5
Most read
6
Most read
7
Most read
คู่มือการฝึกปฏิบัติการพยาบาล 
เรื่อง 
การตรวจครรภ์ 
ภาควิชาการพยาบาลสตรีและเด็ก 
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คู่มือการฝึกปฏิบัติการพยาบาล 
เรื่อง 
การตรวจครรภ์ 
โดย 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์กัญจนี พลอินทร์ 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตใส ลาวัลย์ตระกูล 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วัฒนา ศรีพจนารถ
แบบประเมินผลการตรวจครรภ์ 
ชื่อ......................สกุล........................ 
รหัส..............................กลุ่ม............. 
คะแนนเต็ม..........คะแนนที่ได้.......... 
ร้อยละ............................................... 
อ.ผู้ประเมิน........................................ 
ผลการประเมินทักษะ 
ทักษะที่ประเมิน 
ผ่าน 
ไม่ผ่าน 
หมายเหตุ 
1 การแนะนำตัว 
2 การอธิบายขั้นตอนการทำและจุดประสงค์การ ตรวจ 
3 ให้ถ่ายปัสสาวะก่อนทำ 
4 การล้างมือก่อนและหลังการตรวจ 
5 การจัดท่า กั้นม่าน ใช้ผ้าคลุมท้องน้อยและขา 
6 เทคนิคการตรวจ 
6.1 การดู 
6.2 การคลำ โดยใช้วิธี Leopold’s maneuver 
6.3 การฟังและนับอัตราการเต้นของหัวใจทารก 
7 การบอกผลการตรวจและให้คำแนะนำ 
8 การบันทึกผลการตรวจในสมุดบันทึกสุขภาพ
การตรวจครรภ์ 
จุดประสงค์ 
1. เพื่อประเมินอายุครรภ์ 
2. เพื่อตรวจหาลักษณะของทารกว่าอยู่ในลักษณะใด 
3. เพื่อตรวจสภาพการมีชีวิตของทารก 
วิธีปฏิบัติ 
1. ให้หญิงตั้งครรภ์ถ่ายปัสสาวะให้หมดก่อน เพื่อให้การวัดระดับยอดมดลูกเที่ยงตรง 
2. ให้หญิงตั้งครรภ์นอนหงายหนุนหมอนบนเตียง กั้นม่านให้เรียบร้อย 
3. เปิดหน้าท้อง คลุมผ้าปิดตั้งแต่บริเวณท้องน้อยลงมา 
4. เข้ายืนด้านขวาของหญิงตั้งครรภ์ หันหน้าไปทางศีรษะของหญิงตั้งครรภ์ 
5. ใช้หลักในการตรวจ ได้แก่ การดู การคลำ และการฟัง 
การดู 
สิ่งที่ต้องดูคือ 
- ขนาดของมดลูกว่ามีขนาดใหญ่ได้สัดส่วนกับอายุครรภ์หรือไม่ ถ้ามีขนาดใหญ่มาก อาจเป็นการตั้งครรภ์แฝด แฝดน้ำ หรือทารกมีขนาดใหญ่ 
- รูปทรง มดลูกอยู่ในแนวตามยาวหรือตามขวาง หน้าท้องห้อยหย่อน กล้ามเนื้อหน้า ท้องแยกออกจากกันหรือไม่ หน้าท้องนูนมากหรือน้อย มีลอนหรือไม่ 
- การเคลื่อนไหวของทารก 
- การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่บริเวณหน้าท้อง เช่น หน้าท้องลาย ผนังหน้าท้อง หย่อน รอยผ่าตัดเป็นต้น 
- สิ่งผิดปกติอื่นๆ เช่น บวม ผื่น โรคผิวหนัง 
การคลำ 
โดยใช้วิธีลีโอโพลด์ (Leopold’s maneuver) ดังนี้ 
ท่าที่ 1 First Leopold Handgrip (Fundal Grip) คลำบริเวณยอดมดลูกเพื่อตรวจหา ระดับของยอดมดลูกและส่วนของทารกที่อยู่บริเวณยอดมดลูก โดย
1. ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วแตะที่บริเวณยอดมดลูก อีกมือหนึ่งแตะที่บริเวณลิ้นปี่ ดู ว่าระดับยอดมดลูกว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือและลิ้นปี่ หรือในกรณีที่อายุ ครรภ์น้อยดูว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือถึงขอบบนของกระดูกหัวเหน่า 
2. ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วมือทั้งสองข้างคลำส่วนของทารกที่บริเวณยอดมดลูก ว่า เป็นศีรษะหรือก้น ถ้าเป็นศีรษะจะคลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง มี ballottement คลำได้ร่องคอ ถ้า เป็นก้นจะนุ่มกว่า ไม่กลม อาจมี ballottement บ้างแต่ไม่ชัดเจนเท่าศีรษะ 
ท่าที่ 2 Second Leopold Handgrip (Umbilical Grip) คลำหาส่วนหลังทารก โดย 
1. ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางทาบบนผนังหน้าท้อง
2. มือข้างหนึ่งกด อีกมือวางไว้เฉยๆ คลำให้ได้ว่าด้านไหนเป็นส่วนหลังของทารก (large part) ด้านที่เป็นส่วนหลังจะคลำได้เป็นแผ่นเรียบโค้งเป็นทางยาวติดต่อกัน มีความรู้สึก ต้านฝ่ามือ ส่วนที่เป็นด้านหน้าของทารก (small part) จะมีความรู้สึกว่าคลำได้เป็นปุ่ม ซึ่งได้แก่ แขน ขา ข้อศอก หัวเข่า ในกรณีที่คลำแขนขาได้ไม่ชัดเจนจะมีความรู้สึกว่าด้านหน้าของทารก จะว่างสามารถกดผนังหน้าท้องลงไปได้มากกว่า 
