Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
SCBEICSCB
128 views
Outlook_1Q22_20220329_ALL_YT2_final.pdf
EIC Outlook 2022
Presentations & Public Speaking
◦
Read more
0
Save
Share
Embed
Embed presentation
Download
Download to read offline
1
/ 84
2
/ 84
3
/ 84
4
/ 84
5
/ 84
6
/ 84
7
/ 84
8
/ 84
9
/ 84
10
/ 84
11
/ 84
12
/ 84
13
/ 84
14
/ 84
15
/ 84
16
/ 84
17
/ 84
18
/ 84
19
/ 84
20
/ 84
21
/ 84
22
/ 84
23
/ 84
24
/ 84
25
/ 84
26
/ 84
27
/ 84
28
/ 84
29
/ 84
30
/ 84
31
/ 84
32
/ 84
33
/ 84
34
/ 84
35
/ 84
36
/ 84
37
/ 84
38
/ 84
39
/ 84
40
/ 84
41
/ 84
42
/ 84
43
/ 84
44
/ 84
45
/ 84
46
/ 84
47
/ 84
48
/ 84
49
/ 84
50
/ 84
51
/ 84
52
/ 84
53
/ 84
54
/ 84
55
/ 84
56
/ 84
57
/ 84
58
/ 84
59
/ 84
60
/ 84
61
/ 84
62
/ 84
63
/ 84
64
/ 84
65
/ 84
66
/ 84
67
/ 84
68
/ 84
69
/ 84
70
/ 84
71
/ 84
72
/ 84
73
/ 84
74
/ 84
75
/ 84
76
/ 84
77
/ 84
78
/ 84
79
/ 84
80
/ 84
81
/ 84
82
/ 84
83
/ 84
84
/ 84
More Related Content
PDF
Presentation_Outlook-Q4-2022_20221028.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
Presentation_Outlook Q3 2022_20220913.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
PDF
EIC_Monthly_July_20220712-final.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook-3Q2023-Onscreen.pdf
by
SCBEICSCB
Presentation_Outlook-Q4-2022_20221028.pdf
by
SCBEICSCB
Presentation_Outlook Q3 2022_20220913.pdf
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น EIC คาดเงินเฟ้อโลกชะลอช้าและอยู่สูงกว่าเ...
by
SCBEICSCB
EIC_Monthly_July_20220712-final.pdf
by
SCBEICSCB
Outlook-3Q2023-Onscreen.pdf
by
SCBEICSCB
Similar to Outlook_1Q22_20220329_ALL_YT2_final.pdf
PDF
SET.pdf
by
Kobsak
PDF
TH-Outlook-1Q22-Final.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
TH-Outlook-4Q22.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 1/2025 (มุมมองเศรษฐกิจปี 2025 ฉบับ Full report และชม VDO วันแถ...
by
SCBEICSCB
PDF
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยปีหน้าลุ้นเหนื่อยโตต่ำ การบริโภคและลงทุนเอกชนซบเซา การเมืองดึงนโยบ...
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2024 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปราะบางและไม่แน่นอน แต่ภาคอุตสาหกรรม...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยยังไปต่อ SCB EIC มองความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นความเสี่ยงที่ต้องจ...
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทย 2023 ครึ่งปีหลังยังดี ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 4/2023
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยปี 2022 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC Monthly Jan 24
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 3/2025 (Full report) SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และชะ...
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
by
SCBEICSCB
SET.pdf
by
Kobsak
TH-Outlook-1Q22-Final.pdf
by
SCBEICSCB
TH-Outlook-4Q22.pdf
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 1/2025 (มุมมองเศรษฐกิจปี 2025 ฉบับ Full report และชม VDO วันแถ...
by
SCBEICSCB
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปีหน้าลุ้นเหนื่อยโตต่ำ การบริโภคและลงทุนเอกชนซบเซา การเมืองดึงนโยบ...
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2024 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปราะบางและไม่แน่นอน แต่ภาคอุตสาหกรรม...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยยังไปต่อ SCB EIC มองความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นความเสี่ยงที่ต้องจ...
by
SCBEICSCB
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทย 2023 ครึ่งปีหลังยังดี ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 4/2023
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยปี 2022 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2023
by
SCBEICSCB
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
by
SCBEICSCB
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
by
SCBEICSCB
SCB EIC Monthly Jan 24
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 3/2025 (Full report) SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และชะ...
by
SCBEICSCB
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
by
SCBEICSCB
More from SCBEICSCB
PDF
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การฟื้นตัวในระยะข้างหน้าจะยังไม...
by
SCBEICSCB
PDF
จับตาทิศทางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 2026 เจอศึกหนัก! เตรียมรับมือ 3 ค...
by
SCBEICSCB
PDF
Industry insight-Construction and Building Materials-20251030.pdf แนวโน้มภาคก...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง ส่งออกเริ่มแผ่ว และความเสี่ยงเงินฝืดสูงขึ้น มองชุดนโยบาย Q...
by
SCBEICSCB
PDF
เจาะ 4 ประเด็นสำคัญ จากผลสำรวจ SCB EIC Real estate survey 2025 และนัยต่อตลาดท...
by
SCBEICSCB
PDF
ธุรกิจโรงไฟฟ้าปี 2026 กลุ่มพลังงานหมุนเวียนเติบโตเด่น ขณะที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิ...
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 3/2025 SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และชะลอลงเหลือ 1.5%...
by
SCBEICSCB
PDF
แม้การเจรจาภาษีลดลงเหลือ 19% แต่ผลจากสงครามการค้าท่ามกลางความเปราะบางในประเทศ...
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC expects CLMV outlook to face diverging risks amid global trade headwinds
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง-ปีหน้าเสี่ยงชะลอตัวแรง SCB EIC มองผลกระทบขึ้นอยู่กับผล...
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 2/2025 SCB EIC ยังคงมุมมองประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตต่ำ...
by
SCBEICSCB
PDF
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2025 ขยายตัวตามคาดจากปัจจัยชั่วคราวและฐานต่ำ แต่สัญญาณเศร...
by
SCBEICSCB
PDF
สงครามการค้ารอบใหม่และความไม่แน่นอนในระดับสูงกดดันเศรษฐกิจไทยเสี่ยง Technical...
by
SCBEICSCB
PDF
Outlook ไตรมาส 1/2025 รับมือความท้าทายทรัมป์ 2.0 อย่างไร เมื่อไทยยังมีแผลเป็น...
by
SCBEICSCB
PDF
ทางออกหนี้ครัวเรือนไทย…แก้อย่างไรให้ยั่งยืน และตรงกลุ่ม
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
PDF
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
PDF
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปรา...
by
SCBEICSCB
PDF
การท่องเที่ยวไทยเติบโตได้ดี แต่ยังเผชิญความท้าทายที่ต้องจับตา
by
SCBEICSCB
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การฟื้นตัวในระยะข้างหน้าจะยังไม...
by
SCBEICSCB
จับตาทิศทางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 2026 เจอศึกหนัก! เตรียมรับมือ 3 ค...
by
SCBEICSCB
Industry insight-Construction and Building Materials-20251030.pdf แนวโน้มภาคก...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง ส่งออกเริ่มแผ่ว และความเสี่ยงเงินฝืดสูงขึ้น มองชุดนโยบาย Q...
by
SCBEICSCB
เจาะ 4 ประเด็นสำคัญ จากผลสำรวจ SCB EIC Real estate survey 2025 และนัยต่อตลาดท...
by
SCBEICSCB
ธุรกิจโรงไฟฟ้าปี 2026 กลุ่มพลังงานหมุนเวียนเติบโตเด่น ขณะที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิ...
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 3/2025 SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโต 1.8% ปีนี้ และชะลอลงเหลือ 1.5%...
by
SCBEICSCB
แม้การเจรจาภาษีลดลงเหลือ 19% แต่ผลจากสงครามการค้าท่ามกลางความเปราะบางในประเทศ...
by
SCBEICSCB
SCB EIC expects CLMV outlook to face diverging risks amid global trade headwinds
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง-ปีหน้าเสี่ยงชะลอตัวแรง SCB EIC มองผลกระทบขึ้นอยู่กับผล...
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 2/2025 SCB EIC ยังคงมุมมองประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตต่ำ...
by
SCBEICSCB
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2025 ขยายตัวตามคาดจากปัจจัยชั่วคราวและฐานต่ำ แต่สัญญาณเศร...
by
SCBEICSCB
สงครามการค้ารอบใหม่และความไม่แน่นอนในระดับสูงกดดันเศรษฐกิจไทยเสี่ยง Technical...
by
SCBEICSCB
Outlook ไตรมาส 1/2025 รับมือความท้าทายทรัมป์ 2.0 อย่างไร เมื่อไทยยังมีแผลเป็น...
by
SCBEICSCB
ทางออกหนี้ครัวเรือนไทย…แก้อย่างไรให้ยั่งยืน และตรงกลุ่ม
by
SCBEICSCB
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังมีแรงส่งและปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐ...
by
SCBEICSCB
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปรา...
by
SCBEICSCB
การท่องเที่ยวไทยเติบโตได้ดี แต่ยังเผชิญความท้าทายที่ต้องจับตา
by
SCBEICSCB
Outlook_1Q22_20220329_ALL_YT2_final.pdf
1.
29 มีนาคม 2022 ดร.
ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ณ ไตรมาส 1 ปี 2022
2.
แนวโน้มเศรษฐกิจ ณ ไตรมาส
1 ปี 2022 ทั่วโลกทยอยผ่อนคลายมาตรการจากัดการเดินทาง แม้การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ Omicron จะยังดาเนินอยู่ หลายประเทศเริ่มใช้นโยบาย Living with Covid ด้วยอัตรา การฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น รวมถึงอัตราการป่วยหนักและอัตราการตายของไวรัสสายพันธุ์ Omicron ที่ต่ากว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การใช้จ่าย และการเดินทาง ทยอยฟื้นตัวขึ้นเป็นลาดับ อย่างไรก็ตาม จีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าสาคัญของโลกยังคงนโยบาย Zero COVID ส่งผลให้เกิดการตึงตัวด้านอุปทานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาพลังงานและโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้น และเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทั่วโลก รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ามันหลักของโลก ขณะที่ ทั้งรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งจัดหาโภคภัณฑ์ที่สาคัญต่อทั้งภาคการผลิต (เช่น แพลเลเดียม นิกเกิล เหล็ก ก๊าซนีออน) และภาคเกษตร (อาทิ ข้าวสาลี ข้าวโพด ปุ๋ยยูเรีย) ภาวะ สงครามในยูเครน รวมถึงชุดมาตรการคว่าบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียจากชาติตะวันตก จะส่งผลให้การชะงักงันด้านอุปทานรุนแรงขึ้น ต้นทุนด้านการผลิตปรับพุ่งสูงขึ้น และเงินเฟ้อ เร่งตัวขึ้นทั่วโลกอย่างมีนัยสาคัญ และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าลงจากประมาณการเดิม ธนาคารกลางในเศรษฐกิจพัฒนาแล้วเริ่มดาเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว หลังอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นมากจากปัจจัยทั้งฝั่งต้นทุนและอุปสงค์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้าน เสถียรภาพราคา EIC คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นรวม 7 ครั้งหรือ 175 bps ในปีนี้ รวมถึงจะเริ่มลดขนาดงบดุลในช่วงกลางปี ซึ่งจะส่งผลให้อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ เร่งตัวสูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลไทยและต้นทุนการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนไทยปรับขึ้นตาม EIC ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2022 ลงเหลือ 2.7% (เดิม 3.2%) จากกาลังซื้อของครัวเรือนที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวสูงเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 4.9% และราคาน้ามันและโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น อัตรากาไรลดลง และอาจชะลอการลงทุนลงจากเดิม นอกจากนี้ จานวนนักท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัว ช้ากว่าประมาณการเดิมตามผลกระทบต่อรายได้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการปิดกั้นน่านฟ้าจากผลของสงครามฯ จะส่งผลให้จานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้ อยู่ที่ 5.7 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวเป็นลาดับตามการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและนโยบายเปิดประเทศ รวมถึงจากอุปสงค์คงค้าง โดยเฉพาะของกลุ่มผู้มีรายได้สูงเป็นหลัก ทั้งนี้ ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจทั้งการว่างงาน รายได้ และหนี้ครัวเรือนยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว EIC คาดว่า ธปท. จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายตลอดปี 2022 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง แม้มีความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากฝั่งอุปทานเป็นสาคัญ ทั้งนี้ จาเป็นต้องจับตาความผันผวนของเงินบาทในช่วงครึ่งปีแรก แนวโน้มราคาน้ามันโลก รวมถึงแนวโน้มการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าและค่าจ้าง ที่อาจส่งผลให้การคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) ปรับเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป 2
3.
80 85 90 95 100 105 0 1 2
3 4 5 6 7 8 9 1011121314151617181920 Asian financial crisis Subprime crisis Thailand's 2011 Flood Crisis COVID-19 3 ประมาณการเศรษฐกิจ (กรณีฐาน) หน่วย 2021 2022F ณ ธ.ค. 2021 ณ มี.ค. 2022 GDP %YOY 1.6 3.2 2.7 การบริโภคภาคเอกชน %YOY 0.3 3.4 2.9 การบริโภคภาครัฐ %YOY 3.2 -0.6 -1.5 การลงทุนภาคเอกชน %YOY 3.2 4.0 3.5 การลงทุนภาครัฐ %YOY 3.8 4.8 3.0 การส่งออกสินค้าและบริการ %YOY 10.4 10.9 8.4 - มูลค่าส่งออกสินค้า (USD BOP basis) %YOY 18.8 3.4 6.1 การนาเข้าสินค้าและบริการ %YOY 17.9 8.9 6.5 - มูลค่านาเข้าสินค้า (USD BOP basis) %YOY 23.4 4.3 13.2 จานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล้านคน 0.4 5.9 5.7 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป %YOY 1.2 1.6 4.9 ราคาน้ามันดิบ Brent USD/Brl. 70.4 70 110.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (สิ้นปี) % 0.50 0.50 0.5 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC EIC คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.7% ในปี 2022 ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.2% รวมทั้งปรับเงินเฟ้อขึ้นเป็น 4.9% จากเดิม 1.6% จากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประมาณการการฟื้นตัวของ Real GDP ไทย หน่วย : ดัชนี Rolling sum 4 ไตรมาส (2019Q4 = 100 ของ COVID-19) ปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ • อัตราการเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูง จากราคาน้ามันและโภคภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้นและอาจอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าคาดจากปัจจัย สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบทางตรงต่อกาลังซื้อในประเทศและ ต้นทุนในภาคธุรกิจ • การชะงักงันของอุปทานในภาคการผลิตและขนส่ง ทั้งจาก นโยบาย Zero Covid ของจีนและมาตรการคว่าบาตรทาง เศรษฐกิจต่อรัสเซีย • ภาวะการเงินตึงตัวจากนโยบายของธนาคารกลางหลักของ โลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผ่านการขึ้น อัตราดอกเบี้ยหรือลดสภาพคล่องในระบบ ที่จะส่งผลต่อ ต้นทุนการกู้ยืมเงินระยะยาวของภาครัฐและภาคเอกชนไทย • การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่อาจช้ากว่าคาด จาก ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน • ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ถูกซ้าเติมจากผลกระทบด้านค่าครองชีพจากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จนกระทบต่อความสามารถในการชาระหนี้ ของภาคครัวเรือนในวงกว้าง Forecast periods คาดเศรษฐกิจไทยกลับไปเท่าก่อน เกิดวิกฤตในช่วง Q3 ปี 2023 2023Q3
4.
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2022 แม้สถานการณ์ COVID-19
เริ่มคลี่คลาย แต่สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ทาให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเร็วจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และอุปทานคอขวด กดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ตึงตัวขึ้น ส่งผลต่อภาวะการเงินโลกและภาระหนี้ที่สูง การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกน้อยลง หลังหลายประเทศใช้นโยบาย Living with Covid อย่างไรก็ดี สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงจากปัญหา อุปทานคอขวดที่แย่ลง เป็นผลให้ราคาพลังงานและโภคภัณฑ์สูงขึ้น การค้าโลกชะลอลง และภาวะการเงินตึงตัว อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นทั่วโลกส่งผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก โดยเงินเฟ้อในเศรษฐกิจพัฒนาแล้วเกิดจากทั้งปัจจัยอุปสงค์และ อุปทาน ขณะที่ในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (EMs) ส่วนใหญ่เป็นผล จากปัจจัยอุปทาน ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อโลกจะอยู่ในระดับสูง ตลอดปี และจะเริ่มคลี่คลายลงในปี 2023 ธนาคารกลางในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วดาเนินนโยบายการเงิน ที่ตึงตัวขึ้น โดย Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ ECB มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยช่วงปลายปี ซึ่งจะทาให้ภาวะการเงินโลกตึง ตัวขึ้น เป็นความเสี่ยงต่อภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงในหลายประเทศ โดยจะกระทบต่อการบริโภค และการลงทุนที่อาจชะลอลง 4
5.
