่สาคัญ เช่น CPTPP และ EVFTA ซึ่งช่วยให้การค้า ระหว่างประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้น • ยุทธศาสตร์พัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแห่งชาติ (2021-2030) มุ่งเป้า พัฒนาบริษัทแปรรูปอาหารทะเลสมัยใหม่ที่ทัดเทียมระดับโลก (อย่างน้อย 70% ของ สถานประกอบการแปรรูปอาหารทะเลต้องมีเทคโนโลยีการผลิตระดับกลางถึงสูง) 2,360.8 2,487.8 2020 2024 1.3% 1,033.4 1,521.9 2020 2024 10.2% 300.4 372.0 2020 2024 5.5% 9.0 11.1 10.8 11.4 13.0 9.0 10.3 11.9 11.7 9.3 2020 2021 2022 2023 2024 Vietnam Ecuador Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code 160414)
  • 10.
    10 SCB EIC Industryinsight : Seafood กฎถิ่นกาเนิดสินค้า (Rules of Origin) และมาตรการ Regional Value Content (RVC) คืออีกหนึ่งความเสี่ยง สาคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทูน่าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จาเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป Trump 2.0 ข้อเสนอของไทยในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ 1 ส.ค. 2025) • เปิดตลาดอัตราภาษี 0% สาหรับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 10,000 รายการ (จากทั้งหมดกว่า 11,000 รายการ) ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ไทยไม่ได้ผลิตเอง/ ผลิตไม่พอใช้/ไทยต้องการซื้อ และไทยมี FTA กับประเทศอื่นอยู่ก่อนแล้ว (เช่น จีน แคนาดา) o เปิดตลาดสินค้าเกษตรแบบค่อยเป็นค่อยไปและมีเงื่อนไข ทั้งจาก การทยอยลดภาษีและการจากัดปริมาณการนาเข้าในระยะสั้น o เปิดสินค้าอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ มากขึ้น o นาเข้าเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องบิน Boeing น้ามันดิบ เข้มงวดสินค้าสวมสิทธิ หรือ Transshipment (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือ หลักเกณฑ์ในเรื่อง Regional Value Chain (RVC) / Local content) โดยอาจเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนการใช้วัตถุดิบในไทยจากเดิม 40% เป็นราว 60-70% ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของสหรัฐฯ ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนอย่างใกล้ชิดต่อไป ส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ มากขึ้น ในธุรกิจสินค้าเกษตรแปรรูป และพลังงาน Raw material sourcing issue 5.6% 9.7% 8.5% 14.8% 19.6% 2021 3.7% 7.8% 10.2% 8.0% 38.5% 13.0% 6.8% 18.8% 2022 40.6% 2.3% 6.7% 6.8% 6.8% 12.3% 10.3% 8.3% 9.3% 42.0% 18.5% 2023 33.5% 9.0% 20.4% 6.7% 2020 10.9% 36.6% 12.5% 5.0% 2.8% 18.5% 2024 1,294.2 1,081.0 1,286.4 1,303.9 1,370.2 15.1% Others China Vanuatu Nauru S. Korea Micronesia Taiwan โครงสร้างการนาเข้าปลาทูน่าสด/แช่เย็นแช่แข็ง ของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ • จับตาความชัดเจนในเรื่อง หลักเกณฑ์สัดส่วนการใช้วัตถุดิบ ในประเทศ (Local content) หรือ Regional Value Chain • ในกรณีของอุตสาหกรรม ทูน่ากระป๋องและทูน่าแปรรูป มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพียงราว 10% เท่านั้น ซึ่งเป็น การทาประมงบริเวณอ่าวไทย • ส่วนอีก 90% นาเข้าจากประเทศ หมู่เกาะในบริเวณมหาสมุทร แปซิฟิก และมีการนาเข้าจากจีน ในสัดส่วนราว 3% ในปี 2024 Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลผลการเจรจาล่าสุดที่เปิดเผยตามสื่อสาธารณะ
  • 11.
    11 SCB EIC Industryinsight : Seafood การส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังกลุ่ม MENA มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์โดยตรงจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามอิสราเอลและอิหร่าน ทาให้มีความต้องการกักตุนอาหาร เพื่อสร้าง Food security เพิ่มขึ้น Middle East war มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังกลุ่ม MENA และตลาดส่งออกสาคัญ 3 อันดับแรก หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงสร้างการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังตลาดสาคัญของไทยในปี 2025 หน่วย : % ของมูลค่าการนาเข้าทูน่ากระป๋องทั้งหมด -100 -50 0 50 100 150 200 250 300 350 1 2 3 4 5 6 7 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 0 % YTD growth (Jan-Jun 2025) UAE US Egypt Israel Chile Libya Peru Switzerland Libya UK Australia New Zealand Jordan Kuwait Japan Russia % Export share (2024) Lebanon Saudi Arabia Malaysia Canada Seria S.Africa • ความต้องการบริโภคอาหารฮาลาลที่เพิ่มขึ้นในกลุ่ม M/E • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทาให้เกิดความต้องการกักตุน สินค้าอาหารที่สามารถเก็บไว้บริโภคได้นาน (Longer shelf-life) • ทูน่ากระป๋องเป็นอาหารพื้นฐานที่มีราคาย่อมเยา ทดแทนโปรตีนจาก เนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่มีราคาสูงกว่าได้ • ประตูการค้าสาคัญที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ช่วยขยายโอกาสทางการค้าให้กับไทย • สอดคล้องกับเป้าหมายของไทยในมุ่งสู่การเป็น Halal hub 0 50 100 150 200 2020 2021 2022 2023 2024 Libya Saudi Arabia UAE 111.6% 606.9 595.9 731.0 616.3 812.5 400 500 600 700 800 900 2020 2021 2022 2023 2024 7.6% Tuna หมายเหตุ : *MENA คือ กลุ่มตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ประกอบด้วย 21 ประเทศ ได้แก่ 1. แอลจีเรีย 2. บาห์เรน 3. จิบูตี 4. อียิปต์ (สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์) 5. อิหร่าน (สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน) 6. อิรัก 7. อิสราเอล 8. จอร์แดน 9. คูเวต 10. เลบานอน 11. ลิเบีย 12. มอลตา 13. โมร็อกโก 14. โอมาน 15. กาตาร์ 16. ซาอุดีอาระเบีย 17. ซีเรีย (สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย) 18. ตูนิเซีย 19. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 20. เวสต์แบงก์และฉนวนกาซา 21. เยเมน (สาธารณรัฐเยเมน) ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC), ขนาดของวงกลม หมายถึง มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2024
  • 12.