ท่าที่ 3 Third Leopold Handgrip (Pawlik Grip) ตรวจหาส่วนนำและ attitude ของ ทารก โดย 
1. ใช้มือขวาคลำและจับส่วนของทารกที่บริเวณเหนือหัวเหน่าให้อยู่ภายในอุ้งมือ 
2. ตรวจหาส่วนนำ ถ้าเป็นศีรษะจะมีลักษณะกลมแข็งและเรียบ มี ballottement ชัดเจน และอาจคลำได้ร่องคอ 
3. ตรวจหาระดับของส่วนนำ โดยถ้าโยกส่วนนำของทารกให้เคลื่อนไหวไปมาได้ แสดงว่าส่วนนำของทารกยังลอยอยู่ (float) แต่ถ้าไม่สามารถโยกส่วนนำได้เลยแสดงว่าส่วนนำ ผ่านลงสู่ช่องเชิงกรานแล้ว (engagement) 
4. ตรวจทรงของทารก โดยคลำหา cephalic prominence ของทารก ถ้าคลำได้ ตรงกันข้ามกับหลังและสูงกว่าแสดงว่าทารกอยู่ทรงก้ม ถ้าคลำได้ด้านเดียวกับหลังแสดงว่า ทารกอยู่ในทรงเงย
ท่าที่ 4 Fourth Leopold Handgrip (Bilateral Inquinal Grip) ตรวจหาระดับของส่วน นำและทรงของทารก โดย 
1. ยืนหันหน้าไปทางปลายเท้าของหญิงตั้งครรภ์ 
2. ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างวางลงที่ด้านข้างของส่วนนำที่บริเวณขาหนีบ เคลื่อน ฝ่ามือสัมผัสด้านข้างของส่วนนำไปตามขาหนีบ 
3. ตรวจหาระดับของส่วนนำ ถ้าปลายมือยังสอบเข้าหากันได้แสดงว่าศีรษะทารก ยังไม่ผ่านลงสู่ช่องเชิงกราน แต่ถ้าปลายนิ้วมือสอบเข้าหากันไม่ได้แสดงว่าศีรษะทารกผ่านลงสู่ ช่องเชิงกรานแล้ว 
4. ตรวจหาส่วนนำและทรงของทารก 
ถ้าศีรษะเป็นส่วนนำจะพบว่ากลม เรียบ แข็ง มี ballottement คลำร่องคอและ cephalic prominence ได้ ส่วนก้นจะไม่พบร่องคอและ cephalic prominence 
ถ้าคลำ cephalic prominence ได้ชัดอยู่ด้านตรงข้ามหลังและใกล้สะดือมาก ทารก อยู่ทรงก้ม มี Vertex presentation 
การฟังเสียงหัวใจทารก 
สามารถฟังโดยการใช้หูฟังวางทาบกับผนังหน้าท้อง การฟังเสียงหัวใจทารกสามารถ วินิจฉัยการตั้งครรภ์แฝด สภาพการมีชีวิตของทารก ส่วนนำและท่าของทารกในครรภ์ 
ตำแหน่งที่จะได้ยินเสียงหัวใจทารกขึ้นกับส่วนนำ ท่าและทรงของทารก 
ตำแหน่งที่ฟังได้ชัดเจนที่สุด คือ บริเวณสะบักซ้ายของทารก “left scapula region” เนื่องจากทารกอยู่ทรงก้ม หลังโค้งทาบใกล้กับผนังมดลูกมากที่สุด ปกติเสียงหัวใจทารกจะได้ ยินชัดต่ำกว่าระดับสะดือ แต่ถ้าศีรษะเคลื่อนเข้าสู่ช่องเชิงกรานแล้วตำแหน่งหัวใจของทารกอาจ ต่ำมากใกล้กับเชิงกราน ในท่าก้นจะได้ยินชัดบริเวณระดับสะดือหรือสูงกว่า
อัตราการเต้นของหัวใจทารกจะประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาทีและเป็นเสียงคู่ ดัง ตุบ ตุบ แต่ละคู่ที่ฟังได้คือการเต้นของหัวใจทารก 1 ครั้ง ระหว่างที่มีการหดรัดตัวของมดลูกเสียง หัวใจของทารกจะเต้นเร็วกว่าปกติแล้วเปลี่ยนเป็นช้าลง แต่จะไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาที ดังนั้น จึงควรฟังเสียงหัวใจของทารกหลังจากมดลูกคลายตัว 20-25 วินาที ขณะฟังควรจับชีพจรหญิง ตั้งครรภ์พร้อมกันเพื่อเปรียบเทียบและแยกว่าเสียงที่ฟังได้นั้นเป็นเสียงหัวใจทารกจริงๆ 
นอกจากเสียงหัวใจทารกแล้วยังมีเสียงอื่นที่ได้ยินร่วมด้วย เช่น 
(1) เสียงจากสายสะดือ (umbilical cord souffle หรือ funic souffle) ซึ่งเป็นเสียงที่ได้ ยินจากการที่เลือดไหลผ่านภายในหลอดเลือดของสายสะดือทารกไม่สะดวกจากการถูกกดหรือ ถูกบีบหรือสายสะดือผิดมากๆ เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงฟู่ๆ มีอัตราการเต้นเท่ากับหัวใจทารก 
(2) เสียงจากหลอดเลือดของมดลูก (uterine souffle) เป็นเสียงที่ได้ยินจากการที่เลือด ไหลผ่านหลอดเลือดของมดลูก มีอัตราการเต้นเท่ากับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์ 
(3) เสียงการเคลื่อนไหวของทารก โดยเฉพาะการดิ้นทั้งตัวหรือการพลิกตัวของ ทารก และถ้าดิ้นแล้วส่วนของทารกกระทุ้งถูกผนังมดลูกจะเกิดเสียงดังตุบ (Fetal shocking sound) 
ส่วนต่างๆ ของทารกและกระโหลกศีรษะ 