5 แม้สถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย แต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทาให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอลง
6.
จานวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 7 วันของในแต่ละทวีป ที่มา:
การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ WHO และ John Hopkins University CSSE COVID-19 Data อัพเดตล่าสุด: 26 มี.ค. 2022 1 0 0 5 2 3 4 10 15 20 25 30 ล้านคน พันคน Jul/20 Jan/21 Jul/21 Jan/22 ผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ย 7 วัน (LHS) ผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 7 วัน (RHS) 1.27 0 2 4 6 8 % Jan/21 Jul/20 Jul/21 Jan/22 อัตราการเสียชีวิตสะสม สถานการณ์โควิดของโลก จานวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกขยับสูงขึ้นเล็กน้อยจากจานวนผู้ติดเชื้อในเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตสะสมทั่วโลกมี แนวโน้มลดลงต่อเนื่อง 0.0 1.0 0.5 2.0 1.5 Jan/21 Jul/20 ล้านคน Jul/21 Jan/22 ยุโรป เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา อื่น ๆ อัตราการเสียชีวิตสะสมของในแต่ละทวีป 0 2 4 6 8 10 % Jan/22 Jul/20 Jan/21 Jul/21 ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย อื่น ๆ อัตราการเสียชีวิตสะสมของโลก 6
7.
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC
จากข้อมูลของ WHO, CDC, Public Health Emergency (USA) และ McKinsey ความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนและการกระจายยารักษาโควิดเป็นจุดเปลี่ยนสาคัญที่ทาให้โควิดเข้าสู่ endemic อัพเดตล่าสุด: 26 มี.ค. 2022 จานวนผู้รับวัคซีนของโลกอยู่ในระดับสูง โดย WHO คาดว่า เมื่อ 70% ของประชากรทั่วโลกได้รับวัคซีนจะเป็นจุดเปลี่ยนสาคัญของการ เข้าสู่ endemic อย่างไรก็ดี ประเทศในกลุ่มแอฟริกาที่อัตราการฉีดวัคซีนยังอยู่ในระดับต่าจะใช้เวลาถึงช่วง Q3/23 กว่าประชากรราว 70% จะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ซึ่งส่งผลให้แอฟริกายังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดขึ้นอีกครั้ง 40 30 0 10 20 50 60 70 80 90 68% อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ 66% แอฟริกา ยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย 83% 74% 71% 20% 1 เข็ม ครบโดส ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน (% ของจานวนประชากร) กลุ่มประเทศ ช่วงเวลาที่คาดว่าประชากร 70% จะได้รับวัคซีน Q4 ’21 Q1 ’22 Q1 ’22 Q2 ’22 Q2 ’22 Q3 ’23 สถานการณ์โควิดของโลกคาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ Endemic ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 เมื่อประชากรโลกกว่า 70% ได้รับวัคซีน ครบโดสและยารักษาโควิดถูกกระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งจะส่งผลให้จานวนผู้ป่วยอาการหนักและอัตราการเสียชีวิตลดลง ยา ประสิทธิผลเพื่อลดการรักษาใน รพ และเสียชีวิต กาลังการผลิตต่อปี Paxlovid (Pfizer) 89% เมื่อมีอาการไม่เกิน 3 วัน 120 ล้านคอร์ส Molnupiravir (Merck) 30% เมื่อมีอาการไม่เกิน 5 วัน 20 ล้านคอร์ส การกระจายยารักษาโควิดอย่างทั่วถึง ปัจจุบันหลายประเทศอนุมัติให้ใช้ยารักษาโควิดในกรณีฉุกเฉินแล้ว รวมถึงผู้ผลิตอย่าง Merck ได้ อนุญาตให้ผู้ผลิตยาท้องถิ่น 27 รายทั่วโลกผลิตยาเพื่อส่งขายให้ประเทศรายได้น้อยในราคาถูกตามข้อตกลงกับ UN เปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิตและอัตราการแพร่ระบาดของโควิด • Omicron มีอัตราการแพร่เชื้อที่สูงกว่าเชื้อไวรัสชนิดอื่น แต่อัตราการเสียชีวิตต่ากว่า เชื้อไวรัสหลายชนิด • ประเทศที่มีอัตราการได้รับวัคซีนสูงและอัตราการเสียชีวิตจากโควิดต่าเตรียมที่จะ ประกาศให้โควิดเป็น Endemic 0 20 40 60 80 100 Jul/22 2022 2021 57% 70% % ผู้ได้รับวัคซีนครบโดสทั่วโลก 7
8.
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกปรับชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลจากการแพร่ระบาดของ Omicron แต่ข้อมูลล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าการชะลอตัวมีแนวโน้มไม่รุนแรง
และเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้น 8 • กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวแล้ว หลังปรับชะลอตัวลงสู่จุดต่าสุดในช่วงที่มีการ ระบาดหนักของ Omicron เมื่อเดือน ม.ค. 2022 สะท้อนจากดัชนี Google Mobility Index ที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น • การชะลอตัวของเศรษฐกิจมีความรุนแรงน้อยลง รวมถึงใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวที่สั้นลง สะท้อนจากกิจกรรมค้าปลีกและนันทนาการที่หดตัวน้อยกว่าการระบาดระลอกอื่น -80 -60 -40 -20 0 20 40 Feb-20 Apr-20 Jun-20 Aug-20 Oct-20 Dec-20 Feb-21 Apr-21 Jun-21 Aug-21 Oct-21 Dec-21 Feb-22 US UK Germany India ASEAN5 Google Mobility Report: กิจกรรมค้าปลีกและนันทนาการ (Retail and recreation) หน่วย : % การเปลี่ยนแปลงเทียบกรณีฐาน (ค่ามัธยฐานช่วง 3 ม.ค. – 6 ก.พ. 2020), ค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลัง First Wave Alpha Spread Delta Spread Omicron Spread ระดับต่าสุดของดัชนีในช่วงที่มีการแพร่ระบาดแต่ละระลอก* First Wave Alpha Delta Omicron -66.0 -39.8 -28.2 -16.4 Germany US ASEAN5 India UK จุดเข้มงวดสูงสุดของดัชนีความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรค (Oxford Stringency Index) หน่วย : ดัชนี • มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในระลอกล่าสุดมีความเข้มงวดน้อยกว่าระลอกอื่น ๆ ผลจาก ระดับความรุนแรงของไวรัสที่น้อยลง อีกทั้ง มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น • รัฐบาลในหลายประเทศ เริ่มผ่อนคลายมาตรการจากัดการเดินทาง UK และ EU ได้ประกาศผ่อน คลายมาตรการควบคุมโรคแล้ว และมีแนวโน้มยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากและ WFH เป็นต้น • ดังนั้น คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 เป็นต้นไป จะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งในภาค การบริโภคและการผลิต ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Google Mobility Report, University of Oxford North America* เป็นการคานวณค่าเฉลี่ยไม่ถ่วงน้าหนักของประเทศสหรัฐฯ และ แคนาดา 20 40 60 80 100 EU North America* LATAMs ASEAN5 China Japan India First Wave Delta Omicron (Data as of 23 March 22)
9.
30 40 50 60 70 Mar-19 Jun-19 Sep-19 Dec-19 Mar-20 Jun-20 Sep-20 Dec-20 Mar-21 Jun-21 Sep-21 Dec-21 Mar-22 US UK Eurozone
Australia ภาคบริการได้รับผลกระทบจากการกลับมาระบาดมากกว่า ขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตปรับชะลอลงเล็กน้อยใน ไตรมาสแรกของปีนี้ แต่มีความเสี่ยงด้านอุปทานจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนเพิ่มขึ้น 9 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ The Economist และ CEIC 20 25 30 35 40 45 50 55 60 65 70 Mar-19 May-19 Jul-19 Sep-19 Nov-19 Jan-20 Mar-20 May-20 Jul-20 Sep-20 Nov-20 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Mar-22 US UK Euro Zone Australia ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) หน่วย : ดัชนี (ปรับฤดูกาล), > 50 = อยู่ในภาวะขยายตัว ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Services PMI) หน่วย : ดัชนี (ปรับฤดูกาล), > 50 = อยู่ในภาวะขยายตัว • การระบาดของ Omicron ส่งผลต่อกิจกรรมในภาคบริการเป็นหลัก สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่ปรับลดลงชัดเจนกว่า รวมถึงตัวชี้วัดในภาคบริการอื่น ๆ เช่น การรับประทาน อาหารนอกบ้านทั่วโลก หรือยอดการจองเที่ยวบินข้ามแอตแลนติกที่ปรับลดลงหลังพบการแพร่เชื้อของ Omicron ทั้งนี้ ด้วย Omicron ที่รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อภาค บริการปรับฟื้นตัวเร็ว สะท้อนจากข้อมูล PMI ภาคบริการ เดือน ก.พ. - มี.ค. ที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว • กิจกรรมในภาคการผลิตมีแนวโน้มชะลอลงในไตรมาสแรกปีนี้จากปัญหาอุปทานคอขวดที่ยืดเยื้อขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคโรงงานเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค. 21 • การแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและอุปสงค์ของผู้บริโภคบางส่วน ส่งผลให้ยอดค้าปลีกและคาสั่งซื้อใหม่ใน 1Q2022 ชะลอตัวลงเช่นกัน ภาคบริการปรับลดลงมากในช่วงที่เกิดการ ระบาดของ Omicron แต่ก็ฟื้นกลับมาเร็ว เพราะมาตรการเข้มงวดน้อยลง ภาคการผลิตไม่ได้รับผกระทบจากการ ระบาดมากนัก แต่ต้องจับตาผลกระทบ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
10.
Russia-Ukraine War Timeline
2022: สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก 10 ประเทศตะวันตกตอบโต้โดย • ประกาศยุติการให้บริการ Swift กับสถาบัน การเงินจานวนหนึ่งในรัสเซีย • ธนาคารกลางรัสเซียถูกจากัดการเข้าถึง เงินทุนสารองของตน จากกลุ่มประเทศ G7 • ห้ามการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และสินค้า ไฮเทคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปยังรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินประกาศ "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ในยูเครน โดยได้ส่งขีปนาวุธ รอบแรกไปยังเมืองต่าง ๆ ใน ยูเครน และสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วย การสั่งระงับการดาเนินการทาง ทรัพย์สินของสถาบันการเงินบาง แห่งของรัสเซีย ยูเครนลงนามเข้าเป็น สมาชิกสหภาพยุโรป โดยรัสเซียได้บุกเมือง Kyiv เมืองหลวง และ Kharkiv เมืองใหญ่อันดับสองของ ยูเครน Feb 24 Feb 28 Mar 8 Mar 11 Feb 26-27 Mar 2 Mar 10 Mar 15 สหรัฐฯ และอังกฤษประกาศ หยุดนาเข้าน้ามันและก๊าซ ธรรมชาติจากรัสเซีย (embargo) ขณะที่ยุโรปประกาศว่าจะลดการพึ่งพา แหล่งพลังงานจากรัสเซียเหลือศูนย์ ภายในปี 2030 Mar 24 บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ ได้คว่า บาตรรัสเซีย เช่น Apple, Facebook, Amazon, Visa, Master Card, Amex, Google, Microsoft, Maersk, Shell, Pfizer ปูตินประกาศห้ามการส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์และวัตถุดิบ ของรัสเซีย กว่า 200 รายการ ซึ่งรวมถึงธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และข้าวบาร์เลย์ สินค้ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่ รวมถึงสินค้าประเภทพลังงาน และโลหะ กลุ่ม G7 ประกาศแผนที่จะขึ้น ภาษีสินค้านาเข้าจากรัสเซีย เพื่อขจัดผลประโยชน์จากการเป็น สมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) รวมถึงจะปฏิเสธสิทธิในการกู้ยืมเงิน ของรัสเซียกับธนาคารโลก และIMF ด้วย Sberbank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด ของรัสเซียได้ยุติการดาเนินงาน เกือบทั้งหมดในยุโรป เนื่องจาก ธนาคารประสบปัญหาเงินสดไหล ออกเป็นจานวนมาก และเผชิญภัย คุกคามต่อพนักงานและทรัพย์สินของ ธนาคารต่อเนื่อง สหราชอาณาจักรประกาศจัดเก็บ ภาษีนาเข้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 35% จากอัตราในปัจจุบัน สาหรับ การนาเข้าวอดก้าและสินค้าอื่น ๆ มูลค่า รวมกว่า 900 ล้านปอนด์ กลุ่ม G7 และผู้นาสหภาพยุโรป ประชุมร่วมกันที่สานักงานใหญ่ ของ NATO และให้คามั่นที่จะบังคับใช้ มาตรการคว่าบาตรที่ประกาศไปแล้วอย่าง เต็มที่ รวมถึงทางานร่วมกับรัฐบาลประเทศ อื่น ๆ เพื่อกาหนดมาตรการคว่าบาตรเพิ่มเติม
11.
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกในปี 2022 ปรับชะลอลงผ่าน
4 ช่องทาง ช่องทางการส่งผ่านผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อเศรษฐกิจโลก 12 สัดส่วนของรัสเซียต่อเศรษฐกิจโลก ขนาดเศรษฐกิจ ของรัสเซียมีสัดส่วน น้อยต่อเศรษฐกิจโลก แต่มีสัดส่วน กาลังการผลิต พลังงานใน ตลาดโลกที่สูง โดยเฉพาะใน ตลาด Euro Area รัสเซียเป็นแหล่งการผลิต สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งในภาค เกษตรและโลหะที่สาคัญ ของโลก หน่วย : % ของโลก การค้าโลกอาจชะลอ ตัวลงรุนแรง หากมาตรการคว่าบาตร ครอบคลุมการค้าด้านพลังงาน ปัญหาคอขวด อุปทานยืดเยื้อ โดยเฉพาะในภาคเซมิคอนดัก เตอร์และยานยนต์ เนื่องจาก รัสเซียเป็นฐานการผลิตโลหะที่ สาคัญของโลก การปรับเพิ่มขึ้นของ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะในภาคพลังงาน และเกษตรกรรม เนื่องจาก รัสเซียเป็นฐานการผลิตที่ สาคัญของโลก ภาวะการเงินอาจตึง ตัวเร็วในระยะสั้น จากความผันผวนและการไหล ออกของเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ ปลอดภัย (safe haven) 1.8 1.9 1.9 1.3 10 17 11 40 11 9 4 11 8 10 0 10 20 30 40 50 GDP Share Population Export Import Total Fuels Gas Oil EA gas comsumption Preciouse Metal Industrial Minerals Non-fer. Metals Wheat Fertillizers Industrial wood of Euro area ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ IMF
12.