    12 SCB EIC Industryinsight : Seafood สาหรับปี 2026 การส่งออกทูน่ากระป๋องมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระดับต่าที่ 1.6%YOY ทั้งนี้คาดว่านโยบายภาษี ทรัมป์ทาให้ไทยมีความเสี่ยงที่จะสูญเสีย Market share ในตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บภาษีต่ากว่า 2026 Outlook • มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2025 คาดว่าจะขยายตัวที่ราว 0.3%YOY ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกในปีนี้ที่คาดว่ายังคงเติบโตได้เล็กน้อยดังกล่าว นอกจากจะเป็นผลจากอุปสงค์ในตลาดตะวันออกกลางที่ขยายตัวแล้ว ยังได้รับอานิสงส์บางส่วนจากการเร่งนาเข้าทูน่ากระป๋องของคู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการนาเข้าที่สูงขึ้น ก่อนที่อัตราภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2025 • สาหรับการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 1.6%YOY แต่ก็ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ พอสมควร ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเสี่ยงที่ไทยอาจจะสูญเสียส่วน แบ่งตลาด (Market share) ทูน่ากระป๋องในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐฯ ให้กับคู่แข่งที่โดนเก็บ Reciprocal tariff ต่ากว่าอย่างเอกวาดอร์ อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องในปีหน้ายังคงมาจาก ความต้องการอาหารฮาลาลในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งความเสี่ยง ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งทาให้หลายประเทศยังมีแนวโน้ม ต้องการสต็อกผลิตภัณฑ์อาหารที่สามารถเก็บไว้บริโภคได้นานเพิ่มสูงขึ้น ตามไปด้วย ส่งผลดีต่อความต้องการนาเข้าทูน่ากระป๋องในระยะต่อไป • สาหรับใน Medium-term การเติบโตของธุรกิจทูน่ากระป๋องจะได้รับปัจจัย หนุนจากความต้องการในตลาดเกิดใหม่ อาทิ กลุ่ม MENA, ลาตินอเมริกา และกลุ่ม CLMV ที่จะทยอยเข้ามาแทนที่ตลาดสหรัฐฯ รวมถึงกลยุทธ์การ สร้างมูลค่าเพิ่มและความหลากหลายของสินค้า ภาพรวมภาวะธุรกิจและแนวโน้มในระยะต่อไป มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY 1,964.7 1,956.0 2,041.1 2,265.0 2,169.9 2,247.5 1,785.6 2,117.5 1,924.3 2,344.5 2,351.5 2,389.2 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025E 2026F 2.5% -9.1% 21.8% 0.3% 1.6% 1,731.4 1,734.7 YTD24 YTD25 0.2% Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
  • 13.
    13 SCB EIC Industryinsight : Seafood อุตสาหกรรมทูน่า กับความท้าทายสาคัญที่ต้องจับตา
  • 14.
    14 SCB EIC Industryinsight : Seafood ปัจจุบันเทรนด์ “Carbon-neutral tuna products” กาลังถูกพูดถึงมากขึ้นในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลด Carbon footprint ในห่วงโซ่การผลิตทูน่า เริ่มตั้งแต่การจับปลา กระบวนการผลิต การบริโภค และการกาจัดขยะ ESG & Sustainability ผู้บริโภคในตลาดโลกมีแนวโน้มต้องการผลิตภัณฑ์ทูน่าซึ่งถูก Classify เป็น Carbon-neutral tuna products มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยพบว่าปัจจุบันผู้ผลิตทูน่ากระป๋องหลายประเทศในกลุ่ม EU ได้ตั้งเป้า ลดการปล่อยคาร์บอนจากห่วงโซ่การผลิตทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การจับปลา กระบวนการผลิตและแปรรูปเป็นทูน่ากระป๋องและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากทูน่า การผลิตบรรจุภัณฑ์ การขนส่งสินค้า เพื่อมุ่งสู่ เป้าหมาย Carbon neutral ภายในปี 2050 Range of GHG emissions from wild-caught tuna supply chain • GHG emissions ในห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมทูน่า เกิดขึ้นจากขั้นตอนการจับปลา (Fishing) มากที่สุด ซึ่ง ปริมาณ Emissions จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการ/ เครื่องมือที่ใช้การจับปลา (Fishing method) ทั้งนี้จากข้อมูล ของผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศและมหาสมุทรพบว่า การใช้ อวนขนาดใหญ่ลากไปตามพื้นทะเลเพื่อจับปลา จะทาให้เกิด GHG emissions สูงกว่าวิธีการอื่น ๆ มาก เนื่องจากจะเป็น การรบกวนและปลดปล่อยคาร์บอนที่ถูกเก็บกักอยู่ที่ใต้พื้น ทะเลให้กลับขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณที่มากถึงราว 370 ล้านตันต่อปี เปรียบเสมือนการตัดไม้ทาลายป่าในทะเล อีกทั้ง ยังทาให้เกิดกรดในมหาสมุทร ส่งผลให้ความสามารถในการ ดูดซับคาร์บอนของมหาสมุทรลดลงอีกด้วย Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ www.atuna.com
  • 15.
    15 SCB EIC Industryinsight : Seafood “Traceability from Sea to Shelf” หรือ การตรวจสอบย้อนกลับ กาลังกลายเป็น General requirement สาหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมทูน่าทั่วโลก … เทคโนโลยีที่ล้าสมัย คือเครื่องมือสาคัญที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้ ESG & Sustainability Traceability requirements have become the new industry standard Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Planet Tuna เทคโนโลยี Blockchain ถูกนามาใช้ในอุตสาหกรรมประมงอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสัตว์น้า ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถ ตรวจสอบได้ว่า ปลาหรือสัตว์น้าดังกล่าวถูกจับมาจากที่ใด ถูกจับโดยเรือประมงลาใด และเมื่อไหร่ ซึ่งช่วยลดปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมายและสร้างความมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังช่วยในการติดตามสินค้าตั้งแต่ต้นน้าถึงปลายน้าได้อีกด้วย
  • 16.
    16 SCB EIC Industryinsight : Seafood “ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง” กาลังถูกยกระดับความสาคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้ผลิตมีแนวโน้ม เปิดเผยข้อมูลที่มากกว่าข้อมูลพื้นฐานที่กฎหมายกาหนด เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ให้ความสาคัญกับความยั่งยืน ESG & Sustainability Can labelling … What it is required to tell consumers • Many businesses are investing in technologies such as QR codes, blockchain systems and real- time tracking, from fishing vessels to factories and retail shelves • Success in this new landscape will depend less on price and more on the ability to meet demanding sustainability standards Nutrition information & Best before date (BBF) Tuna species and catch area (identified by FAO area number) Fishing gear Conservation status (State of exploitation) Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Planettuna.com
  • 17.