1. ส่วนของทารก ปกติทารกในครรภ์จะงอหมดทุกส่วน คือ หลังงอ ศีรษะก้ม แขนขางอ ทุกข้อต่องอ ทำให้อยู่ในรูปไข่ (ovoid shape) และมีขั้ว 2 ขั้ว คือ ขั้วหัวและขั้วก้น
2. ศีรษะทารก ประกอบด้วย 
- หน้าผาก (brow หรือ sinciput) คือ บริเวณระหว่างคิ้วหรือกระดูกของตาไปถึงขม่อม หน้า 
- ส่วนยอดศีรษะ (vertex) คือ บริเวณจากขม่อมหน้าถึงขม่อมหลัง 
- ส่วนท้ายทอย (occiput) คือ บริเวณจากขม่อมหลังถึงปุ่มกระดูกท้ายทอย 
- ส่วนใต้ท้ายทอย (subocciput) คือ ส่วนของหัวที่อยู่ต่ำกว่าปุ่มกระดูกท้ายทอย 
- ไบพาไรเอตัล (biparietal) อยู่ระหว่างส่วนนูนที่สุดของกระดูกไบพาไรเอตัล เป็นส่วน ที่กว้างที่สุดของศีรษะทารก 
- ไบเทมไพรอล (bitemporal) อยู่ระหว่างกระดูกเทมโพรอล
3. แนวของลำตัวทารก (lie) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวของทารกกับความ ยาวของโพรงมดลูก 
3.1. แนวยาว (longitudinal lie) คือ ความยาวของทารกอยู่ในแนวตามความยาวของ โพรงมดลูก 
3.2. แนวขวาง (transverse lie) คือ ลำตัวทารกหรือสันหลังทารกจะขวางกับความยาว ของโพรงมดลูก 
4. ทรงของทารก (attitude) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างแขน ขา ลำตัว และศีรษะทารก แบ่งออกเป็น 
4.1. ทรงก้ม (flexion) คือ ทารกอยู่ในท่าก้ม ศีรษะคางจรดอก หลังก้ม แขนงอ ขางอติด หน้าท้อง เป็นรูปไข่ ซึ่งเป็นทรงปกติของทารกในครรภ์ 
4.2. ทรงเงย (deflexion) คือ ทารกมีการเงยของศีรษะ 
5. ส่วนนำ (presentation) คือ ส่วนนำเป็นส่วนของทารกที่อยู่ตรงส่วนล่างของมดลูกใน แนวยาว แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ 
5.1. ทารกเอาศีรษะเป็นส่วนนำ (cephalic presentation) พบได้ประมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ 
5.2. ทารกเอาก้นเป็นส่วนนำ (breech presentation) 
6. จุดอ้างอิง (denominator) หมายถึง ส่วนของทารกบนส่วนนำเพื่อใช้ส่วนนี้บอกท่าของ ทารกตามส่วนนำ ดังนี้ (วราวุธ, 2529; สุรีย์และธีระ, 2537) 
6.1. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกที่มีการก้มเต็มที่ (vertex presentation) มีกระดูกท้ายทอย (occiput) เป็นจุดอ้างอิง 
6.2. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกที่มีการเงยเล็กน้อย (bregma presentation) ส่วนของขม่อม หน้าจะเป็นส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดมีกระดูกท้ายทอย (occiput) เป็นจุดอ้างอิง 
6.3. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกมีการเงยขึ้นอีก (brow presentation) ส่วนของหน้าผากทารก เป็นส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด มีกระดูกฟรอนทัล (frontal) เป็นจุดอ้างอิง 
6.4. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกมีการแหงนหน้าเต็มที่ (face presentation) หน้าทารกจะเป็น ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดมีคางเป็นจุดอ้างอิง
6.5. ส่วนนำเป็นก้น (breech presentetion) มีกระดูกก้นกบ (sacrum) เป็นจุดอ้างอิง 
7. ท่าของทารก (position) คือ ความสัมพันธ์ระหว่างจุดอ้างอิงกับช่องเชิงกรานของมารดา การที่จะบอกว่าทารกอยู่ในท่าใดก็ขึ้นอยู่กับจุดอ้างอิงนั้นๆ 
ในท่าส่วนนำเป็นศีรษะ ทารกมีการก้มมีกระดูกท้ายทอยเป็นจุดอ้างอิง ซึ่งจะมีท่าของ ทารกได้ 6 แบบ ดังนี้ (Dickason, 1998) 
7.1. ท้ายทอยอยู่ทางด้านหน้าข้างซ้ายของช่องเชิงกราน (left occiput anterior) ย่อว่า LOA 
7.2. ท้ายทอยอยู่แนวขวางของช่องเชิงกราน (left occiput transverse) ย่อว่า LOT 
7.3. ท้ายทอยอยู่ด้านหลังข้างซ้ายของช่องเชิงกราน (left occiput posterior) ย่อว่า LOP 
7.4. ท้ายทอยอยู่ด้านหน้าข้างขวาของช่องเชิงกราน (right occiput anterior) ย่อว่า ROA 
7.5. ท้ายทอยอยู่แนวขวางของช่องเชิงกราน (right occiput transverse) ย่อว่า ROT 
7.6. ท้ายทอยอยู่ด้านหลังข้างขวาของช่องเชิงกราน (right occiput posterior) ย่อว่า ROP

More Related Content