ช่องทางที่ 1: สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่ออุปทานด้านพลังงานเนื่องจากรัสเซีย และยูเครนเป็นผู้ส่งออกสาคัญของโลก
ซึ่งจะกดดันปัญหาเงินเฟ้อให้เพิ่มสูงขึ้น 13 ผลกระทบหากรัสเซียจะตอบโต้โดยการลดการส่งออกพลังงาน • รัสเซียเป็นผู้ส่งออกพลังงานสาคัญของโลก ประมาณ 10% ของทั้งหมด • ยุโรปมีแนวโน้มได้รับผลกระทบสูงสุด เนื่องจากนาเข้าพลังงานสูง • ราคา LNG ในเอเชียและถ่านหินในแปซิฟิกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จาก อุปสงค์จากสหภาพยุโรปที่ย้ายออกจากรัสเซีย • ภาคคมนาคมและขนส่ง มีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรง สัดส่วนการนาเข้าก๊าซจากรัสเซียของชาติในยุโรป หน่วย : % ของการนาเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมด • เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ • ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการทากาไร • การบริโภคลดลงจากกาลังซื้อหดตัว ผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นต่อเศรษฐกิจ ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ The Economist, Moody’s, Bloomberg, World Bank 10 17 11 20 13 11 7 0 5 10 15 20 Total Fuels Gas Oil Potash Barley Wheat PhosRock สัดส่วนผลผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย (Production) หน่วย : % อุปทานของโลก 21 0 20 40 60 80 100 Austria Finland Lithuania Slovakia Hungary Poland Germany Italy France Netherlands Britain 19 3 11 25 13 32 27 31 38 32 % ของการบริโภค ก๊าซธรรมชาติต่อ พลังงานทั้งหมด 64 42 70 30 40 50 60 70 80 90 100 110 120 130 140 150 160 170 2021 2020 2019 4Q22F 3Q22F 1Q22F 2Q22F EIC คาดการณ์ราคาน้ามันดิบ Brent 3 กรณี หน่วย: ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Base Case ($110/บาร์เรล) : อุปสงค์เติบโตตามเศรษฐกิจ อุปทานน้ามันตึงตัว • ความตึงเครียดของสงครามยืดเยื้อราว 3-4 เดือน สหรัฐฯ ระงับการนาเข้าน้ามันจากรัสเซีย • OPEC+ คงมติเพิ่มการผลิตเดือนละ 4 แสนบาร์เรล/วัน แต่ยังผลิตได้น้อยกว่าเป้าหมาย • สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการคว่าบาตรอิหร่าน อิหร่านส่งออกน้ามันดิบ 1.5-2.5 ล้านบาร์เรล/วัน High Case ($133/บาร์เรล) : Supply shock จากสงคราม และวิกฤตพลังงานที่รุนแรงขึ้น • ความตึงเครียดของสงครามยืดเยื้อยาวนาน • นานาชาติคว่าบาตรการส่งออกน้ามันของรัสเซีย หรือรัสเซียหยุดส่งออกพลังงานไปยุโรป สงครามทาให้ท่อส่งน้ามันและก๊าซฯ เสียหาย ท่าเรือส่งน้ามันเสียหายหรือโดนปิด • วิกฤตพลังงานที่ขาดแคลนก๊าซธรรมชาติรุนแรงมากขึ้น ทาให้ต้องใช้น้ามันทดแทนก๊าซสูงขึ้น Low Case ($91/บาร์เรล) : สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยุติเร็ว • สถานการณ์ของสงครามคลี่คลายในระยะเวลาอันสั้น นาไปสู่การเจรจา • การส่งออกพลังงานจากรัสเซียไปยุโรปไม่ได้รับผลกระทบ • อุปทานน้ามันเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯ • สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการคว่าบาตรอิหร่าน ปริมาณส่งออกน้ามันของอิหร่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว Low case Base case High case 133 110 91 2022F
13.
สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรหลายชนิดปรับตัวเพิ่มขึ้นและทาให้ปัญหาราคาปุ๋ยเคมี แพงยืดเยื้อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาเงินเฟ้อโลกและไทยที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้วทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ที่มา:
การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ BP, USDA, Bloomberg และ World Bank 8 18 18 28 17 16 11 17 17 50 2 20 0 30 10 40 50 60 70 80 0 2 ข้าวโพด 0 ข้าวบาร์เลย์ ก๊าซธรรมชาติ ข้าวสาลี น้ามันทานตะวัน ปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยโพแทสเซียม รัสเซีย ยูเครน 80 100 120 140 160 180 200 30/01 06/03 02/01 09/01 20/03 20/02 23/01 16/01 06/02 13/02 27/02 13/03 27/03 สัดส่วนปริมาณการส่งออกต่อปริมาณการค้าโลก หน่วย: % (ปี 2020) 19 ม.ค. ไบเดน คาดการณ์ ว่ารัสเซียจะบุกยูเครน ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ 24 ก.พ. เปิดฉาก สงครามรัสเซีย ยูเครน น้าตาล ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรโลกรายวัน หน่วย: ดัชนี (3 ม.ค. = 100) ถั่วเหลือง น้ามันปาล์ม ข้าวโพด • ราคาข้าวสาลีที่เพิ่มขึ้น จะทาให้ราคาขนมปัง ขนมอบ ผลิตภัณฑ์เส้นสูงขึ้น • ราคาถั่วเหลืองและปาล์มน้ามันที่เพิ่มขึ้น จะทาให้ราคาน้ามันพืชเพิ่มขึ้น • ราคาถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลีที่เพิ่มขึ้น จะทาให้ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น • ราคาข้าวบาร์เลย์ที่เพิ่มขึ้น จะทาให้ต้นทุนการผลิตเบียร์เพิ่มขึ้น ราคาก๊าซธรรมชาติและราคาปุ๋ยยูเรียโลกรายเดือน หน่วย: ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู 0 200 400 600 800 1,000 0 5 10 15 20 25 30 35 40 01/21 02/21 03/21 06/21 04/21 05/21 08/21 07/21 09/21 10/21 11/21 12/21 01/22 02/22 28/03//22 ราคาก๊าซธรรมชาติ ณ ตลาดยุโรป (แกนซ้าย,วัตถุดิบหลักผลิตยูเรีย) ราคาปุ๋ยยูเรีย (แกนขวา) หน่วย: ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน • การคว่าบาตรของรัสเซียจะทาให้ราคาปุ๋ยทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยและก๊าซธรรมชาติที่สาคัญ • ราคาปุ๋ยที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตพืชสูงขึ้น และ เกษตรกรบางส่วนอาจจะลดการใช้ปุ๋ยลง ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ ลดลง ผลักดันให้ราคาอาหารยิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น อุปทานอาหารลดลงนาไปสู่ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น • อุปทานสินค้าเกษตรจากยูเครนและรัสเซียลดลง โดยทั้งสอง ประเทศเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สาคัญ เช่น เมล็ดพืช ข้าวสาลี • มาตรการควบคุมอุปทานของประเทศอื่นเริ่มทยอยประกาศใช้ เช่น ตุรกี อาร์เจนตินา ฮังการี อินโดนิเซีย ได้จากัดการส่งออกอาหาร • ราคาเนื้อสัตว์อาจปรับเพิ่มขึ้น จากต้นทุนอาหารสัตว์ (ธัญพืช) ที่สูงขึ้น • EMs-Asia มีแนวโน้มได้รับผลกระทบต่อเงินเฟ้ออาหารมาก เนื่องจากราคาอาหารมีสัดส่วนในตะกร้าเงินเฟ้อสูง (30%) 14
14.
ช่องทางที่ 2: รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกแร่โลหะสาคัญของโลก
โดยเฉพาะแพลเลเดียม นิกเกิล และก๊าซนีออนที่ใช้ใน กระบวนการผลิตอุปกรณ์ยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาด้านอุปทานและราคาสินค้าดังกล่าว 15 ปัญหาอุปทานคอขวดในภาคเซมิคอนดักเตอร์และยานยนต์อาจรุนแรงขึ้น • รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบสาคัญ ได้แก่ ก๊าซนีออน และแร่แพลเลเดียม โดยรัสเซียส่งออก แพลเลเดียม 43% ของโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสาคัญสาหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ยูเครนเป็นแหล่ง ผลิตก๊าซนีออนบริสุทธิ์ราว 70% ของกาลังการผลิตทั่วโลก ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ • รัสเซียเป็นแหล่งส่งออกนิกเกิล (13%) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสาคัญสาหรับผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV • ปริมาณการส่งออกของก๊าซนีออนและแร่แพลเลเดียมของยูเครนและรัสเซียที่ลดลงจากผลของสงคราม นามาซึ่งราคาของก๊าซนีออนและแร่แพลเลเดียมที่สูงขึ้น หน่วย : % อุปทานโลกทั้งหมด, ปี 2020 สัดส่วนการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ World Bank, Bloomberg แหล่งวัตถุดิบก๊าซนีออนและแร่แพลเลเดียมในโลก หน่วย : % เมื่อเทียบกับมูลค่าการผลิตของ ตลาดโลก 44 70 นีออน แพลลาเดียม รัสเซีย ยูเครน แอฟริกา อเมริกา อื่นๆ 50 100 150 200 02/20 02/21 04/20 09/21 06/20 01/20 10/20 05/20 03/21 07/20 09/20 05/21 11/20 12/20 04/21 06/21 07/21 08/21 10/21 12/21 01/22 03/22 Nickel Steel Palladium Rubber Aluminium ราคาวัตถุดิบสาคัญในตลาดโลก หน่วย: Index (2019=100) 44 25 16 14 13 6 4 -5 5 15 25 35 45 Palladium Vanadium Titanium Platinum Nikkel Aluminum Steel
15.
16 Key timeline of
global semiconductor shortage ระยะเวลาการส่งมอบ semiconductor ยังคงยาวนาน หน่วย : สัปดาห์ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ เช่นรถยนต์ ผ่านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบสาคัญ รวมทั้งความเสี่ยงจากปัญหา supply disruption Q1 2021 Q2 2021 Q3 2021 Q4 2021 กระทบการผลิต รถ 1.4 ล้านคัน ผู้ผลิตรถยนต์เร่งผลิตทดแทน จานวนรถยนต์ที่ไม่สามารถ ผลิตได้ในช่วงก่อนหน้า กระทบการผลิต รถ 2.3 ล้านคัน โรงงานผลิตรถยนต์ หลายแห่งต้องปิด ชั่วคราว Peak of plant shutdowns Peak of Semiconductor Shortage ยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง หาก สงครามยืดเยื้อจะส่งผลต่อการ ขาดแคลนวัตถุดิบและต้นทุนที่ สูงขึ้น 12.8 14.4 15.3 14.2 13.0 14.2 18.5 20.4 25.0 26.2 2017 2020 2019 2018 2021 2022 Trade War Tech War COVID-19 2022F 2023F ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ IHS Markit, KoreaHerald, TrendForce, Nikkei Research และ Susquehanna Financial Group กระทบการผลิต รถ 3.4 ล้านคัน กระทบการผลิต รถ 3.8 ล้านคัน กระทบการผลิต รถ 7 ล้านคัน OEM ลดคาสั่งซื้อชิ้นส่วน เนื่องจากเกิดผลกระทบจากการ แพร่ระบาด ต้องปิดสายการผลิต รถยนต์ทั่วโลก 2020 ผู้ผลิต Semiconductor สาหรับ ยานยนต์ ลดคาสั่งซื้อ Semiconductor คาดการณ์การผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปี 2022 (ณ มี.ค. 22) และโครงสร้างสัดส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ หน่วย: ล้านคัน (ซ้าย), หน่วย: % ของปริมาณการใช้ทั้งหมด (ขวา) 30.7% 10.1% 20.8% 18.1% 14.0% 3.6% 2.7% China Europe South Asia Japan/Korea North America South America Middle East/Africa 84.1 81.5 Latest forecast (Mar22) Previous forecast (Feb22) -3.1% • สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อและการคว่าบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ปัญหา semiconductor shortage มีแนวโน้มคลี่คลาย ช้าลงกว่าที่คาด ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์และทาให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากรัสเซีย และยูเครนคือ major suppliers ของวัตถุดิบสาคัญอย่าง neon gas และ palladium ปัญหาดังกล่าวกระทบต่อเนื่องมายัง อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ สะท้อนได้จากการปรับลดคาดการณ์การผลิตรถยนต์โลกล่าสุดในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 81.5 ล้านคัน • ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตรถยนต์โดยรวมยังมีแนวโน้มสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบและวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิต รถยนต์อีกด้วย อาทิ เหล็กและอะลูมิเนียม ที่แพงขึ้นตามราคาน้ามันดิบในตลาดโลก เป็นต้น • นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อ ก.พ. 2022 ที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์หลายค่ายในยุโรป เช่น Porsche, Audi, BMW และ Mercedes Benz เป็นต้น จาเป็นต้องหยุดการผลิตรถยนต์บางรุ่นชั่วคราว จากปัญหาการขาดแคลนชุดสายไฟที่นาเข้าจากยูเครน • อนึ่ง ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากผลพวงของสงคราม ทาให้ผู้ผลิตรถยนต์จาเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายในระยะต่อไปเพื่อส่งผ่าน ภาระต้นทุนที่สูงขึ้นต่อไปยังผู้บริโภค ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายรถยนต์โลกในระยะต่อไปได้ Situation Update: 52% 15% 9% 5% 19% เหล็ก เส้นใยแก้ว/เส้นใยคาร์บอน/พลาสติก แมกนีเซียม อะลูมิเนียม อื่นๆ
16.
ช่องทางที่ 3: ผลกระทบต่อการค้าโลกคาดว่าจะมีอยู่อย่างจากัด
เนื่องจากสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศของรัสเซียและ ยูเครนมีขนาดเล็ก เว้นแต่มาตรการคว่าบาตรจะรุนแรงขึ้นครอบคลุมการค้าด้านพลังงาน 17 • การคว่าบาตรทางตะวันตกของรัสเซียจากัดเฉพาะการส่งออกสินค้าไฮเทคเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.07% ของการส่งออกทั่วโลก (มูลค่า 12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020) • การส่งออกของรัสเซียมากกว่าครึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้านพลังงาน การแบนรัสเซียออกจากระบบ SWIFT (ไม่ได้แบน Sberbank และ Gazprombank ซึ่งเป็น 2 ธ.พ. ที่ใหญ่สุดในรัสเซียที่ถูกใช้เพื่อการค้า ด้านพลังงานเป็นหลัก) อาจไม่ได้มีผลกระทบต่อการส่งออกน้ามันและก๊าซของรัสเซีย เนื่องจาก US และ EU ป้องกันไม่ให้ภาคพลังงานได้รับผลกระทบมาก • ผลกระทบต่อการค้าโลกจะรุนแรงขึ้น หากมาตรกรคว่าบาตรครอบคลุมการค้าด้านพลังงาน โดยกลุ่มประเทศ G7 อาจตกลงที่จะจากัดการเข้าถึงระบบ SWIFT แบบเต็มรูปแบบ (full blocking) ที่จะ รวมถึงการชาระเงินสาหรับการส่งออกพลังงานทั้งหมด ซึ่งอาจทาให้อุปทานพลังงานทั่วโลกหยุดชะงักได้ 0 1 2 3 4 5 Imports from Russia and Ukraine Exports to Russia and Ukraine หน่วย : % มูลค่าการค้าโลก (ปี 2020) สัดส่วนมูลค่าการค้าของรัสเซียและยูเครน หน่วย : % GDP ของแต่ละประเทศ (ปี 2020) สัดส่วนมูลค่าการค้าของรัสเซียและยูเครนกับประเทศเศรษฐกิจสาคัญ ขนาดการค้าของรัสเซียและยูเครนมีขนาด เล็กเมื่อเทียบกับการค้าทั่วโลก โดยรัสเซียคิดเป็น 1.6% และยูเครน 0.3% ของการค้าโลกทั้งหมด ขนาดการค้าของรัสเซียและยูเครนกับประเทศเศรษฐกิจ หลักของโลก มีสัดส่วนน้อย ส่งผลให้ผลกระทบด้าน การค้าระหว่างประเทศต่อประเทศเศรษฐกิจหลักมีอยู่จากัด ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ World Bank 0.0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 Russia Ukraine Import Export
17.
ช่องทางที่ 4 :
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาวะการเงินตึงตัว ผ่านต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับสูงขึ้นค่าเงินอ่อน ค่า และการปรับลดลงของตลาดหุ้น ซึ่งอาจกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนได้ • ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ภาวะการเงินปรับตึงตัวขึ้นผ่านต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนที่ปรับสูงขึ้น และการปรับลดลงของตลาดหุ้น ซึ่งอาจกดดันการฟื้นตัวของการลงทุนและเศรษฐกิจ • ตลาดเงินกลุ่มประเทศ EM ในยุโรปและเอเชียกลางได้รับผลกระทบจากสงครามมากที่สุด เพราะมีการพึ่งพาเศรษฐกิจรัสเซียและยูเครนสูง ทั้งการส่งออกและนาเข้าซึ่งอาจเกิดการหยุดชะงักลงได้ ขณะที่นัก ลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในประเทศที่ไม่ได้ใช้สกุลเงินยูโรซึ่งจะเปราะบางต่อภาวะการเงินที่ตึงตัวกว่า • คาดว่าตลาดเงินกลุ่มประเทศ EM นอกยุโรปและเอเชียกลางจะได้รับผลกระทบจากัด เนื่องจากมีการพึ่งพาเศรษฐกิจรัสเซียและยูเครนไม่สูงมาก แต่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงจากค่าเงินที่อาจอ่อนค่าตามราคา สินค้านาเข้าที่สูงขึ้น (โดยเฉพาะพลังงานและข้าวสาลี) ภาวะการเงินโลกที่ตึงตัว และ Flight To Quality 18 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg, U.S. Bureau of Economic Analysis ค่าเงินในแต่ละประเทศ หน่วย: ดัชนี (01/01/2022 = 100) ดัชนีตลาดหุ้นในแต่ละประเทศ หน่วย: ดัชนี (01/01/2022 = 100) 50 60 70 80 90 100 110 3-Jan-22 10-Jan-22 17-Jan-22 24-Jan-22 31-Jan-22 7-Feb-22 14-Feb-22 21-Feb-22 28-Feb-22 7-Mar-22 14-Mar-22 DXY RUB EUR THB CNY EM 50 60 70 80 90 100 110 3-Jan-22 10-Jan-22 17-Jan-22 24-Jan-22 31-Jan-22 7-Feb-22 14-Feb-22 21-Feb-22 28-Feb-22 7-Mar-22 14-Mar-22 Thailand US Russia China EU World EM Corporate spread ของ High yield bonds หน่วย: % 2 3 4 5 6 7 8 9 10 Feb-20 Apr-20 Jun-20 Aug-20 Oct-20 Dec-20 Feb-21 Apr-21 Jun-21 Aug-21 Oct-21 Dec-21 Feb-22 US High Yield Index Euro High Yield Index ภาวะการเงินที่ตึงตัว สะท้อน ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชน ที่ปรับสูงขึ้น % DXY EUR RUB THB CNY EM YTD 2.3 -2.8 -23 -0.3 0.2 -1.3 War* 2.3 -2.9 -15 -3.1 -0.5 -2.3 % TH US EU RUS CH EM World YTD -0.5 -13 -11 -36 -15 -15 -13 War* -2.7 -1.2 -3.9 -20 -11 -13 -4 * Change since Russia war (24 Feb 2022)
18.
สงครามรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มยืดเยื้อจากการเจรจาที่ยังไม่ได้ข้อตกลง ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์น่าจะไม่รุนแรงจนนาไปสู่ สงครามระหว่างรัสเซียและประเทศตะวันตก
จากต้นทุนสงครามที่สูงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนเกิดสงคราม Base Case: สงครามจบภายใน H2 รัสเซียลดการส่งออกพลังงานบางส่วน • สงครามกินเวลา 3-6 เดือน แต่จะคลี่คลายภายในครึ่งปีหลัง • กลุ่มประเทศตะวันตกยังคงมาตรการคว่าบาตรที่รุนแรง โดย ยังคงมาตรการคว่าบาตรที่ครอบคลุมภาคพลังงาน ได้แก่ การยุติ การนาเข้าพลังงานจากรัสเซีย (US, UK) • รัสเซียอาจตอบโต้ด้วยการลดการส่งออกพลังงานไปยังยุโรป บางส่วนเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ลดปริมาณไปแล้วเมื่อ ก.ย. 2021 Worst Case: สงครามยืดเยื้อถึง H2 รัสเซียระงับการส่งออกพลังงานทั้งหมด • สงครามยืดเยื้อโดยอาจกินเวลาถึงสิ้นปี 2022 หรือนานกว่า • เกิดการปะทะกันของทหารรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันตก จากความตึงเครียดที่มากขึ้นและความยืดเยื้อของสถานการณ์ ซึ่งอาจทาให้ทั้งสองฝ่ายต้องตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรงขึ้น • รัสเซียอาจตอบโต้ด้วยการยุติการส่งพลังงานไปยังยุโรป ทั้งหมด การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประกาศความเป็นกลางของยูเครนตามข้อ เรียกร้องของรัสเซีย ซึ่งยูเครนได้มีท่าทียินยอมต่อคาเรียกร้องแล้ว ด้วย การยกเลิกการสมัครเข้า NATO ยูเครนยอมรับอย่างเป็นทางการว่าไครเมียเป็นอาณาเขตของรัสเซียและ ยอมรับว่าสาธารณรัฐโดเนตสก์และสาธารณรัฐลูฮันสก์เป็นรัฐอิสระ ยูเครนจะต้องยุติปฏิบัติการการเคลื่อนไหวทางทหาร การยกเลิกมาตรการคว่าบาตรของตะวันตก โดยรัสเซียอาจเรียกร้องให้ ยกเลิกการคว่าบาตร เพื่อเป็นเงื่อนไขถอนกาลังทหารในยูเครนได้ ปัจจัยสาคัญที่จะมีผลต่อความยืดเยื้อของสงคราม หน่วย: % ความน่าจะเป็นที่สงครามจะยืดเยื้อรุนแรงและนาไปสู่การปะทะกันระหว่างรัสเซีย และกลุ่มตะวันตกมีอยู่น้อย จากความสูญเสียที่จะเกิดกับทั้งสองฝ่ายมีอยู่สูง • เศรษฐกิจรัสเซียอยู่ในภาวะอ่อนแอมาก จากค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงรุนแรง เงินเฟ้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาสินค้าขาดตลาด • เศรษฐกิจยุโรปที่พึงพาพลังงานจากรัสเซียมาก การทาสงครามทางกายภาพ อาจซ้าเติมปัญหาที่เกิดจากสงครามทางเศรษฐกิจที่รุนแรงอยู่แล้วได้ • โอกาสที่สหรัฐฯ จะส่งกาลังทหารเข้าร่วมมีน้อย เพราะอาจก่อให้เกิด สงครามเป็นวงกว้างมากขึ้น และทาให้คะแนนนิยมของ Biden ลดลงอีก GDP โลกขยายตัวชะลอลง ประมาณ 1-1.5% • การบริโภคปรับชะลอลงจากกาลังซื้อที่ปรับลดลง • อุปทานคอขวดมีแนวโน้มตึงตัวและการค้าชะลอตัวลงมาก ขึ้น โดยเฉพาะในภาคพลังงาน โลหะและสินค้าเกษตร เงินเฟ้อโลกยังอยู่ในระดับสูงจนถึงสิ้นปี และทยอยลดลงในปีหน้า GDP โลกขยายตัวชะลอลงมากกว่า 2% • การบริโภคที่ชะลอลงรุนแรง จากสงครามที่รุนแรงขึ้น • การขาดแคลนพลังงานนาไปสู่การหยุดชะงักในภาคการผลิต ทาให้อุปทานคอขวดยืดเยื้อรุนแรงได้ เงินเฟ้อโลกเร่งตัวขึ้นอีกและอยู่ในระดับสูงถึงปีหน้า โดยอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายมากจากอุปทานที่ใช้เวลาในการฟื้นตัว ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ The Economist, Financial Times, Moody’s 19
19.
เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และ อุปทานคอขวดกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก 20
20.
เงินเฟ้อโลกในปี 2022 มีแนวโน้มเร่งตัวสูงขึ้นจากปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่สร้างความเสี่ยงของการตึงตัวด้านอุปทาน เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่ฟื้นตัวเร็วเพิ่มเติม 21 1.4 1.6 2.6 4.1 4.9 5.3 5.3 5.2 5.3 6.2 6.8 7.0 -1.0 2.0 5.0 8.0 11.0 1.0 2.0 5.0 8.0 11.0 Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec Core CPI CPI: Energy CPI: Food Headline CPI (RHS) สัดส่วนผลของเงินเฟ้อแต่ละประเภทในปี 2021 - 2022 หน่วย : percentage point มาตรการ Zero Covid Policy ของจีน ส่งผลให้ราคาสินค้าคงทน อาจทรงตัวในระดับสูง จากอุปทานคอขวดยืดเยื้อจากการปิดเมือง ค่าแรงอยู่ในระดับสูงใน AEs จากอุปสงค์แรงงงานเพิ่มแต่อุปทานจากัด ราคาภาคบริการเพิ่มขึ้น ตามความกังวลในการติดเขื้อที่ลดลง ราคาอาหารที่จะยังในระดับสูง ต้นทุนการเกษตร (ปุ๋ย) ที่จะยังสูง หน่วย: %YOY (Headline inflation, as of Feb22) UK US Canada Italy S. Korea Mexico Brazil China Indonesia Malaysia* Thailand Philippines 0 2 4 6 8 10 12 2019 Latest AEs EM-LATAM EM-Asia EMs-Asia เผชิญปัญหา เงินเฟ้อรุนแรงน้อยกว่า หมายเหตุ : * ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมกราคม 2022 5.3% 1.8% -3.0% 0.0% 3.0% 2019Q1 2019Q3 2020Q1 2020Q3 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Core contribution Energy contribution Raw food contribution Headline 0.5 1.5 2.5 3.5 4.5 2010 2011 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 UK US Euro area 5Y5Y Forward Inflation Expectation หน่วย: % (ข้อมูล ณ มี.ค. 2022) เส้นประคือค่าเฉลี่ยระหว่าง 2010-2019 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากความเสี่ยง สงครามรัสเซียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุปทานคอขวดยืดเยื้อ โดยเฉพาะ ในภาคพลังงาน เกษตร แลโลหะสาหรับผลิตชิปและรถยนต์ ปัจจัยฐานต่าจะทยอยหมดไป ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2022 ปัญหาอุปทานที่จะทยอยคลี่คลายลง ในปี 2023 แม้ล่าช้า กว่าที่คาดไว้จากสงครามและการแพร่ระบาดของ Omicron ความตึงเครียดของสงครามรัสเซียที่มีแนวโน้มคลี่คลาย คาดการณ์เงินเฟ้อยังใกล้เคียงกรอบเป้าหมาย ค่าแรงปรับชะลอลงจากอุปทานแรงงานที่จะทยอยเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าคงทนปรับลดลง จากอุปสงค์ชะลอตัวจากเงิน สนับสนุนที่ลดลงและการหันไปใช้จ่ายในภาคบริการมากขึ้น ราคาสินค้าพลังงานและโภคภัณฑ์อื่น ๆ ขยายตัวชะลอลง จากปัจจัยฐานสูง และการผลิตสินค้าคงคลังใหม่ที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อโลกคาดว่าจะทยอยปรับลดลงในปี 2023 เงินเฟ้อในปี 2022 จะยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เงินเฟ้อใน DMs เป็นผลของทั้งอุปทาน และอุปสงค์ที่ฟื้น ตัวเร็ว จากการเปิดเมืองที่เร็วกว่า สะท้อนจากเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่เพิ่มขึ้น เป็นหลัก เงินเฟ้อใน EMs เป็นผลจากปัญหาด้านอุปทานเป็นหลัก ขณะที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ สะท้อนจากเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อทั่วไป การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในแต่ละกลุ่มเศรษฐกิจแตกต่างกัน ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg, CEIC
21.
8.80 0.90 -5.0 0.0 5.0 10.0 15.0 Aug-17 Feb-18 Aug-18 Feb-19 Aug-19 Feb-20 Aug-20 Feb-21 Aug-21 Feb-22 China PPI China CPI รัฐบาลจีนมีแนวโน้มดาเนินนโยบาย
Zero Covid ต่อเนื่องในปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะกดดันการฟื้นตัวของอุปทานคอขวดและ เงินเฟ้อของโลก และกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ 22 หน่วย: %YOY ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) Spread ระหว่าง PPI และ CPI ที่มากขึ้น ส่งผลให้ profit margin ลดลงจากต้นทุนที่ สูงขึ้นเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ CEIC 0 5000 10000 15000 0 1000 2000 3000 4000 Jan-20 Mar-20 May-20 Jul-20 Sep-20 Nov-20 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Mar-22 China Containerized Freight Index (CCFI) Freightos Baltic Index (FBX): Global Container Freight Index (RHS) Surge in Delta Variant ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (Freight Index) หน่วย : ดัชนี, 1 ม.ค. 1998 = 100 Suez Canal Covid in Chinese ports Omicron Spread จีนประกาศล็อกดาวน์เข้มงวดอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาอุปทานคอขวดให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น • หากประเมินจากพื้นที่ที่มีการล็อกดาวน์แล้ว พบว่า มณฑล Jiangsu, Jilin, Guangdong, Shaanxi, Shanghai มี ความสาคัญต่อห่วงโซ่อุปทานในจีนมากที่สุด เนื่องจากเป็นฐานการผลิตที่สาคัญของประเทศ • ภาคการผลิตในประเทศที่สาคัญที่จะได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์ภาคขนส่ง และอุตสาหกรรมไม้ เนื่องจากมีสัดส่วนฐานการผลิตในพื้นที่ล็อกดาวน์อยู่สูง (Jiangsu, Guangdong, Jilin) • ภาคการผลิตเพื่อการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ คอมพิวเตอร์ ภาคการสื่อสาร อุปกรณ์เครื่องจักร เนื่องจากมีฐานการผลิตในพื้นที่ล็อกดาวน์อยู่สูง (Guangdong, Jiangsu, Shanghai) • การขนส่งที่หยุดชะงักหรือมีข้อจากัดมากขึ้น จะเป็นอีกปัจจัยกดดันให้ระยะเวลาขนส่ง รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งปรับเพิ่ม สูงขึ้น จากการเพิ่มข้อจากัดในการเดินทางภายในประเทศ รวมถึงการสั่งปิดท่าเรือขนส่ง รัฐบาลมีแนวโน้มให้ความสาคัญต่อการควบคุมการแพร่ระบาด มากกว่าการเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจ • จานวนผู้ติดเชื้อที่แม้มีสัดส่วนน้อยแต่ด้วยประชากรขนาดใหญ่ อาจส่งผลให้จานวนผู้เสียชีวิตมีสูงมาก • หลังบังคับใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวด จะทาให้ภาคการผลิตกลับมาดาเนินได้ใกล้ระดับปกติ และสามารถผลิต ตอบสนองต่ออุปสงค์โลกที่แข็งแกร่งได้ Zero Covid Policy กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน • ความเสี่ยงต่อการส่งออกจีนที่อาจชะลอลง จากภาคการผลิตเพื่อการส่งออก และการควบคุมการเดินทาง • ความสามารถในการทากาไรของภาคธุรกิจปรับลดลง จากอุปทานคอขวดยืดเยื้อทาให้ต้นทุนสูงขึ้น • แรงกดดันเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ จากข้อจากัดในการเดินทางไปจับจ่ายใช้สอย • ความไม่สมดุลของโครงสร้างระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กในจีนอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากบริษัทใหญ่อาจได้รับ อนุญาตให้กลับมาเปิดการผลิตได้เร็วกว่า เช่น Foxconn ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดการผลิตแบบระบบปิด เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่ อุปทานโลก ขณะที่บริษัทเล็กจะได้รับการช่วยเหลือเป็นการลดภาษีแทน
22.
เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกผ่าน 4 ช่องทาง -20.0 -16.0 -12.0 -8.0 -4.0 0.0 4.0 8.0 Jun-17 Oct-17 Feb-18 Jun-18 Oct-18 Feb-19 Jun-19 Oct-19 Feb-20 Jun-20 Oct-20 Feb-21 Jun-21 Oct-21 Feb-22 South
Korea China EU UK US Margin ของผู้ประกอบการปรับ ลดลง เนื่องจากไม่สามารถส่งผ่าน ต้นทุนที่สูงขึ้นสู่ผู้บริโภคทั้งหมดได้ หน่วย: %YOY ส่วนต่างของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) การเติบโตของค่าจ้างแรงงานของ AEs หน่วย: GBP, USD 475 485 495 505 515 525 535 Jan-18 Sep-18 May-19 Jan-20 Sep-20 May-21 UK Average Weekly Earnings 26 27 28 29 30 31 32 Jan-18 Sep-18 May-19 Jan-20 Sep-20 May-21 US Average Hourly Earnings การเติบโตของค่าแรงใน UK และ US อยู่สูงกว่า trendlines การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ปรับชะลอลง • หากเงินเฟ้อสูงกว่าค่าแรงมาก อาจนาไปสู่การเพิ่มขึ้นของ อัตราการว่างงาน เนื่องจากรายได้ที่แท้จริงลดลง (ค่าแรงขึ้น น้อยกว่าเงินเฟ้อ) ทาให้มีแรงจูงใจกลับมาทางานน้อยลง • อย่างไรก็ดี คาดว่าจะไม่เกิด wage-price spiral ในวง กว้าง เนื่องจากในประเทศหลัก ค่าจ้างมีแนวโน้มชะลอลง จากอุปทานแรงงานที่จะเพิ่มขึ้น และคาดการณ์เงินเฟ้อที่คาด ว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นนักตามทิศทางนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้น ภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้นจาก risk premium ที่สูงขึ้น • นโยบายการเงินของประเทศหลักตึงตัวขึ้น ดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น สภาพคล่องลดลง ความผันผวนสูงขึ้น • Risk premium สูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเสี่ยง เชื่อมโยง กับช่องทางต่างๆกับสงครามรัสซัย ยูเครน รวมถึงการลงทุนใน ต่างประเทศ ความสามารถในการทากาไรและ การฟื้นตัวของภาคลงทุนปรับลดลง • ผูประกอบการที่ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบ (PPI) ที่สูงขึ้นไปสู่ผู้บริโภคได้นัก จะทาให้ความสามารถในการ ทากาไรปรับลดลง • ผู้ประกอบการที่มีอานาจต่อรองราคาสูง และอยู่ใน ประเทศที่ผู้บริโภคมีเงินสนับสนุนจากรัฐที่สูง (เช่น US) อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า • ธนาคารกลางอาจดาเนินนโยบายการเงินที่ ตึงตัวขึ้น ทาให้ต้นทุนการกู้ยืมทปรับเพิ่มขึ้น อานาจซื้อสินค้าที่ลดลง กดดันการฟื้นตัวของการบริโภค • DMs จะมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคพลังงานสูงขึ้นราว 0.7% ของ GDP ($300bn)* จากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น • ราคาพลังงานและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นตอกย้าความไม่เท่า เทียมต่อครัวเรือนที่มีรายได้น้อย • ผลของเงินเฟ้อต่ออานาจซื้อแตกต่างกันใน แต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนเงินออม มาตรการอุดหนุน และการฟื้นตัวทาง เศรษฐกิจในส่วนอื่น ๆ ที่ชดเชยได้ • การใช้จ่ายภาครัฐที่ปรับลดลง เนื่องจาก รายได้ภาษีจากการบริโภคซึ่งเป็นรายได้ สาคัญปรับลดลง 1 2 4 3 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ CEIC 23
23.
นโยบายการเงินในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้วตึงตัวขึ้น ส่งผลต่อภาวะการเงินโลกและภาระหนี้ที่สูง 24
24.
• Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
25 bps ในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. 2022 เพื่อสกัดเงิน เฟ้อที่เร่งตัวสูงสุดในรอบ 40 ปี พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 2.8% ทั้งนี้ Powell กล่าวว่า Fed อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่แสดงใน dot plot ได้ หากเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นเร็วต่อเนื่อง • Median Dot Plot ล่าสุดแสดงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งหมด 7 ครั้งในปี 2022 และอีก 3-4 ครั้งในปี 2023 ส่งผลให้ Terminal rate มีแนวโน้มอยู่ที่ 2.75-3.0% ซึ่งสูงกว่า median neutral rate ของ Fed ที่ 2.375% 25 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ FED Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงสุดในรอบ 40 ปี โดย EIC คาดว่า Fed มีแนวโน้มปรับขึ้น ดอกเบี้ยทั้งหมด 7 ครั้งในปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า และ Fed อาจเริ่มทา QT ในการประชุมครั้งต่อไป (เดือน พ.ค.) คาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจโดย FOMC ณ เดือนมีนาคม 2022 Median Dot plot โดย FOMC ณ เดือนมีนาคม 2022 หน่วย: % Unit: % (Median) 2022 2023 2024 Longer run Real GDP 2.8 (4) 2.2 (2.2) 2 (2) 1.8 (1.8) Unemployment rate 3.5 (3.5) 3.5 (3.5) 3.6 (3.5) 4.0 (4.0) PCE Inflation 4.3 (2.6) 2.7 (2.3) 2.3 (2.1) 2.0 (2.0) Core PCE Inflation 4.1 (2.7) 2.6 (2.3) 2.3 (2.1) - () = คาดการณ์ครั้งก่อนในเดือนธันวาคม 2021 Median 1.9% 2022 2023 2024 Median 2.8% Median 2.8% Longer run Median 2.4% • EIC คาดว่า Fed มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในทุกรอบการประชุมของปีนี้ (รวม 7 ครั้ง) และมีโอกาส สูงขึ้นที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 50 bps ในคราวเดียว ในการประชุม 2 ครั้งถัดไปเดือน พ.ค. และ มิ.ย. จากเงินเฟ้อที่จะยังอยู่ในระดับสูง • ในปี 2023 EIC คาดว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยไตรมาสละ 1 ครั้ง ใน Q1 ถึง Q3 ส่งผลให้ Terminal rate อาจอยู่ที่ระดับ 3-3.25% • EIC คาดว่า Fed อาจเริ่มลดขนาดงบดุล (QT) ในการประชุมครั้งต่อไป (พ.ค.) ด้วยความเร็วและปริมาณ ที่มากกว่ารอบก่อน เนื่องจากปัจจุบัน Fed ถือครองสินทรัพย์มากกว่าในอดีตมาก และเงินเฟ้อก็อยู่สูงกว่า ในอดีต โดย EIC คาดว่า QT อาจมีปริมาณ (Monthly Cap) $100bn ต่อเดือน ประกอบด้วย UST $60bn และ MBS $40bn และ Fed อาจลดขนาดงบดุลลงราว 15% ของ GDP (จาก $8.8tn สู่ $6.1-6.6tn ภายใน 2-2.5 ปี) EIC Views
25.
26 0 100,000 200,000 Mar-20 Jun-20 Sep-20 Dec-20 Mar-21 Jun-21 Sep-21 Dec-21 Mar-22 Jun-22 Sep-22 PEPP Monthly Purchase
APP Monthly Purchase ปริมาณการซื้อสินทรัพย์โดย ECB ผ่านโครงการ PEPP และ APP หน่วย: ล้านยูโร ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg และ Goldman Sachs แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในอังกฤษและยูโรโซนส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ECB มีแนวโน้มสิ้นสุด QE ในไตรมาส 3 และอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ธ.ค. 2022 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ US UK และ EU หน่วย: % • BOE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 สู่ 0.75% ในเดือน มี.ค. 22 (ขึ้นครั้งแรกเดือน ธ.ค. จาก 0.1% เป็น 0.25%) เนื่องจาก BOE คาดว่าเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นจนแตะระดับ 7% ในช่วง spring นอกจากนี้ BOE ได้เริ่มลดขนาดงบดุลผ่านการปล่อยให้พันธบัตรที่ถือครองหมดอายุลง โดยเมื่อ ดอกเบี้ยขึ้นไปถึง 1% BOE จะเริ่มทา active sales สินทรัพย์ • ECB ประกาศลดปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์ในโครงการ APP เหลือเฉลี่ย €30bn ต่อเดือน ใน Q2 (จาก €40bn ใน Q1) โดย EIC คาดว่า ECB อาจลดปริมาณการซื้อใน Q3 ลงเหลือเฉลี่ย €20bn ต่อ เดือน และจะเข้าซื้อสินทรัพย์ในโครงการ APP จนถึงเดือน ก.ย. 0.75 -0.50 -0.50 0.50 1.50 2.50 Jan-18 Apr-18 Jul-18 Oct-18 Jan-19 Apr-19 Jul-19 Oct-19 Jan-20 Apr-20 Jul-20 Oct-20 Jan-21 Apr-21 Jul-21 Oct-21 Jan-22 BOE Bank Rate Fed funds rate ECB deposit rate 0.5 • BOE มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึง 1.75% ในปีนี้ และคาดว่า Terminal rate ของ UK จะอยู่ที่ 2% ใน 2023Q2 • ECB มีแนวโน้มปรับขึ้น Deposit rate ครั้งแรกในเดือน ธ.ค. 25 bps (จากเดิมคาด ก.ย.) เนื่องจาก Growth outlook ของ EU มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครน แต่ยังกังวลเรื่องเงินเฟ้อ • การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ EU อาจเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. 2023 โดย ECB อาจปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง และคาดว่า terminal rate จะอยู่ที่ราว 1.25% • ทั้งนี้ หากปัญหาการขาดแคลนพลังงานของ EU รุนแรงกว่าที่คาดและมีแนวโน้มกระทบต่อเศรษฐกิจ EU หรือทาให้ภาวะการเงินปรับตึงตัวขึ้นมาก ECB อาจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปในปี 2023 EIC Views
26.
• ผู้ร่วมตลาดกังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจทาให้
2-10 Spread ปรับลดลงจนเกิด Inverted yield curve ซึ่งมักตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย Recession โดยสถิติใน อดีต พบว่า recession มักจะเกิดหลังจากการติดลบของ 2-10 spread ประมาณ 1-2 ปี • การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทาภาวะการเงินตึงตัวขึ้นเร็ว และอาจทาให้เกิด Recession ผ่านช่องทาง ดังนี้ 1. ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค อัตราดอกเบี้ยและ corporate spread ที่สูงขึ้นจะทาให้การลงทุนและการบริโภคที่จะปรับลดลงในระยะต่อไป 2. ภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อรายได้สุทธิและการ บริโภคของครัวเรือนในประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูง 3. ฐานะการเงินและความสามารถในการทากาไรของภาคธุรกิจ โดยหนี้ภาคธุรกิจที่สูงขึ้น ประกอบกับ earning ที่จะลดลง ทาให้ความเสี่ยงในการผิดนัดชาระหนี้สูงขึ้น 4. ราคาในตลาดอสังหาฯ รวมถึงผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มลดลง จะ ทาให้ความมั่งคั่งของครัวเรือนลดลง ส่งผลต่อการบริโภคและลงทุน (wealth effect) • Lawrence Summers คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาส 50% ที่จะเผชิญกับ economic downturn ในช่วงสิ้นปี 2023 27 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ US และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีและ 2 ปี (2-10 spread) หน่วย: % การเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเกิด Recession จากต้นทุนการกู้ยืมและ ภาระดอกเบี้ยของทั้งธุรกิจและผู้บริโภคที่จะปรับสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภค การลงทุน และการขยายตัวของเศรษฐกิจ หน่วย: bps ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ FED และ Bloomberg 24 = recession -400 -200 0 200 400 0 5 10 15 20 1980 1982 1984 1986 1988 1990 1992 1994 1996 1998 2000 2002 2004 2006 2008 2010 2012 2014 2016 2018 2020 2022 Fed fund rate 2-10 Spread (RHS) *Invertedyieldcurveคือภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว(2-10 spreadติดลบ)โดย2-10 spreadคือส่วนต่าง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี และ2 ปี ซึ่งส่วนต่างที่ต่าลงสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงในอนาคต 1990 to 1991 recession 2001 recession 2008 to 2009 GFC Inverted yield curve period May-Aug 1989 (4 months) July 00-Jan 01 (7 months) July 06-Aug 07 (14 months) Start of the recession July 1990 March 2001 December 2007 Time from start of IYC to recession 13 months 8 months 17 months Timeline การเกิด Inverted yield curve และ Recession ในอดีต
27.
28 Upside risks การฟื้นตัวของภาคบริการ การฟื้นตัวภาคการผลิตและสินค้าคงคลัง การฟื้นตัวของตลาดแรงงานแข็งแกร่ง การลงทุน CAPEX
ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Downside risks Supply Bottlenecks อาจยืดเยื้อกว่าคาด ภาวะการเงินอาจตึงตัวขึ้นเร็ว การกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Geopolitical risks รุนแรงขึ้น ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ IMF (WEO Oct 2021 และ WEO Jan 2022) และ Bloomberg โดยสรุป EIC คาดเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.4% ในปีนี้ ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยความเหลื่อมล้าระหว่างเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น จากความสูญเสียทางเศรษฐกิจ (output loss) ในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่มากกว่าและอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ากว่า China’s Zero Covid Policy เงินเฟ้ออยู่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดย EIC หน่วย : %YOY GDP growth (%YOY) 2021 Prev Current World 5.8% 4.1% 3.4% US 5.5% 3.7% 3.2% Euro 5.0% 4.2% 2.7% Japan 1.9% 2.5% 1.7% China 7.8% 4.6% 4.5% India 8.8% 8.6% 7.8% Brazil 4.7% 0.5% 0.1% Korea 4.0% 3.3% 3.0% Malaysia 3.0% 6.5% 5.7% Philippines 5.0% 7.5% 6.8% Global Inflation 3.7 5% 7% 2022 -1.0 -0.5 0.0 0.5 1.0 1.5 2.0 2.5 Jun-21 Jun-21 Jul-21 Jul-21 Aug-21 Aug-21 Aug-21 Sep-21 Sep-21 Oct-21 Oct-21 Nov-21 Nov-21 Dec-21 Dec-21 Jan-22 Jan-22 Jan-22 Feb-22 Feb-22 Mar-22 FCI Global FCI US FCI UK FCI EU หน่วย : ดัชนี Financial Conditions Index ดัชนีภาวการณ์เงินปรับตึงตัวขึ้น จากความเสี่ยงด้านสงครามและ เงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น ความเสี่ยง stagflation ในบางแห่ง
28.
3 แนวโนมสําคัญของเศรษฐกิจไทยป 2022 1
2 3 เศรษฐกิจไทยจะไดรับผลกระทบจากสงคราม ในยูเครนผานหลายชองทาง แตยังมีปจจัยชดเชย จากการผอนคลายมาตรการและการเปดประเทศ สงครามในยูเครนจะสงผลกระทบตอเศรษฐกิจไทยผานหลาย ชองทาง โดยเฉพาะราคาพลังงานและโภคภัณฑตาง ๆ ที่สูงขึ้น ที่กระทบกําลังซื้อและตนทุนในภาคธุรกิจ และการสงออกไป ยุโรปที่อาจชะลอลง อยางไรก็ตาม สถานการณภายในประเทศ เริ่มฟนตัวขึ้นจากผลกระทบของโอมิครอนที่นอยกวาคาด รวมถึงจะมีนักทองเที่ยวเอเชียทยอยเดินทางเขามามากขึ้น ชดเชยนักทองเที่ยวจากยุโรป เงินเฟอที่เพิ่มขึ้นและแผลเปนเศรษฐกิจเดิมที่มีอยู จากวิกฤติโควิดสงผลใหเศรษฐกิจไทยฟนตัวชาลง เงินเฟอที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วประกอบกับแผลเปนทาง เศรษฐกิจทั้งจากการวางงาน ความมั่นคงทางรายได และหนี้ ครัวเรือนที่จะยังมีผลตอเนื่องไปในระยะขางหนาทําใหการฟน ตัวของการใชจายในประเทศในภาพรวมจะเปนไปอยางชา ๆ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ซบเซาและมีแนวโนมฟนตัวชากวา เศรษฐกิจ และอาจสงผลใหคาจางฟนตัวไมทันคาครองชีพ ภาครัฐยังมีบทบาทสําคัญในการพยุงเศรษฐกิจ ในป 2022 โดยเฉพาะนโยบายลดคาครองชีพ ที่ควรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ราคาพลังงานมีแนวโนมที่จะอยูในระดับที่สูงตลอดป 2022 และจะเปนภาระดานการคลังที่สําคัญของรัฐบาล ดังนั้น ภาครัฐจําเปนตองทบทวนกรอบมาตรการชวยเหลือแบบใหม ที่มีประสิทธิภาพ ตรงกลุมเปาหมาย และยั่งยืนมากขึ้น เชน การใชนโยบายที่เจาะจงเฉพาะกลุม หรือการอุดหนุนในรูปแบบ ที่ราคาขายปลีกสามารถปรับขึ้นลงเพื่อสะทอนราคาตลาดโลก 29
29.
เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครนผ่านหลายช่องทาง แต่ยังมีปัจจัยชดเชยจากการผ่อนคลายมาตรการและการเปิดประเทศ 30
30.
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC
จากข้อมูลของ ศบค และ กระทรวงสาธารณสุข อัพเดตล่าสุด: 26 มี.ค. 2022 สถานการณ์โควิดของไทย แม้จานวนผู้ติดเชื้อใหม่ของไทยยังอยู่ในระดับสูง แต่ยังไม่เข้าขั้นวิกฤตจากจานวนผู้เสียชีวิตและจานวนผู้ป่วยกลุ่มสีแดงที่ยังอยู่ในระดับ ต่า ซึ่งไทยเตรียมปรับมาตรการเพื่อเตรียมประกาศให้โควิดเป็น Endemic ในเดือนกรกฎาคม 0 50 100 150 200 250 300 350 7 63 49 0 28 14 35 21 42 56 มิ . ย. พันคน ต.ค. คน เม.ย. พ.ค. ก.ค. ส.ค. ก.ย. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี . ค. ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) เฉลี่ย 7 วัน (LHS) ผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 7 วัน (RHS) ผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ย 7 วัน (LHS) ไทยเตรียมปรับมาตรการโควิดเป็น Endemic ในเดือนกรกฎาคม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขปรับการรักษาผู้ติดเชื้อแบบไม่ แสดงอาการและผู้ป่วยอาการน้อยเป็นรูปแบบผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์เตียงในโรงพยาบาลและเตรียมพร้อมในการดูแลผู้ป่วย แบบโรคประจาถิ่น (Endemic) ทั่วประเทศ 0 25 50 75 100 78% 72% 31% 28 มี . ค % จานวนผู้รับวัคซีน 1 เข็ม % จานวนผู้รับวัคซีน 2 เข็ม % จานวนผู้รับวัคซีนกระตุ้น 1 0 6 4 2 3 5 ต.ค. พันคน มิ . ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี . ค. ผู้ป่วยกลุ่มสีแดงที่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยกลุ่มสีแดงที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ 31
31.
จานวนผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ของ Omicron เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าช่วงการระบาดของเดลตา
อย่างไรก็ตามจานวน ผู้เสียชีวิตในระดับต่าทาให้รัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดและดัชนีเคลื่อนไหวไม่ลดลงเท่าช่วงการระบาดครั้งก่อน ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข, ศบค., Oxford และ Google หมายเหตุ: กาหนดช่วงเวลาการระบาดของโอมิครอนเป็นตั้งแต่เดือน พ.ย. 21 เป็นต้นมา การระบาดของเดลตาระหว่างเดือน เม.ย.-ต.ค. 21 กิจกรรมการเดินทาง (Mobility) จานวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตใหม่รายวัน หน่วย : ดัชนี (Pre-COVID= 100) สาหรับ Mobility และรายสาหรับผู้ติดเชื้อ , ค่าเฉลี่ย 7 วัน 60 70 80 90 100 110 120 0 5000 10000 15000 20000 25000 01/01/2021 01/02/2021 01/03/2021 01/04/2021 01/05/2021 01/06/2021 01/07/2021 01/08/2021 01/09/2021 01/10/2021 01/11/2021 01/12/2021 01/01/2022 01/02/2022 01/03/2022 New cases Google Mobility: Retail & Recreation (RHS) Delta Omicron Oxford Stringency Index ของประเทศต่าง ๆ* หน่วย: ดัชนี 0-100 (100=เข้มงวดที่สุด), ค่าเฉลี่ย ข้อมูลของค่าเฉลี่ยโลกเป็นค่าเฉลี่ยแบบไม่ถ่วงน้าหนักทุกประเทศทั่วโลก เท่าที่มีข้อมูล • ถึงแม้หลายประเทศได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดของการระบาดของ Omicron ไปแล้ว แต่ดัชนีการเคลื่อนที่ใน หลายประเทศก็ไม่ได้ลดลงเท่ากับช่วงการระบาดของสายพันธุ์ Delta • นอกจากนี้รัฐบาลทั้งในไทยและต่างประเทศก็ไม่ได้นามาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดเท่าเดิมกลับมาใช้ใหม่ Stringency Thailand ASEAN5 US UK Japan India World Alpha/Beta 53 61 65 69 39 73 57 Delta 59 65 54 51 50 68 52 Omicron 47 56 52 40 47 9 45 32
32.
เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางผลกระทบของ Omicron ที่รุนแรงน้อยกว่าคาด ที่มา:
การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ สศช., ธปท. กษ., อก., รง., กก., พณ., กษ., และ Google เศรษฐกิจไทย Unit 2020 2021 Q3/21 Q4/21 Jul-21 Aug-21 Sep-21 Oct-21 Nov-21 Dec-21 Jan-22 Feb-22 ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) %YOY -6.1 1.6 -0.3 1.9 na na na na na na na na ภาคอุปสงค์ ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน %YOY -1.3 -1.6 -7.1 -2.7 -7.2 -8.6 -5.6 -2.9 -3.8 -1.2 4.6 ยอดขายรถในประเทศ %YOY -21.4 -6.8 -26.5 -13.6 -11.6 -38.8 -27.0 -13.0 -9.4 -17.2 25.8 26.3 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน %YOY -5.5 9.8 8.3 5.9 10.7 6.4 7.9 7.9 5.8 4.0 4.8 ส่งออก (ศุลกากร) %YOY -5.9 17.1 15.3 22.1 20.3 8.9 17.1 17.3 24.7 24.2 8.0 16.2 Google mobility (retail & recreation) % compared to 3 Jan-6 Feb 20 -15.2 -9.0 -21.5 5.6 -19.9 -28.5 -16.2 -1.4 6.6 11.5 -9.3 2.1 ความเชื่อมั่นผู้บริโภค Index (100 = previous month) 52.6 44.7 40.6 45.0 40.9 39.6 41.4 43.9 44.9 46.2 44.8 43.3 ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ Index (50 = previous month) 43.1 45.3 41.3 48.1 41.4 40.0 42.6 47.0 48.4 49.0 47.2 47.8 ภาคอุปทาน รายได้ภาคเกษตร %YOY 5.2 2.5 -0.8 -5.3 3.5 0.8 -5.9 -10.9 -4.9 -1.3 5.5 9.0 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม %YOY -9.5 5.8 -0.3 4.7 3.7 -4.9 0.4 2.7 4.6 6.7 2.0 อัตราการใช้กาลังการผลิต sa % 60.1 63.0 59.7 64.1 60.3 57.3 61.6 63.2 63.9 65.1 63.2 จานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ %YOY (2020), thousands -83.2 427.9 45 342 18 15 12 20 91 230 134 153 จานวนทริปในประเทศ %YOY -46.4 -41.7 -87.8 -30.9 -91.3 -92.0 -80.6 -66.4 -30.9 4.7 127.2 72.4 อัตราการเข้าพักโรงแรม % 29.5 14.0 5.5 26.2 3.5 3.5 9.4 16.2 25.0 37.5 35.6 35.6 ผู้โดยสารเครื่องบินในประเทศ (28 สนามบิน) %YOY -40.5 -55.0 -92.0 -49.4 -88.1 -99.6 -88.0 -68.1 -51.8 -29.6 121.9 64.8 ตลาดแรงงาน อัตราว่างงาน % 1.7 1.9 2.3 1.6 na na na na na na na na อัตราว่างงานของแรงงานอายุน้อย % 7.3 8.2 8.6 7.2 na na na na na na na na อัตราว่างงานของแรงงานในประกันสังคม % 3.1 2.8 2.7 2.5 2.8 2.8 2.5 2.6 2.6 2.3 2.1 2.0 ชั่วโมงการทางานเฉลี่ย %YOY -4.7 0.6 -2.1 1.5 na na na na na na na na 33
33.
เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวจากพิษของเดลตาในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
แต่การฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ สานักงานสถิติแห่งชาติ 20 30 40 50 60 70 80 90 100 110 85 90 95 100 105 110 2019Q4 2020Q1 2020Q2 2020Q3 2020Q4 2021Q1 2021Q2 2021Q3 2021Q4 GDP (100%) Private consumption (54%) Public consumption (16%) Investment (25%) Merchandise exports (62%) Service exports (5%) (RHS) การฟื้นตัวขององค์ประกอบต่างๆ ของเศรษฐกิจไทย หน่วย : ดัชนี ค่าเฉลี่ย 4 ไตรมาส (2019Q4 = 100), % = สัดส่วนต่อ GDP 50 60 70 80 90 100 110 2019Q4 2020Q1 2020Q2 2020Q3 2020Q4 2021Q1 2021Q2 2021Q3 2021Q4 Agriculture (6%) Mining and Quarrying (2%) Manufacturing (27%) Construction (3%) Wholesale and Retail (16%) Transport and storage (5%) Accom. and food (4%) HealthandSocial Work (3%) GDP (100%) Accom. And food GDP Health Construction Transport & Storage 34
34.
35 สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 4 ช่องทาง การส่งออก ผลกระทบเฉพาะกลุ่ม •
การส่งออกไทยไปยังรัสเซียมีสัดส่วน ต่ามาก (0.4%) • การส่งออกไปยุโรป (9.3%) จะได้รับ ผลกระทบจากการชะลอตัว แต่สินค้า ไทยบางประเภทอาจทดแทนการนาเข้า จากรัสเซียได้ • การส่งออกโดยรวมยังขยายตัวจาก ราคาสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นหลักตามทิศทางราคาโภคภัณฑ์โลก อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นรวมถึง ความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนจะ เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการปรับตัว ของแต่ละธุรกิจ ท่องเที่ยว ผลกระทบปานกลาง • นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เป็นหนี่งกลุ่ม นักท่องเที่ยวหลักของไทยจะหายไป และ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีในการฟื้นตัว • นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ แล้วแต่จะไม่ขยายตัวดีโดยเปรียบเทียบ • การเดินทางโดยเครื่องบินมีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งจากราคาน้ามัน และเส้นทางการบิน บางเส้นทางที่จะไกลและนานขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย • อย่างไรก็ตาม ท่องเที่ยวไทยโดยรวมจะ ฟื้นตัวได้ จากการเปิดประเทศและลด ข้อจากัดในการเดินทางทั่วโลก และจาก การกลับมาขยายตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยว ในภูมิภาค ราคาพลังงานและโภคภัณฑ์ ผลกระทบสูง • รัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ามันและก๊าซ ธรรมชาติรายสาคัญของโลก • นอกจากนี้ รัสเซียและยูเครนยังเป็น แหล่งจัดหาโภคภัณฑ์สาคัญอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องทั้งในภาคการผลิต (นิกเกิล แพลเลเดียม ก๊าซนีออน) และภาคเกษตร (ปุ๋ย ข้าวโพด ข้าวสาลี) • ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น มากจากช่องทางการค้ากับรัสเซียที่เสี่ยง ชะงักงันเป็นผลกระทบต่อ 1) กาลังซื้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่ลดลงจาก เงินเฟ้อที่เร่งตัว และ 2) อัตราผลกาไร ของธุรกิจ ภาคการเงิน ผลกระทบปานกลาง • เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง จากการ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการไหลกลับ ของเงินทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) • ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง จากแนวโน้ม การค้า การท่องเที่ยว และแนวโน้มการใช้ จ่ายในประเทศ ที่จะชะลอลงจาก คาดการณ์เดิม • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ สั้นของไทยปรับลดลงหลังเกิดสงคราม รัสเซีย ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางของอัตรา ผลตอบแทนสหรัฐฯ
35.
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC
จากข้อมูลของ ICAO และกระทรวงต่างประเทศของแต่ละประเทศ การเดินทางระหว่างประเทศของประเทศในกลุ่มเอเชียมีสัญญาณเติบโตดีขึ้นจากการเริ่มทยอยเปิดประเทศของหลายประเทศ รวมถึง ประเทศที่เปิดประเทศแล้วปรับลดมาตรการการเข้าประเทศตามนโยบาย Living with Covid ประเทศในเอเชียเริ่มทยอยเปิดประเทศให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางเข้าประเทศโดยไม่กักตัว คาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศช่วง 2H2022 เปิดประเทศให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัวแล้ว อัพเดตล่าสุด: 28 มี.ค. 2022 เปิดประเทศแบบมีเงื่อนไขกักตัวหรือเปิดแบบไม่กักตัวเฉพาะบางประเทศ เปิดประเทศให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัวในช่วง 1H2022 คาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศในปี 2023 ตัวอย่างมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของประเทศที่เปิดประเทศในช่วง 1H2022 ประเทศ ตรวจเชื้อก่อน เดินทาง ตรวจเชื้อ เมื่อมาถึง ตรวจเชื้อหลัง เดินทางมาถึง การกักตัว วันที่มีผล บังคับใช้ มาเลเซีย RT-PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง ATK - ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 5 วัน 1 เม.ย สิงคโปร์ RT-PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง - - ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 7 วัน 1 เม.ย อินเดีย RT-PCR ก่อนเดินทาง เฉพาะผู้ไม่ได้รับวัคซีน - ผู้ได้รับวัคซีนครบ โดสไม่ต้องตรวจ ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 5 วัน 27 มี.ค เกาหลีใต้ RT-PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง - - ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว (ยกเว้นประเทศที่มีความเสี่ยง) ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 7 วัน 1 เม.ย กัมพูชา RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง - - ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 14 วัน 17 มี.ค เวียดนาม RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง - - ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส : ไม่กักตัว ผู้ไม่ได้รับวัคซีนครบ : 5 วัน 15 มี.ค 36
36.
การเจรจากับต่างประเทศของทางภาครัฐและการทยอยปรับลดมาตรการจะสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมี แนวโน้มเติบโตมากขึ้น ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC
จากข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, ศบค และกระทรวงท่องเที่ยวของซาอุดิอาระเบีย, อินเดีย และมาเลเซีย การเจรจากับต่างประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาในช่วง Q2/2022 ซาอุดีอาระเบียฟื้นความสัมพันธ์กับไทยอีกครั้งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากซาอุฯ มาไทยเพิ่มขึ้นในปี 2022 แม้ที่ ผ่านมาจานวนนักท่องเที่ยวซาอุฯ ที่เดินทางเข้าไทยจะไม่สูงมากนักแต่ค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันของนักท่องเที่ยวซาอุฯ ในปี 2019 สูงเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวคูเวต Travel Bubble ไทย-อินเดียเริ่มทาการบินเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่มี.ค. ซึ่งไทยถือเป็นจุดมุ่งหมายหลักอันดับ 4 ของ นักท่องเที่ยวชาวอินเดียรองจาก UAE, ซาอุฯ และสหรัฐฯ มาเลเซียเปิด Vaccinated Travel Lane (VTL) สาหรับการเดินทางระหว่างไทยและมาเลเซียตั้งแต่ 15 มี.ค ซึ่งไทยเป็นจุดมุ่งหมายหลักอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวมาเลเซียรองจากสิงคโปร์ และนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของไทยรองจากจีน ข้อมูลปี 2019 นักท่องเที่ยวที่ เดินทางออกนอก ประเทศ นักท่องเที่ยวที่ เดินทางมาไทย สัดส่วนนักท่องเที่ยว เดินทางมาไทยต่อ นักท่องเที่ยวที่เดินทาง ออกนอกประเทศทั้งหมด ค่าใช้จ่ายต่อ คนต่อวัน (บาท) ระยะเวลาใน การพานักใน ไทย (วัน) ซาอุดิอาระเบีย 9.8 ล้านคน 36,783 คน <1% 6,823.4 12.8 อินเดีย 26.9 ล้านคน 1.96 ล้านคน 7.3% 5,493.2 7.4 มาเลเซีย 27 ล้านคน 4.27 ล้านคน 15.8% 5,226.5 4.8 การลดมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของไทย 1 ก.พ. 22 เปิดให้ลงทะเบียนเข้าไทยแบบ Test & GO หลังระงับลงทะเบียนชั่วคราว • นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสจากทุกประเทศ • ตรวจ RT-PCR 2 ครั้งในวันที่เข้าประเทศและวันที่ 5 1 เม.ย 22 ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศทุกกลุ่ม • ตรวจ RT-PCR เมื่อเข้าประเทศ • Test & Go และ Sandbox ตรวจ Self-ATK วันที่ 5 • Quarantine กักตัว 5 วัน และตรวจ RT-PCR ในวันที่ 5 1 มี.ค. 22 ปรับมาตรการ Test & Go การตรวจเชื้อครั้งที่ 2 ด้วย ATK ด้วยตัวเอง • ตรวจ RT-PCR 1 ครั้งในวันที่เข้าประเทศ • ในวันที่ 5 ตรวจ ATK ด้วยตัวเองและรายงานผลทาง App หมอชนะ เม.ย 22 กระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอ ศบค. ลดมาตรการเข้าประเทศ • ปรับมาตรการตรวจ ATK ในวันที่เข้าประเทศด้วยสถานพยาบาลคาดว่าจะเริ่ม 1 พ.ค • ยกเลิกการลงทะเบียน Thailand pass คาดว่าจะเริ่ม 1 มิ.ย 37
37.
นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นหลังไทยเปิดลงทะเบียน Test &
Go อีกครั้ง โดยนักท่องเที่ยวจากยุโรปเป็นกลุ่มหลักที่เดินทาง มาไทย อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายมาตรการในหลายประเทศของเอเชียส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากเอเชียมีแนวโน้มเดินทางเข้าไทยมากขึ้น 38 ผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย (รวมคนไทยซึ่งมีสัดส่วนราว 30% ของผู้เดินทางจากต่างประเทศทั้งหมด) หน่วย: คน 0 5,000 10,000 15,000 20,000 Dec Feb Jan Mar Quarantine Sandbox Test & Go Nov 21 Dec 21 Jan 22 Feb 22 Mar 22 (E) ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 133,061 290,617 189,193 203,970 ~260,000 นักท่องเที่ยวต่างชาติ 91,255 230,497 133,903 152,954 ~180,000 4 ม.ค ระงับการลงทะเบียน Test & Go ชั่วคราว ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 1 ก.พ เปิดลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม 22 7% 56% 12% 9% ธ.ค. 5% 53% 5% 8% 18% 11% 91,255 ม.ค. 8% 9% 8% 51% 6% ก.พ. 7% 230,497 133,903 152,954 7% 51% 11% พ.ย. 7% อาเซียน อื่นๆ เอเชียตะวันออก อเมริกา ยุโรป รัสเซีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง • สิงคโปร์ (8%) โดยรัฐบาลเปิด VTL อีกครั้งในวันที่ 1 มีค สาหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสเดินทางจากไทย เข้าสิงคโปร์โดยไม่กักตัว • เยอรมนี (7%) • UK (6%) • สหรัฐฯ (5%) • ฝรั่งเศส (5%) ในเดือนมีนาคม ผู้เดินทางจากเอเชียเริ่มเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยในช่วง 1-21 มีนาคมที่ผ่านมา 5 ต้นทาง หลักของผู้เดินทางเข้าไทยมาจาก
38.
ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC
จากข้อมูลของ European Commission, Reuters, CEIC และ IATA อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะเดินทางมาไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ บางส่วนที่อาจได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการปิดน่านฟ้าและกาลังซื้อที่ลดลง ประเทศที่ปิดน่านฟ้ากับเครื่องบินสัญชาติรัสเซีย ผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนต่อจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาไทย -60 -40 -20 0 20 40 2014 2015 2016 2017 2018 2019 % % Growth นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมาไทย % Growth นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางออกนอกประเทศ % Change Ruble per USD ปัญหาค่าเงินรูเบิลของรัสเซียที่อ่อนค่ารวมถึงปัญหาการทา ธุรกรรมทางการเงินจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทาง มาไทยลดลง โดยอ้างอิงผลกระทบการท่องเที่ยวจาก สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับไครเมียเมื่อปี 2014 การประกาศปิดน่านฟ้าระหว่างรัสเซียและยุโรป รวมถึงแคนาดา และสหรัฐฯ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในฝั่งยุโรปชะลอการเดินทาง ค่าน้ามันเชื้อเพลิงและภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ นักท่องเที่ยวบางส่วนชะลอการเดินทาง • สายการบินรัสเซียยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศรวมถึงเส้นทาง รัสเซีย-เอเชียบางเส้นทางชั่วคราว • เส้นทางยุโรป-เอเชียมีต้นทุนในการบินสูงขึ้นและใช้ระยะเวลามากขึ้น จากการเปลี่ยนเส้นทางการบินซึ่งอาจส่งผลต่อราคาค่าโดยสารและ จานวนผู้โดยสาร เช่น เส้นทางฟินแลนด์-กรุงเทพฯ จะใช้เวลาในการบิน เพิ่มขึ้นประมาณ 3 ชั่วโมงจากการเปลี่ยนเส้นทางบินจากเดิมใช้เวลา 10.31 ชั่วโมงเป็น 13.44 ชั่วโมง • กาลังซื้อลดลงจากปัญหาเงินเฟ้อทาให้งบประมาณในการท่องเที่ยว ลดลง • ต้นทุนในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงขึ้นจากค่า โดยสารเครื่องบินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเก็บค่า fuel surcharge ของสายการบิน เช่น AirAsia เริ่มเก็บค่าน้ามันเชื้อเพลิงในค่าโดยสาร ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค 22 และ Emirate เก็บค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 4%-6% ในทุก เส้นทางบิน จากข้อมูลจานวนการจองตั๋วเครื่องบินถึงวันที่ 15 มี.ค 22 ของ IATA ที่เริ่ม ลดลงหลังรัสเซียโจมตียูเครนโดยเทียบปี 2019 เป็นปีฐาน ซึ่งเป็นการลดลง ของการจองตั๋วเครื่องบินจากยุโรปเป็นหลัก และฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 39
39.
หมายเหตุ: ประมาณการจากข้อมูลการใช้จ่ายต่อคนต่อวันและจานวนวันที่พักอาศัยในไทยจากฐานปี 2019 ที่มา:
การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย หน่วย: ล้านคน สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย หน่วย: ล้านคน 4% 22% 51% 29% 28% 19% 27% 25% 33% 14% 2019 13% 12% 39.9 9% 2020 6% 8% 7% 2021 11% 3% 2022F 6.7 0.4 5.7 สมมติฐาน การระบาดของ Omicron ไม่รุนแรงทาให้หลายประเทศใช้ นโยบาย living with COVID ลดมาตรการการเดินทางเข้า ประเทศรวมถึงประเทศในเอเชียทยอยเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวฝั่งเอเชียเริ่มฟื้นตัวจากนโยบายเปิดประเทศของ หลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ ประมาณการรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย* หน่วย: แสนล้านบาท 2022F = 5.7 ล้านคน (2M2022 = 286,857 คน) 1.5 0.0 0.5 3.0 2.5 1.0 2.0 2.55 0.47 Q1/21 Q2/21 Q3/21 0.34 Q4/21 Q1/22 0.97 Q2/22 1.74 Q3/22 Q4/22 2021 = 427,869 คน EIC ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2022 ลงจาก 5.9 ล้านคนเป็น 5.7 ล้านคนจากผลกระทบความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กดดันให้เงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 18% 38% 28% 18% 20% 2022F 13% 2019 9% 2020E 2021E 19.1 3.1 0.2 3.0 เอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป จีน รัสเซีย อเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ อื่นๆ ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ ราคาพลังงานที่กดดันให้เงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นและราคาสินค้า สูงขึ้นซึ่งจะทาให้การบริโภคลดลง นักท่องเที่ยวรัสเซียหายไป จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ตรึง เครียดและปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมถึงการปิดน่านฟ้า นักท่องเที่ยวยุโรปมีแนวโน้มชะลอการเดินทางจากภาวะเงินเฟ้อ และการปิดน่านฟ้า นักท่องเที่ยวทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอการเดินทางจากภาวะเงินเฟ้อ และการบริโภคที่ลดลง 40
40.
เที่ยวด้วยกันเฟส 1-2 (8 Jul
20-30 Apr 21) เที่ยว ด้วยกัน เฟส 3 (8 Oct- 31 Jan) ในปี 2022 จานวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 180 ล้านคน แต่ด้วยจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สูงมากนักจึงทา ให้อัตราการเข้าพักฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประมาณการจานวนผู้เยี่ยมเยือนไทย 0 20 40 60 80 100 Jul/19 Feb/22 Jan/20 Jan/19 Jul/20 Jan/21 Jul/21 35.6% อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศ หน่วย: % ของอุปทานห้องพักทั้งหมด ปี 2019 2020 2021 2022F อัตราการเข้าพัก 70% 30% 14% 37% ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และสมาคมโรงแรมไทย การก้าวเข้าสู่ Endemic ทาให้คนกลับไปใช้ชีวิตปกติมากขึ้น นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มเติบโตจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวไทยที่มีกาลังซื้อบางส่วนเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ามันแพงส่งผลต่อการบริโภค นักท่องเที่ยวไทยบางส่วนมีแนวโน้มชะลอการเดินทางท่องเที่ยวจากค่าใช้จ่ายในด้านการ ท่องเที่ยวที่สูงขึ้น 15 5 20 0 10 25 2019 ล้านคน 2020 2021 Feb/22 15.3 ปี 2019 2020 2021 2022F จานวนผู้เยี่ยมเยือนไทย 229.4 123.2 71.9 180.2 ในปี 2022F ธุรกิจโรงแรมยังต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก • แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว เช่น เชียงใหม่ หัวหิน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในเมืองรองที่ ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง ขณะที่ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็น ค่อยไป • โรงแรมระดับกลางจะเริ่มฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวเอเชียที่จะเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจากการทยอยเปิดประเทศของ หลายประเทศ ได้แก่ อินเดีย กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ • โครงการเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เริ่ม 1 Feb – 31 May 22 ปัจจัยที่ส่งผลต่อจานวนผู้เยี่ยมเยือนไทย 41
41.
การส่งออกของไทยแม้ชะลอตัวลงในเดือนมกราคมแต่ก็เร่งตัวขึ้นอีกครั้งได้ในเดือนกุมภาพันธ์ สอดคล้องกับหลายประเทศ ทั่วโลกและดัชนีชี้นาในภาคการผลิต ที่มา: การวิเคราะห์โดย
EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ JP Morgan และ CEIC มูลค่าการส่งออกของประเทศส่งออกสาคัญ หน่วย : ดัชนี (2018=100) ปรับฤดูกาล 40 60 80 100 120 140 160 Jan-20 Feb-20 Mar-20 Apr-20 May-20 Jun-20 Jul-20 Aug-20 Sep-20 Oct-20 Nov-20 Dec-20 Jan-21 Feb-21 Mar-21 Apr-21 May-21 Jun-21 Jul-21 Aug-21 Sep-21 Oct-21 Nov-21 Dec-21 Jan-22 Feb-22 China Hong Kong India Japan Malaysia Singapore South Korea Taiwan Thailand Vietnam TH Exports 2020 2021 2022M1 2022M2 %YOY -5.9% 17.1% 8.0% 16.2% %MOM_sa - - -12.8% 4.4% การส่งออกในหลายประเทศกลับมาเร่ง ตัวได้อีกครั้งในเดือน ก.พ. หลังจากที่ ชะลอในเดือน ม.ค. PMI กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในเดือน ก.พ. หลังจากที่ชะลอในเดือน ม.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) หน่วย: ดัชนี > 50 หมายความว่าสถานการณ์ดีขึ้น ปรับฤดูกาล 25 30 35 40 45 50 55 60 65 Jan 20 Feb 20 Mar 20 Apr 20 May 20 Jun 20 Jul 20 Aug 20 Sep 20 Oct 20 Nov 20 Dec 20 Jan 21 Feb 21 Mar 21 Apr 21 May 21 Jun 21 Jul 21 Aug 21 Sep 21 Oct 21 Nov 21 Dec 21 Jan 22 Feb 22 Developed Market Emerging Market ASEAN Global - Export Orders ตัวเลขการส่งออก 20 วันของเกาหลีใต้เทียบกับการส่งออกทั้งเดือนของไทย หน่วย: ดัชนี (2019Q4=100), ปรับฤดูกาล 70 100 130 Q4/2019 01/2020 02/2020 03/2020 04/2020 05/2020 06/2020 07/2020 08/2020 09/2020 10/2020 11/2020 12/2020 01/2021 02/2021 03/2021 04/2021 05/2021 06/2021 07/2021 08/2021 09/2021 10/2021 11/2021 12/2021 01/2022 02/2022 03/2022 Korea 20-days Export Thai Exports การส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดีในเดือน มี.ค. แม้เกิดสงครามในยูเครน 42
42.
ผลกระทบทางตรงจากการส่งออกไทยไปยังรัสเซียและยูเครนมีจากัด เนื่องจากไทยส่งออกไปประเทศทั้งสองในสัดส่วนน้อย ที่มา: การวิเคราะห์โดย
EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์และ International Trade Center *เทียบกับการส่งออก/นาเข้าสินค้าชนิดนั้นทั้งหมดของไทย การนาเข้าและส่งออกสินค้าของไทยกับรัสเซียและยูเครนในปี 2021 43 รายการ รัสเซีย ยูเครน ไทยส่งออก 1,028 ล้านเหรียญฯ (0.4%, อันดับ 36) 135 ล้านเหรียญฯ (0.1%, อันดับ 74) ไทยนาเข้า 1,752 ล้านเหรียญฯ (0.7%, อันดับ 26) 252 ล้านเหรียญฯ (0.1%, อันดับ 58) สินค้าส่งออก สาคัญ* รถยนต์และส่วนประกอบ (1.1%) ผลิตภัณฑ์ยาง (0.7%) เครื่องจักรกล (0.7%) รถยนต์และส่วนประกอบ (0.1%) ผลิตภัณฑ์ยาง (0.2%) ผลไม้กระป๋อง/แปรรูป (1%) สินค้านาเข้า สาคัญ* น้ามันดิบ (3.4%) ปุ๋ยและยากาจัดศัตรูพืชและสัตว์ (5.6%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (1.1%) พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช (1.5%) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ (0.6%) Top-5 มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปประเทศรัสเซียและยูเครนในปี 2021 Top-5 สินค้าส่งออกหลัก ไปยังรัสเซีย 2021 มูลค่า (ล้าน เหรียญสหรัฐ) เทียบกับการส่งออก ไปรัสเซียทั้งหมด (%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 321.39 31.26 ผลิตภัณฑ์ยาง 106.64 10.37 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ 54.10 5.26 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 46.14 4.49 เม็ดพลาสติก 43.40 4.22 Top-5 สินค้าส่งออกหลัก ไปยังยูเครน 2021 มูลค่า (ล้าน เหรียญสหรัฐ) เทียบกับการส่งออก ไปยูเครนทั้งหมด (%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 33.04 24.52 ผลิตภัณฑ์ยาง 21.58 16.02 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 17.29 12.83 อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 9.00 6.68 เม็ดพลาสติก 8.38 6.22 • ผู้ประกอบการส่งออกไทยอาจเสียโอกาสในการ ส่งออกรถยนต์ฯ • มาตรการคว่าบาตรรัสเซีย ที่อาจส่งผลให้ ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน รวม ไปถึงต้นทุนในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่อาจ เพิ่มสูงขึ้น ราคาต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัว สูงขึ้นและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่อาจชะลอตัว ผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ในกรณีสงคราม รัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มยืดเยื้อ : ผลกระทบและความเสี่ยงในเชิงลบในด้านการค้าระหว่างประเทศ - เศรษฐกิจและการค้าโลกอาจชะลอตัวลง โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งเป็นตลาด ส่งออกสาคัญ (มูลค่าการส่งออกไปยัง EU28 อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญฯ) - ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก โดยเฉพาะน้ามันเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อ ต้นทุนการผลิตและนาเข้า - ค่าระวางขนส่งสินค้าอาจอยู่ในระดับสูงยาวนานขึ้น - ปัญหาห่วงโซ่อุปทานอาจรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะวัตถุดิบในการผลิต เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) และรถยนต์ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย
43.
สินค้าไทยที่พึ่งพาตลาดยุโรปสูงอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปที่อาจฟื้นตัวช้าลงจากเดิม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความ รุนแรงของมาตรการตอบโต้ โดยมูลค่าการส่งออกไปยัง
EU28 อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (9.3%) 44 อุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกไปยังยุโรปสูง เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องประดับ เครื่องพิมพ์ รถจักรยานยนต์ และสายเคเบิล อาจได้รับ ผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปที่จะฟื้นตัวช้าลง อย่างไรก็ตาม หากสินค้าจากรัสเซียถูกปิดกั้นจากตลาดยุโรป อาจเป็นโอกาสให้สินค้าไทย บางประเภทสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้ เช่น ยางสังเคราะห์ ไม้อัด ปลาแช่แข็ง ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Trademap คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องเพชรพลอยและ รูปพรรณ แผงวงจรรวม เครื่องพิมพ์ เนื้อสัตว์แปรรูป ยานยนต์สาหรับ ขนส่งของ รถจักรยานยนต์ ส่วนประกอบและ อุปกรณ์ของยานยนต์ ยางธรรมชาติ ยางนอกชนิดอัดลม รถยนต์ อุปกรณ์สื่อสาร เส้นใย/เคเบิลนาแสง หม้อแปลงไฟฟ้า แป้น แผง คอนโซล ไฟฟ้าฯ เพชรไม่ได้ ประกอบกับ ตัวเรือน วิทยุ/โทรทัศน์/ เครื่องส่ง/กล้อง เครื่องสูบ/อัด/พัด/ ระบายลม วงจรพิมพ์ 0% 5% 10% 15% 20% 25% 30% 35% 40% 45% 0% 2% 4% 6% 8% %การส่ ง ออกไปยุ โ รปเที ย บกั บ การส่ ง ออกทั ้ ง หมด %การส่งออกสินค้าชนิดนั้นไปยุโรปเทียบกับการส่งออกทั้งหมดไปยุโรป ขนาด= มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยุโรป สินค้าที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ
44.