    17 SCB EIC Industryinsight : Seafood นอกจากประเด็นเรื่องการทาประมงอย่างยั่งยืนแล้ว อีกหนึ่งความท้าทายสาคัญสาหรับไทย คือการแก้ปัญหาการค้า มนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง ซึ่งเป็นประเด็นที่คู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกกาลังจับตามอง Human trafficking อันดับการค้ามนุษย์ของไทย ความหมายของแต่ละ Tier : Tier 1 – รัฐบาลพยายามดาเนินการอย่างจริงจังจนอัตราการค้ามนุษย์อยู่ในระดับต่า Tier 2 – รัฐบาลยังดาเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ แต่มีความพยายามปรับปรุงอย่างมีนัยสาคัญ Tier 2 Watch List – กลุ่มประเทศที่ต้องจับตามอง เพราะมีเหยื่อจากการค้ามนุษย์เพิ่มสูงขึ้น และไม่มีหลักฐาน/ มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะบ่งชี้ว่ารัฐบาลกาลังพยายามปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าว Tier 3 – รัฐบาลดาเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของสหรัฐฯ และไม่มีความพยายามปรับปรุงแก้ไข Tuna ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จากแถลงการณ์ล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังคงได้รับการจัดอันดับการค้ามนุษย์ให้อยู่ที่ระดับ Tier 2 ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 โดยในรายงานฉบับดังกล่าวได้สะท้อนถึง พัฒนาการและความคืบหน้าที่สาคัญของรัฐบาลไทยและภาคส่วนต่าง ๆ ในการร่วมมือกันดาเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในปีที่ ผ่านมา อาทิ การปราบปราบการค้าแรงงงานเด็ก จานวนการสืบสวนสอบสวน และการดาเนินคดีการค้ามนุษย์ รวมถึงการระบุตัวตนผู้เสียหายที่เพิ่มขึ้น การ สืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทาผิด การจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ เสียหาย มากขึ้น และการจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย แต่ความคืบหน้าดังกล่าวยังคง ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่าของรัฐบาลสหรัฐฯ 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025 Tier 3 Tier 2 WL Tier 2 Teir 1
  • 18.
    18 SCB EIC Industryinsight : Seafood ภาวะอุตสาหกรรมกุ้งและ แนวโน้มการเติบโตในปี 2026
  • 19.
    19 SCB EIC Industryinsight : Seafood ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 การส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยขยายตัว 22%YOY โดยเติบโตดีทั้งการส่งออกกุ้ง แปรรูปไปยังตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย Export โครงสร้างตลาดส่งออกและมูลค่าส่งออกกุ้งแปรรูปของไทย หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปทั้งหมด, ล้านดอลลาร์สหรัฐ 473 424 423 399 365 341 2019 2020 2021 2022 2023 2024 -28.0% 40.6% 38.6% 20.8% JP US Others โครงสร้างตลาดส่งออกกุ้งแปรรูป ในปี 2024 Export value growth in USD term (%YOY) Total JP US ปี 2021 -0.3% -0.4% -1.5% ปี 2022 -5.5% -1.6% -6.7% ปี 2023 -8.6% -8.7% -9.6% ปี 2024 -6.7% -4.3% -11.4% Jan-Sep 2025 +22.0% +29.5% +10.0% -60 -40 -20 0 20 40 60 80 01/24 03/24 05/24 07/24 09/24 11/24 01/25 03/25 05/25 07/25 09/25 U.S. Japan การส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยยังไม่ฟื้นตัว โดยมูลค่าการส่งออกยังคงต่ากว่า Pre-COVID ถึง 28% • ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปของไทยอยู่ที่ 297.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 22.0%YOY ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากทั้ง ปัจจัยด้านราคาและปริมาณส่งออกที่ขยายตัว 8.9% และ 12.1% ตามลาดับ • การส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดหลักของไทยทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เติบโตได้ดีทั้ง สองตลาด โดยพบว่าในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัว 29.5% และ 10.0% ตามลาดับ ทั้งนี้การส่งออกกุ้งแปรรูปไปตลาดญี่ปุ่นที่ขยายตัวสูงได้รับแรงหนุนจากความต้องการ บริโภคอาหารปรุงสุกและอาหารพร้อมทาน (Ready-to-eat) ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ได้รับอานิสงส์จากการเร่งนาเข้า (Frontloading) ของ คู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบจะมีผลบังคับใช้ Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC) อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดส่งออกหลักของไทย หน่วย : %YOY
  • 20.
    20 SCB EIC Industryinsight : Seafood ขณะที่การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 1.7%YOY โดยแรงหนุนสาคัญมาจากการส่งออกกุ้งสด แช่เย็นแช่แข็งไปจีนที่ขยายตัวสูงถึง 28.2%YOY สวนทางกับการส่งออกไปสหรัฐฯ และญี่ปุ่นซึ่งยังคงหดตัวต่อเนื่อง Export โครงสร้างตลาดส่งออกและมูลค่าส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทย หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมด, ล้านดอลลาร์สหรัฐ 727.4 684.6 699.2 636.4 582.3 2019 2020 2021 2022 2023 2024 622.7 -20.0% 34.3% 19.3% 14.3% 32.1% CN US JP Others โครงสร้างตลาดส่งออกกุ้งสด แช่เย็นแช่แข็งในปี 2024 ถึงแม้การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งจะฟื้นตัวได้เร็ว กว่ากุ้งแปรรูป แต่มูลค่ายังต่ากว่า Pre-COVID 20% อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังตลาดส่งออกหลักของไทย หน่วย : %YOY Export value growth in USD term (%YOY) Total CN US JP ปี 2021 +10.0% +13.9% -0.2% +11.9% ปี 2022 +2.1% +46.4% -22.3% +6.7% ปี 2023 -9.0% +8.8% -24.0% -24.0% ปี 2024 -8.5% -15.8% -2.2% -13.6% Jan-Sep 2025 +1.7% +28.2% -11.9% -10.4% -100 -50 0 50 100 150 01/24 03/24 05/24 07/24 09/24 11/24 01/25 03/25 05/25 07/25 09/25 CN U.S. JP • ในช่วง 3 ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยอยู่ที่ 426.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 1.7%YOY เป็นผลจากปัจจัยด้านราคาส่งออก ที่ขยายตัว 9.7% ขณะที่ปริมาณส่งออกหดตัว -7.3% • ทั้งนี้หากพิจารณาข้อมูลแยกตามตลาดส่งออกหลัก ซึ่งได้แก่ จีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น พบว่า จีนเป็นเพียงตลาดเดียวที่มูลค่าการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งยังคงสามารถ เติบโตได้ โดยในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ขยายตัวสูงถึง 28.2%YOY สอดคล้องกับ อุปสงค์อาหารทะเลในจีนที่ฟื้นตัวดีขึ้นโดยเฉพาะช่องทางร้านอาหารและ E-commerce ขณะเดียวกัน เส้นทางรถไฟลาว-จีน ยังมีส่วนช่วยให้การส่งออกอาหารทะเลรวมทั้ง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเข้าถึงตลาดจีนได้รวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
  • 21.