PDF
กลไกการคลอดปกติ 8 ขั้นตอน
PPTX
แนวทางการบริโภคอาหารสำหรับผู้สูงอายุ
PDF
ไข้เลือดออก
PDF
Case study : dengue fever
PDF
ยารักษาโรคจิตเวช รพ. สหัสขันธ์
PDF
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนและหลังการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรค
DOC
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
PDF
O&g examination
กลไกการคลอดปกติ 8 ขั้นตอน
แนวทางการบริโภคอาหารสำหรับผู้สูงอายุ
ไข้เลือดออก
Case study : dengue fever
ยารักษาโรคจิตเวช รพ. สหัสขันธ์
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนและหลังการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรค
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
O&g examination

What's hot (20)

PPT
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอารมณ์ผิดปกติ โดย อ.วิไลวรรณ บุญเรือง
PDF
Total parenteral nutrition
PDF
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา ของระบบทางเดินหายใจ
PPT
ติวเด็ก
PPTX
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ 57
PDF
คู่มือ ICD (Chest drain)
DOC
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
DOCX
Berodual salbutamol solution
PDF
PALS manual 2009
PDF
โครงสร้างและหน้าที่ระบบทางเดินอาหาร 2560
PDF
Thai nihss
PPTX
Ppt. stroke1
PDF
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
PDF
Pediatric dosage table ขนาดการใช้ในเด็กแบ่งตามอายุ+น้ำหนัก
PDF
การจัดการความปวดเบื้องต้น
PDF
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและ ฟื้นคืนชีพ (CPR)
PDF
คู่มือนักโภชนาการ
PDF
pathophysiology of lower gastrointestinal for nursing students
DOC
ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์ (บันทึกอัตโนมัติ)
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีอารมณ์ผิดปกติ โดย อ.วิไลวรรณ บุญเรือง
Total parenteral nutrition
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหา ของระบบทางเดินหายใจ
ติวเด็ก
การส่งเสริมการขับถ่ายอุจจาระ 57
คู่มือ ICD (Chest drain)
การวินิจฉัยชุมชน อ.สมเกียรติ
Berodual salbutamol solution
PALS manual 2009
โครงสร้างและหน้าที่ระบบทางเดินอาหาร 2560
Thai nihss
Ppt. stroke1
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
Pediatric dosage table ขนาดการใช้ในเด็กแบ่งตามอายุ+น้ำหนัก
การจัดการความปวดเบื้องต้น
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นและ ฟื้นคืนชีพ (CPR)
คู่มือนักโภชนาการ
pathophysiology of lower gastrointestinal for nursing students
ข้อสอบกายวิภาคศาสตร์ (บันทึกอัตโนมัติ)
Ad

Viewers also liked (20)

PDF
คู่มือฝากครภ์และการคลอด
PDF
การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์
PDF
หัตถการที่จำเป็นทางสูติ
PPT
Normal labor
PDF
คลอด
PDF
บทที่ 1
PDF
NTstep3round2 9_jan2554
PDF
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
PPT
Lie, presentation, attitude, and position
PPT
Female bony pelvis and fetal skull for undergraduate
DOCX
For extern
PDF
Neonatal resuscitation การช่วยฟื้นชีวิตทารกและทารกแรกเกิด
PPTX
Occipitoposterior position
PDF
Step3 Tutorial by SWU book1
PDF
Normal Labour and Abnormal Labour
DOCX
แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน (พี่ก้อย)
PPT
Abnormal+labour
PDF
Dysfunctional labor
PPT
Normal and abnormal labour
คู่มือฝากครภ์และการคลอด
การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์
หัตถการที่จำเป็นทางสูติ
Normal labor
คลอด
บทที่ 1
NTstep3round2 9_jan2554
แผนการจัดการเรียนรุ้คุณธรรมนำความคิดเรื่องสารละลาย โดยใช้รูปแบบ 4 mat นายกอบว...
Lie, presentation, attitude, and position
Female bony pelvis and fetal skull for undergraduate
For extern
Neonatal resuscitation การช่วยฟื้นชีวิตทารกและทารกแรกเกิด
Occipitoposterior position
Step3 Tutorial by SWU book1
Normal Labour and Abnormal Labour
แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน (พี่ก้อย)
Abnormal+labour
Dysfunctional labor
Normal and abnormal labour
Ad

Similar to 27การตรวจครรภ์ (20)

PDF
Fertilization pptx
PDF
343 pre4
PDF
คู่มือเด็กเล็ก 0 3 ปี
PDF
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
DOC
J:\งาน Powerpoint And Word\งานต๊อก\งานPaper\เรื่องที่อยากเล่า แต่ยังไม่มีหัวข้อ
PPTX
[ห้อง 343] การเกิดฝาแฝด กลุ่ม 4 (1,8,17,27)
PDF
Cpr newversion
PPTX
Multiplepregnancy
PPT
เสถียรธรรมสถาน1 Copy
PPTX
งานนำเสนอโปสเตอร์ กลุ่มที่ 8 ห้อง 342
PDF
ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
PDF
ติวสอบเตรียมสืบพันธุ์และเจริญสัตว์
PDF
PDF
Foreign Body
PDF
โครงงานสุขศึกษา
PDF
เรื่องการสืบพันธ์ของสุนัข
PDF
Lessonplanunit4animalrepro kr uwichai62
PDF
Lessonplan 4animalreproduce
PDF
Twins-341 pre2
PPT
Psychology1
Fertilization pptx
343 pre4
คู่มือเด็กเล็ก 0 3 ปี
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
J:\งาน Powerpoint And Word\งานต๊อก\งานPaper\เรื่องที่อยากเล่า แต่ยังไม่มีหัวข้อ
[ห้อง 343] การเกิดฝาแฝด กลุ่ม 4 (1,8,17,27)
Cpr newversion
Multiplepregnancy
เสถียรธรรมสถาน1 Copy
งานนำเสนอโปสเตอร์ กลุ่มที่ 8 ห้อง 342
ทันตกรรมป้องกันในเด็กและวัยรุ่น
ติวสอบเตรียมสืบพันธุ์และเจริญสัตว์
Foreign Body
โครงงานสุขศึกษา
เรื่องการสืบพันธ์ของสุนัข
Lessonplanunit4animalrepro kr uwichai62
Lessonplan 4animalreproduce
Twins-341 pre2
Psychology1

27การตรวจครรภ์

  • 1. คู่มือการฝึกปฏิบัติการพยาบาล เรื่อง การตรวจครรภ์ ภาควิชาการพยาบาลสตรีและเด็ก คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • 2. คู่มือการฝึกปฏิบัติการพยาบาล เรื่อง การตรวจครรภ์ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์กัญจนี พลอินทร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตใส ลาวัลย์ตระกูล ผู้ช่วยศาสตราจารย์วัฒนา ศรีพจนารถ
  • 3. แบบประเมินผลการตรวจครรภ์ ชื่อ......................สกุล........................ รหัส..............................กลุ่ม............. คะแนนเต็ม..........คะแนนที่ได้.......... ร้อยละ............................................... อ.ผู้ประเมิน........................................ ผลการประเมินทักษะ ทักษะที่ประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ 1 การแนะนำตัว 2 การอธิบายขั้นตอนการทำและจุดประสงค์การ ตรวจ 3 ให้ถ่ายปัสสาวะก่อนทำ 4 การล้างมือก่อนและหลังการตรวจ 5 การจัดท่า กั้นม่าน ใช้ผ้าคลุมท้องน้อยและขา 6 เทคนิคการตรวจ 6.1 การดู 6.2 การคลำ โดยใช้วิธี Leopold’s maneuver 6.3 การฟังและนับอัตราการเต้นของหัวใจทารก 7 การบอกผลการตรวจและให้คำแนะนำ 8 การบันทึกผลการตรวจในสมุดบันทึกสุขภาพ