    21 SCB EIC Industryinsight : Seafood การส่งออกกุ้งในปี 2026 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ท่ามกลางอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยังคงเปราะบางและ ความเสี่ยงรอบด้าน รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ ที่จะเห็นผลกระทบต่อภาคส่งออกชัดเจนมากขึ้น 2026 Outlook มูลค่าการส่งออกกุ้งของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ, %CAGR, %YOY • ทิศทางอุตสาหกรรมกุ้งปี 2026 มีแนวโน้มเผชิญปัจจัย เสี่ยงด้านลบ (Downside risks) มากขึ้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่งจากผลกระทบของนโยบายภาษีทรัมป์ที่คาดว่าจะ เริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากอัตราภาษีนาเข้าที่สูงขึ้น จะทาให้ต้นทุนการนาเข้ากุ้งของคู่ค้าสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะยิ่งซ้าเติมความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของ กุ้งไทยให้ปรับตัวแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ คู่แข่งอื่นที่โดนเก็บภาษีในระดับใกล้เคียงกันหรือต่ากว่า • นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกกุ้งยังต้องเจอกับ ความเสี่ยงจากกาลังซื้อและอุปสงค์ในตลาดโลกที่ยัง เปราะบาง ซึ่งอาจทาให้คาสั่งซื้อกุ้งมีแนวโน้มซบเซา ต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกกุ้งในปีหน้าจะยัง หดตัวเป็นปีที่ 4 ที่ -2.6%YOY ต่อเนื่องจากมูลค่าการ ส่งออกกุ้งในปี 2025 ที่คาดว่าจะหดตัวที่ -0.4%YOY ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปี 2026 : • Convenience trend หนุนความต้องการบริโภค กุ้งแปรรูป กุ้งปรุงสุก และอาหารพร้อมทานจากกุ้ง • Import substitution โอกาสในการส่งออกกุ้ง ทดแทนอินเดีย ซึ่งโดนเก็บภาษีสูงกว่าไทยมาก • Chinese demand ความต้องการบริโภคกุ้งสด แช่เย็นแช่แข็งในจีนยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตในปี 2026 : • Fragile global economy ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ยังมีแนวโน้มเปราะบาง กดดันกาลังซื้อและการใช้ จ่ายสินค้าอาหารฟุ่มเฟือย เช่น กุ้ง • Reciprocal tariffs ส่งผลกระทบต่อความสามารถ ในการแข่งขันของกุ้งไทย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูงกว่า คู่แข่งในตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 42% 48% 2015 9% 51% 40% 2016 10% 50% 36% 1,129.7 1,100.4 16% 2017 1,615.4 13% 2026F 35% 51% 13% 36% 2025E 51% 13% 2024 30% 51% 19% 2023 30% 52% 18% 2022 28% 49% 23% 2021 30% 48% 22% 2020 32% 47% 21% 2019 33% 50% 18% 2018 49% 35% 1,916.1 1,964.3 1,571.0 1,455.6 1,329.1 1,418.8 1,425.7 1,225.9 1,134.6 -2.6% -14.0% -7.4% -0.4% -2.6% กุ้งกระป๋อง กุ้งสด กุ้งแปรรูป Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ (MOC)
  • 22.
    22 SCB EIC Industryinsight : Seafood การส่งออกกุ้งแปรรูปมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง จากความได้เปรียบของไทยในเรื่องมาตรฐาน การผลิตและการแปรรูปกุ้ง รวมทั้งมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น ซึ่งทาให้ไม่ต้องแข่งกับผู้ส่งออกกุ้งดิบต้นทุนต่าอย่างเอกวาดอร์ 2026 Outlook จุดแข็งสาคัญที่ทาให้การส่งออกกุ้งแปรรูปมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง การวิจัยและพัฒนา สินค้าสามารถตอบโจทย์ เรื่อง Premiumization trend ได้ดีกว่า การผลิตกุ้งแปรรูป สามารถตอบโจทย์เรื่อง มาตรฐานแรงงาน- สิ่งแวดล้อม-ตรวจสอบ ย้อนกลับได้ง่ายกว่า กุ้งแปรรูปมี Value- added สูงกว่า ทาให้มี อานาจต่อรองกับคู่ค้า รวมทั้งมีมาร์จินที่สูงกว่า กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง อุปสงค์ในตลาดโลก เปลี่ยนไปสู่อาหารพร้อม ทานและอาหารพร้อม ปรุงมากขึ้น โรงงานผลิตมี มาตรฐานสากล, มีการ พัฒนาสูตรและ SKU สินค้า ทาให้แข่งขันด้วย “คุณภาพและความ หลากหลาย” มากกว่า ด้านราคา กลยุทธ์สาหรับผู้เล่น ในอุตสาหกรรมกุ้ง • เพิ่มสัดส่วนการผลิตและยอดขายกุ้งแปรรูปใน Revenue portfolio โดยเฉพาะกลุ่ม Cooked, Ready-to-eat, Ready-to-cook, Chef menu เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และหลีกหนีการแข่งขันด้าน ราคา (Price war) ในกลุ่มกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งที่มีต้นทุนต่ากว่า • เน้นการปรับพอร์ตตลาดส่งออกให้มีความสมดุล ทั้งการรักษาตลาดส่งออกหลักดั้งเดิม (จีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) และขยายตลาดส่งออกใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น กลุ่มอาเซียน และตะวันออกกลาง Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
  • 23.
    23 SCB EIC Industryinsight : Seafood กาแพงภาษีทรัมป์ … กระทบศักยภาพการแข่งขัน ของกุ้งไทยมากน้อยเพียงใด?
  • 24.
    24 SCB EIC Industryinsight : Seafood ความสามารถในการแข่งขันของกุ้งไทยในสหรัฐฯ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อน Trump 2.0 สะท้อนได้จาก ส่วนแบ่งตลาดของไทยที่ทยอยปรับลดลงทุกปี สวนทางกับคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย, อินเดีย เอกวาดอร์ และเวียดนาม Competitiveness ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐฯ หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด โครงสร้างการส่งออกกุ้งของไทยในปี 2024 จาแนกตามรายสินค้าและตลาดส่งออกสาคัญ หน่วย : % ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด 19.3% 14.3% 34.3% China U.S. Japan 32.1% Others 38.6% 20.8% 40.6% Japan U.S. Others สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกกุ้งที่สาคัญของไทย ทั้งในส่วนของกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และกุ้งแปรรูป ปริมาณการนาเข้ากุ้งแปรรูปของสหรัฐฯ หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด 2018 3% 18% 14% 49% 2019 3% 20% 21% 41% 2020 2% 16% 25% 43% 2021 2% 16% 30% 39% 2022 4% 1% 15% 33% 41% 2023 19% 14% 14% 42% 2024 2% 43% 534,725 31% 564,764 692,897 621,285 603,256 581,814 550,809 Others Thailand Mexico Argentina Vietnam Indonesia Ecuador India 18% 22% 19% 2019 3% 15% 26% 21% 26% 2020 4% 14% 27% 20% 30% 2021 2018 2% 19% 12% 22% 26% 30% 2022 5% 23% 12% 11% 27% 31% 2023 5% 17% 2% 9% 24% 27% 30% 2024 22% 5% 149,370 136,215 168,759 187,724 201,843 171,353 169,161 21% Others Ecuador Thailand Vietnam India Indonesia Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 160521 กุ้งแปรรูป, 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง)
  • 25.