  • 4. การตรวจครรภ์ จุดประสงค์ 1. เพื่อประเมินอายุครรภ์ 2. เพื่อตรวจหาลักษณะของทารกว่าอยู่ในลักษณะใด 3. เพื่อตรวจสภาพการมีชีวิตของทารก วิธีปฏิบัติ 1. ให้หญิงตั้งครรภ์ถ่ายปัสสาวะให้หมดก่อน เพื่อให้การวัดระดับยอดมดลูกเที่ยงตรง 2. ให้หญิงตั้งครรภ์นอนหงายหนุนหมอนบนเตียง กั้นม่านให้เรียบร้อย 3. เปิดหน้าท้อง คลุมผ้าปิดตั้งแต่บริเวณท้องน้อยลงมา 4. เข้ายืนด้านขวาของหญิงตั้งครรภ์ หันหน้าไปทางศีรษะของหญิงตั้งครรภ์ 5. ใช้หลักในการตรวจ ได้แก่ การดู การคลำ และการฟัง การดู สิ่งที่ต้องดูคือ - ขนาดของมดลูกว่ามีขนาดใหญ่ได้สัดส่วนกับอายุครรภ์หรือไม่ ถ้ามีขนาดใหญ่มาก อาจเป็นการตั้งครรภ์แฝด แฝดน้ำ หรือทารกมีขนาดใหญ่ - รูปทรง มดลูกอยู่ในแนวตามยาวหรือตามขวาง หน้าท้องห้อยหย่อน กล้ามเนื้อหน้า ท้องแยกออกจากกันหรือไม่ หน้าท้องนูนมากหรือน้อย มีลอนหรือไม่ - การเคลื่อนไหวของทารก - การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่บริเวณหน้าท้อง เช่น หน้าท้องลาย ผนังหน้าท้อง หย่อน รอยผ่าตัดเป็นต้น - สิ่งผิดปกติอื่นๆ เช่น บวม ผื่น โรคผิวหนัง การคลำ โดยใช้วิธีลีโอโพลด์ (Leopold’s maneuver) ดังนี้ ท่าที่ 1 First Leopold Handgrip (Fundal Grip) คลำบริเวณยอดมดลูกเพื่อตรวจหา ระดับของยอดมดลูกและส่วนของทารกที่อยู่บริเวณยอดมดลูก โดย
  • 5. 1. ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วแตะที่บริเวณยอดมดลูก อีกมือหนึ่งแตะที่บริเวณลิ้นปี่ ดู ว่าระดับยอดมดลูกว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือและลิ้นปี่ หรือในกรณีที่อายุ ครรภ์น้อยดูว่าเป็นสัดส่วนเท่าใดกับระยะระหว่างสะดือถึงขอบบนของกระดูกหัวเหน่า 2. ใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วมือทั้งสองข้างคลำส่วนของทารกที่บริเวณยอดมดลูก ว่า เป็นศีรษะหรือก้น ถ้าเป็นศีรษะจะคลำได้เป็นก้อนกลมแข็ง มี ballottement คลำได้ร่องคอ ถ้า เป็นก้นจะนุ่มกว่า ไม่กลม อาจมี ballottement บ้างแต่ไม่ชัดเจนเท่าศีรษะ ท่าที่ 2 Second Leopold Handgrip (Umbilical Grip) คลำหาส่วนหลังทารก โดย 1. ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางทาบบนผนังหน้าท้อง
  • 6. 2. มือข้างหนึ่งกด อีกมือวางไว้เฉยๆ คลำให้ได้ว่าด้านไหนเป็นส่วนหลังของทารก (large part) ด้านที่เป็นส่วนหลังจะคลำได้เป็นแผ่นเรียบโค้งเป็นทางยาวติดต่อกัน มีความรู้สึก ต้านฝ่ามือ ส่วนที่เป็นด้านหน้าของทารก (small part) จะมีความรู้สึกว่าคลำได้เป็นปุ่ม ซึ่งได้แก่ แขน ขา ข้อศอก หัวเข่า ในกรณีที่คลำแขนขาได้ไม่ชัดเจนจะมีความรู้สึกว่าด้านหน้าของทารก จะว่างสามารถกดผนังหน้าท้องลงไปได้มากกว่า ท่าที่ 3 Third Leopold Handgrip (Pawlik Grip) ตรวจหาส่วนนำและ attitude ของ ทารก โดย 1. ใช้มือขวาคลำและจับส่วนของทารกที่บริเวณเหนือหัวเหน่าให้อยู่ภายในอุ้งมือ 2. ตรวจหาส่วนนำ ถ้าเป็นศีรษะจะมีลักษณะกลมแข็งและเรียบ มี ballottement ชัดเจน และอาจคลำได้ร่องคอ 3. ตรวจหาระดับของส่วนนำ โดยถ้าโยกส่วนนำของทารกให้เคลื่อนไหวไปมาได้ แสดงว่าส่วนนำของทารกยังลอยอยู่ (float) แต่ถ้าไม่สามารถโยกส่วนนำได้เลยแสดงว่าส่วนนำ ผ่านลงสู่ช่องเชิงกรานแล้ว (engagement) 4. ตรวจทรงของทารก โดยคลำหา cephalic prominence ของทารก ถ้าคลำได้ ตรงกันข้ามกับหลังและสูงกว่าแสดงว่าทารกอยู่ทรงก้ม ถ้าคลำได้ด้านเดียวกับหลังแสดงว่า ทารกอยู่ในทรงเงย
  • 7. ท่าที่ 4 Fourth Leopold Handgrip (Bilateral Inquinal Grip) ตรวจหาระดับของส่วน นำและทรงของทารก โดย 1. ยืนหันหน้าไปทางปลายเท้าของหญิงตั้งครรภ์ 2. ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างวางลงที่ด้านข้างของส่วนนำที่บริเวณขาหนีบ เคลื่อน ฝ่ามือสัมผัสด้านข้างของส่วนนำไปตามขาหนีบ 3. ตรวจหาระดับของส่วนนำ ถ้าปลายมือยังสอบเข้าหากันได้แสดงว่าศีรษะทารก ยังไม่ผ่านลงสู่ช่องเชิงกราน แต่ถ้าปลายนิ้วมือสอบเข้าหากันไม่ได้แสดงว่าศีรษะทารกผ่านลงสู่ ช่องเชิงกรานแล้ว 4. ตรวจหาส่วนนำและทรงของทารก ถ้าศีรษะเป็นส่วนนำจะพบว่ากลม เรียบ แข็ง มี ballottement คลำร่องคอและ cephalic prominence ได้ ส่วนก้นจะไม่พบร่องคอและ cephalic prominence ถ้าคลำ cephalic prominence ได้ชัดอยู่ด้านตรงข้ามหลังและใกล้สะดือมาก ทารก อยู่ทรงก้ม มี Vertex presentation การฟังเสียงหัวใจทารก สามารถฟังโดยการใช้หูฟังวางทาบกับผนังหน้าท้อง การฟังเสียงหัวใจทารกสามารถ วินิจฉัยการตั้งครรภ์แฝด สภาพการมีชีวิตของทารก ส่วนนำและท่าของทารกในครรภ์ ตำแหน่งที่จะได้ยินเสียงหัวใจทารกขึ้นกับส่วนนำ ท่าและทรงของทารก ตำแหน่งที่ฟังได้ชัดเจนที่สุด คือ บริเวณสะบักซ้ายของทารก “left scapula region” เนื่องจากทารกอยู่ทรงก้ม หลังโค้งทาบใกล้กับผนังมดลูกมากที่สุด ปกติเสียงหัวใจทารกจะได้ ยินชัดต่ำกว่าระดับสะดือ แต่ถ้าศีรษะเคลื่อนเข้าสู่ช่องเชิงกรานแล้วตำแหน่งหัวใจของทารกอาจ ต่ำมากใกล้กับเชิงกราน ในท่าก้นจะได้ยินชัดบริเวณระดับสะดือหรือสูงกว่า
  • 8. อัตราการเต้นของหัวใจทารกจะประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาทีและเป็นเสียงคู่ ดัง ตุบ ตุบ แต่ละคู่ที่ฟังได้คือการเต้นของหัวใจทารก 1 ครั้ง ระหว่างที่มีการหดรัดตัวของมดลูกเสียง หัวใจของทารกจะเต้นเร็วกว่าปกติแล้วเปลี่ยนเป็นช้าลง แต่จะไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาที ดังนั้น จึงควรฟังเสียงหัวใจของทารกหลังจากมดลูกคลายตัว 20-25 วินาที ขณะฟังควรจับชีพจรหญิง ตั้งครรภ์พร้อมกันเพื่อเปรียบเทียบและแยกว่าเสียงที่ฟังได้นั้นเป็นเสียงหัวใจทารกจริงๆ นอกจากเสียงหัวใจทารกแล้วยังมีเสียงอื่นที่ได้ยินร่วมด้วย เช่น (1) เสียงจากสายสะดือ (umbilical cord souffle หรือ funic souffle) ซึ่งเป็นเสียงที่ได้ ยินจากการที่เลือดไหลผ่านภายในหลอดเลือดของสายสะดือทารกไม่สะดวกจากการถูกกดหรือ ถูกบีบหรือสายสะดือผิดมากๆ เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงฟู่ๆ มีอัตราการเต้นเท่ากับหัวใจทารก (2) เสียงจากหลอดเลือดของมดลูก (uterine souffle) เป็นเสียงที่ได้ยินจากการที่เลือด ไหลผ่านหลอดเลือดของมดลูก มีอัตราการเต้นเท่ากับชีพจรของหญิงตั้งครรภ์ (3) เสียงการเคลื่อนไหวของทารก โดยเฉพาะการดิ้นทั้งตัวหรือการพลิกตัวของ ทารก และถ้าดิ้นแล้วส่วนของทารกกระทุ้งถูกผนังมดลูกจะเกิดเสียงดังตุบ (Fetal shocking sound) ส่วนต่างๆ ของทารกและกระโหลกศีรษะ 1. ส่วนของทารก ปกติทารกในครรภ์จะงอหมดทุกส่วน คือ หลังงอ ศีรษะก้ม แขนขางอ ทุกข้อต่องอ ทำให้อยู่ในรูปไข่ (ovoid shape) และมีขั้ว 2 ขั้ว คือ ขั้วหัวและขั้วก้น
  • 9. 2. ศีรษะทารก ประกอบด้วย - หน้าผาก (brow หรือ sinciput) คือ บริเวณระหว่างคิ้วหรือกระดูกของตาไปถึงขม่อม หน้า - ส่วนยอดศีรษะ (vertex) คือ บริเวณจากขม่อมหน้าถึงขม่อมหลัง - ส่วนท้ายทอย (occiput) คือ บริเวณจากขม่อมหลังถึงปุ่มกระดูกท้ายทอย - ส่วนใต้ท้ายทอย (subocciput) คือ ส่วนของหัวที่อยู่ต่ำกว่าปุ่มกระดูกท้ายทอย - ไบพาไรเอตัล (biparietal) อยู่ระหว่างส่วนนูนที่สุดของกระดูกไบพาไรเอตัล เป็นส่วน ที่กว้างที่สุดของศีรษะทารก - ไบเทมไพรอล (bitemporal) อยู่ระหว่างกระดูกเทมโพรอล