    25 SCB EIC Industryinsight : Seafood ปัญหาหลักเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมกุ้งไทย คือต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงกว่าคู่แข่งหลักในตลาดค่อนข้างมาก Competitiveness ต้นทุนการผลิตกุ้งของไทยสูงกว่าจากหลายปัจจัย … เมื่อแข่งขันด้านราคาไม่ได้ แล้วทางออกสาหรับกุ้งไทยคืออะไร ? ✓ คัดเลือกสายพันธุ์กุ้งที่ดีที่สุด เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ ✓ เลี้ยงในฟาร์มกุ้งคุณภาพ มาตรฐานระดับโลก ✓ ใช้นวัตกรรม Probiotics ที่ทาให้กุ้งแข็งแรง ปลอดภัย ✓ เน้นผลิตกุ้ง Organic ส่งออกไปตลาดผู้บริโภคซึ่งต้องการกุ้งคุณภาพสูง และสามารถ ตั้งราคาสูงได้ เช่น กลุ่ม EU ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกาลังซื้อสูงและ ยินดีจ่ายแพงขึ้น แต่ปัจจุบันไทยยังมีสัดส่วนการส่งออกไปตลาดกลุ่มนี้ ไม่มากนัก เน้นผลิตกุ้งคุณภาพสูง และเจาะตลาดพรีเมียม เปรียบเทียบต้นทุนการเลี้ยงกุ้งขาวระหว่างเอกวาดอร์ เอกวาดอร์ ไทย ต้นทุนรวม 79-87 บาทต่อกิโลกรัม (ขนาด 50 ตัวต่อกิโลกรัม) 130 บาทต่อกิโลกรัม (ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม) ความหนาแน่นลูกพันธุ์ 10-20 ตัวต่อตารางเมตร (ความหนาแน่นต่า) 60-200 ตัวต่อตารางเมตร (ความหนาแน่นสูง) ขนาดฟาร์มโดยทั่วไป 31-156 ไร่ 1-25 ไร่ โครงสร้างสัดส่วนต้นทุน ค่าอาหาร 50%, ค่าไฟฟ้า 6%, ต้นทุนอื่น ๆ 44% ค่าอาหาร 53%, ค่าไฟฟ้า 13%, ต้นทุนอื่น ๆ 34% Shrimp • ต้นทุนอาหารกุ้งสูง ไทยต้องนาเข้าวัตถุดิบอาหารกุ้ง เช่น ปลาป่นจากต่างประเทศ ขณะที่คู่แข่งบางประเทศ เช่น อินเดีย มีแหล่งวัตถุดิบในประเทศ ไม่จาเป็นต้องพึ่งพาการ นาเข้าทาให้ต้นทุนในส่วนของอาหารกุ้งถูกกว่า • ค่าแรงขั้นต่าสูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอินเดีย อินโดนีเซีย และเอกวาดอร์ ซึ่งเป็น ประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงต่า เพราะการเลี้ยงกุ้งต้องใช้แรงงานจานวนมาก (Labor- intensive) ทั้งในฟาร์มเลี้ยงและในโรงงานแปรรูป • ต้นทุนด้านพลังงาน (ค่าไฟฟ้า) สูงกว่าคู่แข่ง • ต้นทุนในการควบคุมโรคและมาตรฐานการเลี้ยงที่เข้มงวด ไทยมีกฎระเบียบด้าน สุขอนามัยและมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด (เช่น GAP, GMP) ทาให้มีต้นทุนในการดูแล คุณภาพกุ้งที่สูงกว่าคู่แข่ง รวมทั้งยังมีมาตรการป้องกันโรคระบาดในกุ้ง เช่น โรค EMS ที่เคยระบาดในไทย และมาตรการควบคุมในเรื่องสารตกค้างและสารต้องห้าม ทาให้มีต้นทุนเพิ่มเติมในส่วนนี้ • เทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้งที่ทันสมัย ทาให้ไทยมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงแรก เช่น การใช้ ระบบ IoT และ AI ในการควบคุมคุณภาพน้าและอาหาร แต่ในระยะยาว เทคโนโลยีการผลิต ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงลงได้ ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย
  • 26.
    26 SCB EIC Industryinsight : Seafood นอกจากต้นทุนการเลี้ยงกุ้งที่สูงกว่าคู่แข่งแล้ว ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจากข้อตกลงทางการค้าและสิทธิ ประโยชน์ทางภาษีที่เสียเปรียบคู่แข่ง ทั้งการถูกตัดสิทธิ GSP จากกลุ่ม EU รวมถึงอัตราภาษีที่สูงกว่าคู่แข่งบางราย Competitiveness Before Trump 2.0 After Trump 2.0 (Export to U.S. market) ➢ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและ การอุดหนุน (AD/CVD) > ไทยและ คู่แข่งของไทยบางประเทศโดนเก็บภาษี AD และ/หรือ CVD ➢ ไทยถูก EU ตัดสิทธิ GSP > ทาให้ ต้องเสียภาษีสูงถึง 12-20% ในขณะที่ คู่แข่งในตลาด อาทิ อินเดีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ยังคงได้รับสิทธิ GSP อยู่ และเสียภาษีเพียง 4.2-7.0% เท่านั้น AD CVD Reciprocal tariff (Effective 7th Aug 25) ไทย 19% อินโดนีเซีย 19% อินเดีย 25%* เวียดนาม 20% เอกวาดอร์ 15% เม็กซิโก 25% (Negotiation ongoing) ราคานาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐฯ หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ราคานาเข้ากุ้งแปรรูปของสหรัฐฯ หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน 4,000 6,000 8,000 10,000 12,000 14,000 2020 2021 2022 2023 2024 India Ecuador Indonesia Vietnam Argentina Mexico Thailand 4,000 6,000 8,000 10,000 12,000 14,000 2020 2021 2022 2023 2024 India Indonesia Vietnam Thailand Ecuador Shrimp หมายเหตุ : อินเดียมีความเสี่ยงที่อาจถูกปรับเพิ่มอัตราภาษีขึ้นเป็น 50% เพื่อเป็นการลงโทษอินเดียที่นาเข้าน้ามันจากรัสเซีย ซึ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนรัสเซียในการทาสงครามกับยูเครน ในกรณีนี้จะทาให้อินเดียเป็นประเทศที่โดนเก็บอัตราภาษี (Reciprocal tariff) สูงสุดในทวีปเอเชีย และโดนเก็บในอัตราที่สูงที่สุดเท่ากับบราซิล โดยสินค้าจากอินเดียที่จะโดนเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวนี้ เช่น สิ่งทอ, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องหนัง, ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหารทะเล เป็นต้น ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Shrimp Insights และ Trade Map (HS code: 030617, 160521)
  • 27.