  • 10. 3. แนวของลำตัวทารก (lie) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างความยาวของทารกกับความ ยาวของโพรงมดลูก 3.1. แนวยาว (longitudinal lie) คือ ความยาวของทารกอยู่ในแนวตามความยาวของ โพรงมดลูก 3.2. แนวขวาง (transverse lie) คือ ลำตัวทารกหรือสันหลังทารกจะขวางกับความยาว ของโพรงมดลูก 4. ทรงของทารก (attitude) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างแขน ขา ลำตัว และศีรษะทารก แบ่งออกเป็น 4.1. ทรงก้ม (flexion) คือ ทารกอยู่ในท่าก้ม ศีรษะคางจรดอก หลังก้ม แขนงอ ขางอติด หน้าท้อง เป็นรูปไข่ ซึ่งเป็นทรงปกติของทารกในครรภ์ 4.2. ทรงเงย (deflexion) คือ ทารกมีการเงยของศีรษะ 5. ส่วนนำ (presentation) คือ ส่วนนำเป็นส่วนของทารกที่อยู่ตรงส่วนล่างของมดลูกใน แนวยาว แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ 5.1. ทารกเอาศีรษะเป็นส่วนนำ (cephalic presentation) พบได้ประมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ 5.2. ทารกเอาก้นเป็นส่วนนำ (breech presentation) 6. จุดอ้างอิง (denominator) หมายถึง ส่วนของทารกบนส่วนนำเพื่อใช้ส่วนนี้บอกท่าของ ทารกตามส่วนนำ ดังนี้ (วราวุธ, 2529; สุรีย์และธีระ, 2537) 6.1. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกที่มีการก้มเต็มที่ (vertex presentation) มีกระดูกท้ายทอย (occiput) เป็นจุดอ้างอิง 6.2. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกที่มีการเงยเล็กน้อย (bregma presentation) ส่วนของขม่อม หน้าจะเป็นส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดมีกระดูกท้ายทอย (occiput) เป็นจุดอ้างอิง 6.3. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกมีการเงยขึ้นอีก (brow presentation) ส่วนของหน้าผากทารก เป็นส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด มีกระดูกฟรอนทัล (frontal) เป็นจุดอ้างอิง 6.4. ส่วนนำเป็นศีรษะทารกมีการแหงนหน้าเต็มที่ (face presentation) หน้าทารกจะเป็น ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุดมีคางเป็นจุดอ้างอิง
  • 11. 6.5. ส่วนนำเป็นก้น (breech presentetion) มีกระดูกก้นกบ (sacrum) เป็นจุดอ้างอิง 7. ท่าของทารก (position) คือ ความสัมพันธ์ระหว่างจุดอ้างอิงกับช่องเชิงกรานของมารดา การที่จะบอกว่าทารกอยู่ในท่าใดก็ขึ้นอยู่กับจุดอ้างอิงนั้นๆ ในท่าส่วนนำเป็นศีรษะ ทารกมีการก้มมีกระดูกท้ายทอยเป็นจุดอ้างอิง ซึ่งจะมีท่าของ ทารกได้ 6 แบบ ดังนี้ (Dickason, 1998) 7.1. ท้ายทอยอยู่ทางด้านหน้าข้างซ้ายของช่องเชิงกราน (left occiput anterior) ย่อว่า LOA 7.2. ท้ายทอยอยู่แนวขวางของช่องเชิงกราน (left occiput transverse) ย่อว่า LOT 7.3. ท้ายทอยอยู่ด้านหลังข้างซ้ายของช่องเชิงกราน (left occiput posterior) ย่อว่า LOP 7.4. ท้ายทอยอยู่ด้านหน้าข้างขวาของช่องเชิงกราน (right occiput anterior) ย่อว่า ROA 7.5. ท้ายทอยอยู่แนวขวางของช่องเชิงกราน (right occiput transverse) ย่อว่า ROT 7.6. ท้ายทอยอยู่ด้านหลังข้างขวาของช่องเชิงกราน (right occiput posterior) ย่อว่า ROP