    27 SCB EIC Industryinsight : Seafood การแข่งขันในตลาดผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงอย่างจีนมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จากการพยายาม Diversify ตลาดส่งออกเพื่อทดแทนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และกระจายความเสี่ยงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนสูง Competitiveness ราคานาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของจีน จาก Supplier สาคัญ หน่วย : ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของจีน หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด 22.0% 9.0% 42.0% 9.0% 16.0% Ecuador India 1.0% Vietnam Argentina Thailand RoW 73.4% 15.3% Ecuador India 2.5% Thailand 1.9% Saudi Arabia 1.9% Argentina 5.0% RoW ปี 2016 100% = 60,887 tons ปี 2024 100% = 916,025 tons 192,836 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 649,451 545,418 610,378 873,789 987,373 916,025 13.8% 6,274 5,088 5,586 5,421 7,869 7,715 7,978 10,131 10,029 9,710 4,000 5,000 6,000 7,000 8,000 9,000 10,000 11,000 2019 2020 2021 2022 2023 2024 6,466 5,429 4,597 4,971 Ecuador India Argentina Thailand World Avg. 6,753 95.3% Latest development : • สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกกุ้งที่สาคัญมากของอินโดนีเซีย โดย ณ ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 60% ของมูลค่าการส่งออกกุ้งทั้งหมด • อย่างไรก็ดี ล่าสุดอินโดนีเซียได้เตรียมขายกุ้งให้จีนเพิ่มเติม หลังถูกกระทบจากกาแพงภาษีสหรัฐฯ ที่ 19% ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าว นอกจากจะลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุปสงค์ในสหรัฐฯ แล้ว ยังเป็นการขยาย โอกาสในการส่งออกกุ้งไปยังตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงอย่างจีน • นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังพยายามเดินหน้าหาตลาดส่งออกกุ้งใหม่ ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งใน ตลาดตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และกลุ่มสหภาพยุโรป เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ อีกด้วย ซึ่งจะ ทาให้ไทยเผชิญกับการแข่งขันในตลาดที่ 3 รุนแรงมากขึ้นในอนาคตตามไปด้วย Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง)
  • 28.
    28 SCB EIC Industryinsight : Seafood ขณะที่การแข่งขันในญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเช่นกัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกาลังซื้อผู้บริโภค และทาให้ผู้ส่งออกกุ้งหันมาแข่งขันด้านราคา (Price war) มากขึ้น Competitiveness ปริมาณการนาเข้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของญี่ปุ่น หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด ปริมาณการนาเข้ากุ้งแปรรูปของญี่ปุ่น หน่วย : ตัน, % ของปริมาณการนาเข้าทั้งหมด 25% 26% 27% 29% 25% 29% 27% 22% 21% 21% 19% 19% 18% 17% 17% 16% 17% 17% 18% 18% 16% 12% 13% 1% 1% 2% 3% 5% 5% 10% 9% 7% 6% 6% 7% 6% 5% 17% 17% 17% 19% 20% 19% 23% 10% 2021 2020 143,701 145,448 2019 150,749 151,294 137,139 160,639 11% 11% 11% 2018 11% 2022 2024 2023 140,344 Others Thailand Ecuador Argentina Indonesia Vietnam India 9% 12% 37% 2019 10% 13% 35% 39% 2020 9% 15% 39% 36% 37% 2021 8% 16% 11% 38% 36% 2022 8% 14% 40% 35% 2023 9% 13% 35% 2018 37% 2024 11% 39% 64,018 36% 61,849 62,432 68,149 59,828 61,128 65,689 Others Greenland China Indonesia Thailand Vietnam Key challenges and downside risks : เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 2026 มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากปีนี้ ท่ามกลางกาลังซื้อของผู้บริโภคที่เปราะบาง อาจส่งผลให้การบริโภคกุ้งมีแนวโน้มชะลอลง • ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันไปบริโภคกุ้งที่มีราคาถูกจากประเทศคู่แข่งอื่น ๆ มากขึ้น • ขณะที่ผู้บริโภคบางส่วนมองว่า กุ้งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ๆ ที่มีราคาย่อมเยามากกว่า แนวทางการปรับตัวของผู้ส่งออกไทยที่ต้องการบุกตลาดญี่ปุ่น : • ตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์กุ้งพรีเมียม เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสาคัญกับคุณภาพ รสชาติ และยินดีจ่ายแพงขึ้นสาหรับสินค้าที่คุณภาพสูง มีการรับรองด้านความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม • ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว และตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ที่ใช้ชีวิตตามลาพังและที่อยู่ในสถานดูแลคนชรา > Ready-to-eat shrimp, Ready-to-cook shrimp • วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ทาให้กุ้งแช่แข็งมีรสชาติอร่อยเหมือนกุ้งสด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสาคัญ ที่ทาให้ผู้บริโภคญี่ปุ่นหันมาบริโภคอาหารแช่แข็งเพิ่มขึ้น > เทคโนโลยีการแปรรูปที่คงความสดใหม่ ของรสชาติเอาไว้ Shrimp ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC จากข้อมูลของ Trade Map (HS code: 160521 กุ้งแปรรูป, 030617 กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
  • 29.
    29 SCB EIC Industryinsight : Seafood ส่องโมเดลการเติบโตของอุตสาหกรรมกุ้ง ท่ามกลางแรงกดดันด้าน ESG
  • 30.
    30 SCB EIC Industryinsight : Seafood แนวทางการเลี้ยงกุ้งทะเลคาร์บอนต่า โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน และ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เป็นโมเดลการเลี้ยงกุ้งที่ตอบโจทย์เทรนด์ ESG และได้รับการส่งเสริมจากกรมประมง Low carbon shrimp เกษตรกร ผู้เพาะเลี้ยง ภาคเอกชน หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง 5 รูปแบบการพัฒนา : 1. ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก สาหรับเครื่อง เติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล 2. ระบบโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ สาหรับฟาร์ม เลี้ยงกุ้งทะเล 3. ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง สาหรับ เครื่องเติมอากาศในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล 4. ระบบควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล 5. ระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบ ควบคุมเครื่องเติมอากาศอัจฉริยะ ในบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล Shrimp ที่มา : ข้อมูลจากกรมประมง
  • 31.
    31 SCB EIC Industryinsight : Seafood ผู้นาตลาดและผู้เล่นระดับโลกอย่าง “ไทยยูเนี่ยน” (TU) เดินหน้าลุยโมเดล “กุ้งคาร์บอนต่า” เพื่อยกระดับสัตว์น้าไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาให้ความสาคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น Low carbon shrimp แนวคิดหลักของ ‘การเพาะเลี้ยงสัตว์น้าแบบคาร์บอนต่า’ คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยมุ่งเน้นที่การใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพและนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งหัวใจสาคัญของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าแบบคาร์บอนต่า มีทั้งการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการจัดการฟาร์มกุ้งอย่างยั่งยืน • ไทย นับเป็นประเทศแรกของโลกที่ริเริ่มและส่งเสริมการทา “ฟาร์มกุ้งคาร์บอนต่า” หรือ Low Carbon Shrimp อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นโอกาสสาคัญของไทยในฐานะ ผู้ผลิตและส่งออกกุ้งรายสาคัญของโลก อีกทั้ง ยังเป็น ประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งโดยตรง ทั้งในด้านการลด ต้นทุนการเพาะเลี้ยง และการพัฒนาคุณภาพการผลิตกุ้ง อย่างยั่งยืน • มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการนาพลังงาน ทดแทนมาใช้ในกระบวนการเลี้ยงกุ้ง ข้อดีคือ 1) ลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสาคัญ 2) ลดต้นทุน ด้านพลังงานของเกษตรกรลงได้ประมาณ 10% แหล่งที่มาส่วนใหญ่ของ Carbon footprint ในฟาร์มกุ้ง การผลิตอาหารกุ้ง การบริหารจัดการฟาร์ม ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าเพื่อเติมอากาศ ในบ่อเลี้ยงกุ้ง • ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พลังงานทางเลือก เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิต ไฟฟ้า ซึ่งช่วยทดแทนการใช้ไฟฟ้าในตอน กลางวันได้มากถึง 80% • พัฒนานวัตกรรมเพื่อให้สามารถใช้ พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด • คัดเลือกแหล่งวัตถุดิบอาหารกุ้งที่ไม่ทาลาย สิ่งแวดล้อม เพื่อลด Carbon footprint จากต้นทางให้ได้มากที่สุด • ใช้อาหารกุ้งคุณภาพสูงที่ผลิตอย่างยั่งยืน ช่วยให้ใช้อาหารในปริมาณที่ลดลง และ รักษาคุณภาพน้าในบ่อให้เหมาะสม Shrimp ที่มา : ข้อมูลจาก Thai Union Group
  • 32.
    32 SCB EIC Industryinsight : Seafood นอกจากนี้ TU ยังตั้งเป้าจัดหาแหล่งเงินทุนที่เชื่อมโยงกับการดาเนินงานด้านความยั่งยืนให้ได้ 75% ของการ จัดหาแหล่งเงินทุนระยะยาวภายในปี 2025 ผ่าน “Blue finance” ที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์ท้องทะเล Sustainable finance Blue finance คือกลไกทางการเงินที่ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked Financings) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะเชื่อมโยงกับเป้าหมายผลการดาเนินงานด้านความยั่งยืน หากทาได้ตามเป้าหมาย ก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลง ข้อดี : ช่วยให้ TU เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่กว้างขึ้น และในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ดีขึ้น และดอกเบี้ยก็มีโอกาสปรับลดลงได้อีก หากทาตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนสาเร็จ การได้รับการจัดอันดับระดับสูง ในดัชนีความ ยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI อย่างต่อเนื่อง การลดปริมาณความเข้มข้นของการปล่อย GHG ให้ได้ตามเป้าหมาย การซื้อปลาจากเรือประมงที่มีเครื่องหมาย ตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ มีความโปร่งใสของ Supply chain ปลาทูน่าทั่วโลก เป้าหมายด้านความยั่งยืน Shrimp ที่มา : ข้อมูลจาก Thai Union Group
  • 33.
    33 SCB EIC Industryinsight : Seafood คู่แข่งสาคัญอย่างเอกวาดอร์ ให้ความสาคัญกับการเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืนมาก และปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด ในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย อีกทั้ง ยังนา Blockchain technology มาใช้เพื่อตรวจสอบการย้อนกลับอีกด้วย Sustainable aquaculture Key facts : • ปัจจุบันอุตสาหกรรมกุ้งของเอกวาดอร์เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ • เอกวาดอร์เป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยส่งออกไปมากกว่า 60 ประเทศ ตลาดส่งออกหลักของเอกวาดอร์ คือ จีน, สหรัฐฯ และยุโรป • ระบบการผลิตกุ้งของเอกวาดอร์เป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ที่เหมาะสมสาหรับการ เจริญเติบโตของกุ้งพันธุ์พื้นถิ่น ทาให้ได้กุ้งที่มีคุณภาพเยี่ยม โดดเด่นในเรื่องรสชาติ • ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างสม่าเสมอในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการยกระดับ กระบวนการผลิต โดยเฉพาะการปรับปรุงทางโภชนาการ พันธุกรรม และการให้อาหารอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดอัตราแลกเนื้อ (FCR) รอบการผลิตใช้เวลาน้อยลง โดยไม่กระทบกับความสมดุลของ ระบบนิเวศ และยังคงรักษาคุณภาพที่ดีของผลผลิตเอาไว้ได้ • อุตสาหกรรมกุ้งเอกวาดอร์มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และดาเนินโครงการใหม่ ๆ เช่น การเริ่มกลุ่มพันธมิตรด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งแบบยั่งยืน (SSP) ได้รับการรับรองมาตรฐาน ASC และ WWF สะท้อนถึงความยั่งยืนในฟาร์มเลี้ยงกุ้ง Sustainable shrimp aquaculture in Ecuador Shrimp ที่มา : ข้อมูลจากกรมประมง
  • 34.
    34 SCB EIC Industryinsight : Seafood อุตสาหกรรมกุ้งเวียดนามกาลังเข้าสู่ยุค Green revolution เพื่อพลิกโฉมสู่ความยั่งยืน โดยจะให้ความสาคัญ กับคุณภาพ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และความยั่งยืนในระยะยาว เพื่อผลิตกุ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Sustainable aquaculture Green revolution in Vietnam shrimp industry การพัฒนาสีเขียวในสามเหลี่ยมปากแม่น้าโขง ถือเป็น ข้อกาหนดเบื้องต้นสาหรับอุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนามใน การรักษาตาแหน่งในตลาดโลก โดยการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีขั้นสูง และการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ • ขยายรูปแบบการทาฟาร์มกุ้งแบบยั่งยืน - ปรับปรุงความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ - ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์มเลี้ยงกุ้ง - มีตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับการรับรองมาตรฐานสากล - ควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีในการทาฟาร์มอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่ามีการ ตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส - ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งเชิงนิเวศ การเลี้ยงกุ้งป่า • จัดการประมงทั้งหมดอย่างมีประสิทธิผล - ส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งแบบ Hi-tech, Probiotic farming ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตรวจสอบ ย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส และมีระบบการควบคุมโรคที่ดี • ยกระดับห่วงโซ่คุณค่าในระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้า ส่งเสริม Circular economy - ส่งเสริมการรีไซเคิลผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมกุ้ง (เปลือกกุ้ง ตะกอนของเสีย) ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม ยุทธศาสตร์การพัฒนาสีเขียวในอุตสาหกรรมกุ้งของเวียดนาม Shrimp ที่มา : ข้อมูลจาก Vietnam Association of seafood exporters and producers (VASEP)
  • 35.
    35 SCB EIC Industryinsight : Seafood อีกหนึ่งคู่แข่งที่น่าจับตาคือ อินโดนีเซีย ซึ่งได้หันมาให้ความสาคัญกับเรื่อง Sustainable shrimp aquaculture อย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปกป้องและอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลน (Mangrove area) Sustainable aquaculture Sustainable shrimp aquaculture in Indonesia • Preserve and restore mangrove ecosystems • Mangroves are a necessary tool in the reduction of greenhouse gases because they store carbon dioxide—as much as 2 to 4 times that stored by tropical rainforests • They also serve as a critical buffer between offshore storms and populated areas Shrimp ที่มา : ข้อมูลจาก Chevron Indonesia
  • 36.
    36 SCB EIC Industryinsight : Seafood ความท้าทายที่ต้องจับตาสาหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในระยะข้างหน้าคือ ผลกระทบจากภาษีทรัมป์และ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การแข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งแรงกดดันจากกระแส ESG Global economic uncertainty • ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในปีหน้ายังมีแนวโน้มเปราะบางจาก ปัจจัยเสี่ยงรอบด้านที่รุมเร้า รวมทั้งปัญหา Geopolitics ที่คาดว่าจะยังคงยืดเยื้อและ ขยายวงกว้างมากขึ้น • แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะมีแนวโน้ม ปรับลดลงจากปี 2023 แต่คาดว่าจะยัง อยู่ในระดับสูง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผล กระทบต่อค่าครองชีพและกาลังซื้อของ ผู้บริโภค และอาจมีผลให้การใช้จ่าย สาหรับอาหารทะเลถูกกระทบได้ Economic risks Sustainable fishing • “การทาประมงอย่างยั่งยืน” (Sustainable fishing) ได้กลายเป็น เงื่อนไขสาคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็น ประเด็นในการกีดกันทางการค้าทั่วโลก • ดังนั้น ไทยจึงจาเป็นต้องเร่งยกระดับการ จัดการประมงและระบบการผลิตสินค้า ประมงของไทยให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ ยอมรับในระดับสากล ในเรื่องการจัดหา วัตถุดิบที่มาจากการทาประมงที่มีความ รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มีผลกระทบต่อ ระบบนิเวศน้อยที่สุด ก่อให้เกิดความยั่งยืน ของทรัพยากรประมง รวมทั้งยังต้อง สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่าง โปร่งใส (Traceability) Fair labor practice • การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม (Fair labor practice) ไทยถูกกล่าวหา ในเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งปัญหาการใช้แรงงานต่างด้าว ในอุตสาหกรรมประมงอย่างต่อเนื่อง • โดยล่าสุดเมื่อช่วงกลางปี 2023 รัฐบาล สหรัฐฯ ยังคงอันดับการค้ามนุษย์ของ ไทยไว้ที่ Tier 2 ซึ่งสะท้อนถึงความ พยายามและความคืบหน้าอย่างมี นัยสาคัญในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ของรัฐบาลไทย • อย่างไรก็ดี ต้องจับตาการประเมินผลการ จัดอันดับประจาทุกปี ซึ่งโดยปกติแล้วจะมี การประกาศในช่วงกลางปี (มิ.ย.-ก.ค.) ESG risks New alternative protein • ผลิตภัณฑ์อาหารประเภท Plant-based seafood มีแนวโน้มได้รับความนิยมจาก ผู้บริโภคในตลาดโลกมากขึ้น สะท้อนได้ จากการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของ ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ รวมทั้งยังมีแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาทาตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง • ปัจจุบันมีผู้ประกอบการในธุรกิจอาหาร เข้ามาพัฒนาและทาตลาดในอาหารกลุ่ม นี้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการใน อุตสาหกรรมอาหารทะเลจึงจาเป็นต้อง เฝ้าระวังและปรับตัวเพื่อรับมือกับการ แข่งขันจากสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ Innovative risks Key challenges for seafood industry Challenges ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
  • 37.
    37 SCB EIC Industryinsight : Seafood Key takeaways : นัยต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทะเลและบทบาทภาครัฐ • วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลโดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น โดยต้องให้ความสาคัญ กับเรื่องมาตรฐานและคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อม ๆ ไปกับเน้นปรับพอร์ตสินค้าอาหารทะเลไปสู่กลุ่มพรีเมียมและสินค้าเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับ Megatrend โลก ลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหลีกหนีการ แข่งขันด้านราคา (Price war) • เร่งกระจายตลาดส่งออกให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุปสงค์ จากตลาดส่งออกดั้งเดิมโดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยควรพยายามเจาะฐานผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) ซึ่งยังมีคู่แข่งน้อย • นา AI, IoT และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Blockchain เข้ามาปรับใช้ในห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การจับปลา เพาะเลี้ยงสัตว์น้า แปรรูป ไปจนถึงขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อยกระดับ ประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความน่าเชื่อถือจากการพัฒนาระบบตรวจสอบ ย้อนกลับ • สร้างพันธมิตรเพื่อวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกัน (Collaborative innovation) เช่น การเชื่อมโยงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทะเลกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี หรือกลุ่ม Startup เพื่อช่วยให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทะเล บทบาทภาครัฐ • เร่งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมง กากับดูแลและตรวจแรงงานเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงจากอุปสรรคทางการค้า และส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าไทยในตลาดโลก • มีระบบติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมเรือประมงที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งมีกฎหมายและบทลงโทษที่เข้มงวด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหา IUU ได้ อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ • เดินหน้าเจรจาทาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับคู่ค้าสาคัญ เช่น กลุ่ม EU และจัดทีมพาณิชย์ทาการตลาดเชิงรุกกับผู้ซื้อรายใหญ่ ทั้งในตลาดส่งออกดั้งเดิมและตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดที่ผู้บริโภคมีกาลัง ซื้อสูงและตลาดสินค้าพรีเมียม • ยกระดับมาตรการ Traceability แบบ end-to-end ของภาครัฐ เพื่อเชื่อมข้อมูลเรือประมง–ท่าเรือ–โรงงาน–ผู้ซื้อ และทา Product Passport ให้เป็นมาตรฐานกลางของประเทศ ตอบโจทย์เรื่องการตรวจสอบย้อนกลับและ ความโปร่งใสในการดาเนินธุรกิจของไทย • ให้ความสาคัญกับการบริหารทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาและฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล Implication ที่มา : การวิเคราะห์โดย SCB EIC
  • 38.
    Disclaimer This document ismade by The Siam Commercial Bank Public Company Limited (“SCB”) for the purpose of providing information summary only. Any information and analysis herein are collected and referred from public sources which may include economic information, marketing information or any reliable information prior to the date of this document. SCB makes no representation or warranty as to the accuracy, completeness and up-to-dateness of such information and SCB has no responsibility to verify or to proceed any action to make such information to be accurate, complete, and up-to-date in any respect. The information contained herein is not intended to provide legal, financial or tax advice or any other advice, and it shall not be relied or referred upon proceeding any transaction. In addition, SCB shall not be liable for any damages arising from the use of information contained herein in any respect. โชติกา ชุ่มมี ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิต [email protected] ผู้จัดทา
  • 39.