EIC ปรับคาดการณ์ส่งออกไทยเติบโต 6.1%
จากคาดการณ์เดิม 3.4% จากราคาสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยเฉพาะ สินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์, WTO, IMF WEO, และ IHS Markit ประมาณการมูลค่าส่งออกของไทยโดย EIC หน่วย : %YOY (BOP Basis) ปัจจัยกดดันและปัจจัยเสี่ยง • ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ • อัตราเงินเฟ้อโลกที่อาจปรับเพิ่มขึ้นหรือยืดเยื้อกว่าที่คาดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกาลังซื้อ ปัญหาการขาดแคลนชิป (เซมิคอนดักเตอร์) ที่จะกดดันการส่งออกสินค้าประเภท อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ • ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ที่ส่งผลให้อัตราค่าระวางและระยะเวลาในการขนส่ง สินค้าอยู่ในระดับสูง • การระบาดของ Omicron หรือสายพันธุ์ใหม่อื่น ๆ ในประเทศที่อาจรุนแรงจนทาให้โรงงาน หลายแห่งต้องหยุดทาการผลิต • เศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดจากนโยบายการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ของรัฐและวิกฤติหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ • ดุลการค้าอาจปรับตัวลดลงในปีนี้จากราคาสินค้านาเข้าที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าสินค้าส่งออก โดยเฉพาะด้านสินค้าพลังงาน -6.5 18.8 3.4 6.1 2020 2021 2022f Previous forecast Current forecast 45 ปัจจัยสนับสนุนการส่งออกของไทยปี 2022 • เศรษฐกิจและการค้าโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจ EM ที่จะ ขยายตัวเร่งขึ้นจากปีนี้ ตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน โดยคู่ค้า EM หลักของไทยคือกลุ่ม อาเซียน CLMV และอินเดีย ซึ่งมีสินค้าส่งออกหลัก เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ รถยนต์ • การเริ่มมีผลของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) • สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ามันจะได้รับอานิสงส์จากราคาในตลาดโลก • ความคืบหน้าในด้านสัมพันธไมตรีกับซาอุดีอาระเบียจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหาร รวมถึงการทยอยฟื้นตัวของการค้าชายแดน มูลค่าการนาเข้าและส่งออกของไทย หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปรับฤดูกาล), ค่าเฉลี่ย 3 เดือน -2000 -1000 0 1000 2000 3000 4000 14500 19500 24500 10/2019 11/2019 12/2019 01/2020 02/2020 03/2020 04/2020 05/2020 06/2020 07/2020 08/2020 09/2020 10/2020 11/2020 12/2020 01/2021 02/2021 03/2021 04/2021 05/2021 06/2021 07/2021 08/2021 09/2021 10/2021 11/2021 12/2021 01/2022 02/2022 Exports 3MMA Imports 3MMA Trade Balance 3MMA (RHS) มูลค่าการ ส่งออกและ นาเข้าขยายตัว 4.5 และ 5%MOM_sa ในเดือน ก.พ. ดัชนีราคาสินค้านาเข้าและส่งออก หน่วย : ดัชนี (2012=100) 87 97 107 01/2018 04/2018 07/2018 10/2018 01/2019 04/2019 07/2019 10/2019 01/2020 04/2020 07/2020 10/2020 01/2021 04/2021 07/2021 10/2021 01/2022 Export price Import price +25.8% +7.6%
45.
การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวจากอุปสงค์ในประเทศและการขยายตัวของภาคการส่งออก แต่จะเผชิญปัจจัยด้าน ต้นทุนและความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บางภาคธุรกิจชะลอการลงทุนออกไป ที่มา
: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย. IHS Markit และ CEIC 46 อัตราการใช้กาลังการผลิต (CapU) รายอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับก่อนวิกฤติโควิด หน่วย : ดัชนี เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน หน่วย: ดัชนี (2018Q1=100) ปรับฤดูกาล 60 70 80 90 100 110 120 01/2018 04/2018 07/2018 10/2018 01/2019 04/2019 07/2019 10/2019 01/2020 04/2020 07/2020 10/2020 01/2021 04/2021 07/2021 10/2021 01/2022 PII Construction Area Permitted Construction Material Sales Real Imports of Capital Goods Real Domestic Machinery Sales เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชน เช่น เครื่องชี้การลงทุน ด้านการก่อสร้าง และเครื่องจักรและอุปกรณ์ เริ่มส่ง สัญญาณปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อและดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของไทย (3 เดือนข้างหน้า) หน่วย : ดัชนี > 50 หมายถึงสภาวะอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น, PMI ปรับฤดูกาล 35 40 45 50 55 60 65 02/2019 05/2019 08/2019 11/2019 02/2020 05/2020 08/2020 11/2020 02/2021 05/2021 08/2021 11/2021 02/2022 Manufacturing PMI BSI: expectation BSI investment: expectation Manufacturing PMI ของไทย ในเดือน ก.พ. 2022 อยู่ในระดับ ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ มีการสารวจในปี 2016 0 20 40 60 80 100 Furniture Electrical Food Electronic Paper Rubber & Plastic Petroleum Machinery Motor Vehicles CapU Beverages Fabricated Metal Basic Pharma Chemicals Other Manu Leather Wearing Apparel Basic Metal Motorcycles Textiles Tobacco 2016-2019 avg. Nov21-Jan22 avg.
46.
ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากจากสงครามรัสเซียและยูเครน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ
ขนส่ง สายการบิน ขณะที่บางกลุ่มธุรกิจได้รับผลกระทบปานกลางจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น อาทิ วัสดุก่อสร้าง รถยนต์ เป็นต้น ผลกระทบจากัด: พึ่งพา รัสเซียและยูเครนน้อย กาลังซื้อจากรัสเซีย-ยูเครน ▪ สายการบินและสนามบิน ▪ ร้านอาหารในพื้นที่พัทยาและ ภูเก็ต ▪ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ▪ ชิ้นส่วนรถยนต์ (ชิ้นส่วน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์และ ยางล้อ) ▪ ยางพารา ▪ อสังหาฯ ที่อยู่อาศัย (คอนโด ในพัทยาและภูเก็ต) ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ผลกระทบมาก: มีต้นทุนพลังงานเป็น สัดส่วนสูง ส่งผ่านต้นทุนไปได้จากัด ▪ ขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าทางถนน และทางอากาศ ผลกระทบปานกลาง: มีต้นทุน พลังงานเป็นสัดส่วนสูง แต่ส่งผ่าน ต้นทุนไปได้ค่อนข้างมาก ▪ วัสดุก่อสร้าง (เหล็ก, ปูนซิเมนต์) ▪ รับเหมาก่อสร้าง ▪ ขนส่งทางเรือ ผลกระทบจากัด: มีต้นทุนพลังงานเป็น สัดส่วนน้อยและส่งผ่านต้นทุนได้มาก แต่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากราคา สินค้าที่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงาน ▪ อสังหาฯ ▪ ยานยนต์และชิ้นส่วน ราคาวัตถุดิบที่ไม่ใช่พลังงาน ปรับตัวสูงขึ้น ผลกระทบมาก: ราคาวัตถุดิบปรับตัว สูงขึ้นมาก และการส่งผ่านต้นทุนได้น้อย ผลกระทบปานกลาง: ราคา วัตถุดิบ/packaging ปรับตัวสูงขึ้น มาก และการส่งผ่านต้นทุนได้จากัด ผลกระทบจากัด: ราคาวัตถุดิบ/packing ปรับเพิ่มขึ้น แต่สามารถส่งผ่านต้นทุน ได้มาก ▪ อาหารสัตว์ ▪ ข้าว ▪ อาหารและเครื่องดื่ม ▪ เนื้อสัตว์สดและแปรรูป ▪ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ▪ ยานยนต์และชิ้นส่วน ▪ เครื่องใช้ไฟฟ้า ▪ ร้านอาหาร ▪ ค้าปลีก ▪ ยางพารา, ปาล์มน้ามัน, มันสาปะหลัง, น้าตาล ผลกระทบทางอ้อมจากกาลังซื้อของ EU ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ภาพรวมผลกระทบ ต่อภาคธุรกิจ* High Moderate Low ผลกระทบมาก: ไทยพึ่งพา EU มาก ผลกระทบปานกลาง: พึ่งพาตลาดรัสเซียในระดับ ปานกลาง ▪ โรงแรมในพัทยาและภูเก็ต ▪ โรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวของ EU เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี๋ สมุย ▪ สายการบินและสนามบิน ▪ เครื่องปรับอากาศ ▪ รถจักรยานยนต์ ผลกระทบจากัด: ไทยพึ่งพา EU น้อย ▪ อสังหาฯ ที่อยู่อาศัย (คอนโดในภูเก็ต) ▪ อสังหาฯ เชิงพาณิชย์ ▪ วัสดุก่อสร้าง ▪ รับเหมาก่อสร้าง ▪ ยานยนต์และชิ้นส่วน ▪ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ▪ เครื่องใช้ไฟฟ้า ▪ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ▪ ขนส่งทางเรือ ▪ โรงแรม ▪ อาหารและเครื่องดื่ม ▪ ขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าทาง ถนนและทางอากาศ ▪ สายการบินและสนามบิน ▪ อาหารสัตว์ ผลกระทบเชิงบวก ▪ ปิโตรเคมี ▪ สารวจและผลิตน้ามัน ▪ โรงกลั่นน้ามัน ▪ ยางพารา, ปาล์มน้ามัน,น้าตาล, มันสาปะหลัง ▪ ถ่านหิน ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC หมายเหตุ: * EIC ได้มีการพิจารณาภาพรวมผลกระทบต่อเนื่องที่ส่งผ่านมายังอุปสงค์ภายในประเทศที่อาจชะลอตัวลงจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและราคาสินค้าอื่นๆ ตลอดจนการส่งผ่านต้นทุนที่แม้ว่าสินค้าบางหมวด ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม แต่ผู้ประกอบการอาจปรับขึ้นราคาได้ยากจากภาวะกาลังซื้อที่อ่อนแอและการแข่งขันที่สูงขึ้น, **ผลกระทบต่อสินค้าเกษตรบางกลุ่มอยู่ในระดับต่าหรือได้รับผลเชิงบวกเนื่องจาก แม้ว่าการชะลอตัวทาง เศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ที่อาจชะลอตัว แต่สินค้าเกษตรบางกลุ่ม อาทิ ยางพารา และปาล์มน้ามัน ยังได้อานิสงค์จากความต้องการพืชเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์จากน้ามันที่ราคาสูงขึ้น ▪ ปิโตรเคมีขั้นต้น ▪ นิคมอุตสาหกรรม ▪ ค้าปลีก (grocery) ▪ สินค้าและบริการอื่นๆ ▪ ข้าว ▪ ค้าปลีก (non- grocery) ▪ ร้านอาหาร ▪ อสังหาฯ ▪ สถานีบริการน้ามัน ผลกระทบปานกลาง: ไทยพึ่งพา EU ปานกลาง ▪ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ▪ ผลไม้กระป๋อง ▪ ยางพารา 47
47.
EIC คาดการลงทุนภาคเอกชนปี 2022
ฟื้นตัวที่ 3.5% ทั้งนี้การลงทุนบางประเภทจะมีเทรนด์สนับสนุนสาคัญ โดยเฉพาะการลงทุนด้าน เทคโนโลยีและ ESG คาดการณ์การลงทุนภาคเอกชน หน่วย: %YOY ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ 48 4.0 2.7 -8.4 3.2 3.5 -10 -5 0 5 2019 2020 2021 2022f Previous forecast Current Forecast ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนปี 2022 o การขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกสินค้าซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญต่อการลงทุน ภาคเอกชนของไทย o การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังความเสี่ยงจาก COVID-19 ที่กดดันให้ ภาคธุรกิจในประเทศชะลอการลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลายลง o เทรนด์การลงทุนใหม่ COVID-19 ได้เร่งให้เทรนด์สาคัญของโลก ได้แก่ digital transformation และ ESG กลายเป็นสิ่งที่ธุรกิจทุกประเภทต้องปรับตัวเข้าหา เป็น แรงผลักดันสาคัญให้เกิดการลงทุนในด้านดังกล่าวในไทยด้วยเช่นกัน ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง • ต้นทุนของภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นและกาไรที่ลดลง สะท้อนจากแนวโน้มขาขึ้นของราคา พลังงานและราคาวัตถุดิบ ส่งผลเงินเฟ้อผู้ผลิตเร่งตัว นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินที่มี แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกันตามทิศทางดอกเบี้ยพันธบัตร • การระบาดของโอมิครอนหรือสายพันธุ์ใหม่อื่น ๆ ในประเทศที่รุนแรงจนกลับมากระทบ กับความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคธุรกิจ และการเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ • ความไม่แน่นอน ทั้งจากสถานการณ์เงินเฟ้อ สงคราม โควิด และกาลังซื้อของผู้บริโภค คาขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จาแนกตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย หน่วย: ล้านบาท 0 100,000 200,000 300,000 400,000 2020 2021 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม 0 50,000 100,000 2020 2021 ทรัพยากรมนุษย์/การศึกษา ป้องกันประเทศ ระบบอัตโนมัติ/หุ่นยนต์ อากาศยาน ดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ +164% อุตสาหกรรม เป้าหมาย +80%
48.
EIC คาดปี 2022
มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ 6% จากความคืบหน้าของโครงการขนาดใหญ่ (Megaprojects) เป็นหลัก แต่อาจประสบปัญหาล่าช้าในการประมูลโครงการใหม่ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการขาดแคลนแรงงาน ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ NESDC และกระทรวงคมนาคม มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ หน่วย : พันล้านบาท 22% 853 76% 85% 2019 15% 2020 81% 19% 2018 75% 25% 2022F 16% 24% 84% 2017 78% 707 685 726 756 804 2021 +6% +6% โครงการก่อสร้างทั่วไป Mega project คาดมูลค่าการก่อสร้างภาครัฐขยายตัวที่ 6%YoY 2022 โครงการ Mega project คาดได้รับเม็ดเงิน 1-3 หมื่นล้านบาท จาก พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท โครงการก่อสร้าง ทั่วไป • เม็ดเงินมีแนวโน้มลดลง จากงบลงทุนจาก พ.ร.บ. งบประมาณประจาปี 2022 ลดลงราว 27,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณไปใช้ส่วนอื่น ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ตัวอย่างโครงการใหม่ ที่จะเริ่มก่อสร้าง มูลค่าโครงการ (ล้านบาท) ความคืบหน้า รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์ บูรณะ 82,000 ลงนามสัญญาภายในเดือน มี.ค. 2022 จากนั้นผู้ รับจ้างจะเข้าพื้นที่ก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 224,000 ช่วงแรก สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา จะมีการส่งมอบพื้นที่ ให้กลุ่มซีพีทั้งหมด ภายใน พ.ค. 2022 (ปัจจุบันส่ง มอบพื้นที่แล้ว 99%) รถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 72,921 ลงนามสัญญาแล้ว คาดว่าจะเริ่มเวนคืนที่ดินเดือน พ.ค. 2022 ควบคู่ไปกับการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ บ้านไผ่-นครพนม 66,848 ลงนามสัญญาแล้ว คาดว่าจะเริ่มเวนคืนที่ดินเดือน ต.ค. 2022 ควบคู่ไปกับการก่อสร้าง มอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียน- บ้านแพ้ว เฟส 2 ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว 19,700 ลงนามสัญญาแล้ว จากนั้นผู้รับจ้างจะเข้าพื้นที่ ก่อสร้าง ตัวอย่างโครงการที่กาลังดาเนินการ • รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช • มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี • รถไฟฟ้าสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ- มีนบุรี • รถไฟฟ้าสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ความท้าทายใน โครงการก่อสร้าง ภาครัฐ • ความล่าช้าในการประมูลโครงการใหม่ ๆ • ราคาเหล็กทรงยาวไทยและปูนซีเมนต์มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงตามอุปสงค์และต้นทุนพลังงาน • ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังคงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างด้าวที่ยังไม่กลับมาเข้ามาทางานได้ 49
49.
เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นจากราคาพลังงานและอาหารกระทบกาลังซื้อภาคครัวเรือน ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มถูกส่งผ่านมายังผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น 50
50.
เงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือน ก.พ. ยังคงปรับตัวเร่งขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
เนื้อสัตว์และไฟฟ้าเป็นสาคัญ อาจกดดัน ต่อกาลังซื้อโดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย 51 51 การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.พ. 2022 จาแนกตามประเภทสินค้า ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ Socio-Economic Survey CEIC และข่าวจากสื่อต่าง ๆ กลุ่มประชากรที่มี รายได้น้อยที่สุด 20% แรกของประเทศมีค่า ใช้ในหมวดอาหาร และเครื่องดื่มคิดเป็น 40.7% ของรายจ่าย ทั้งหมด ในขณะที่ ประชากรที่มีรายได้ มาก 20% ของ ประเทศมีสัดส่วนเป็น 24.7% ของค่าใช้จ่าย %YoY Share 2021 Dec-21 Jan-22 Feb-22 YTD รวมทุกรายการ 100% 1.2% 2.2% 3.2% 5.3% 4.2% หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 40.4% -0.1% 0.8% 2.4% 4.5% 3.4% อาหารสด 20.6% -1.0% -0.2% 0.6% 3.1% 3.1% - เนื้อสัตว์ (ไม่รวมเป็ดไก่ และสัตว์น้า) 3.5% 2.3% 4.0% 22.7% 17.1% 19.9% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า 2.2% -0.3% -0.2% -0.2% -0.2% -0.2% หมวดเคหสถาน 23.2% -1.7% -0.1% 0.7% 5.7% 3.2% ไฟฟ้า เชื้อเพลิง น้าประปาและแสงสว่าง -0.5% 3.1% 28.2% 14.3% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 5.7% 0.2% 0.3% 0.3% 0.5% 0.4% หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร 22.7% 7.7% 8.7% 9.4% 9.4% 9.4% หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา 4.5% -0.4% -1.0% -0.9% -0.8% -0.8% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ 1.4% 0.3% 1.4% 1.7% 1.7% 1.7% 0.00 20.00 40.00 60.00 80.00 100.00 01/2018 04/2018 07/2018 10/2018 01/2019 04/2019 07/2019 10/2019 01/2020 04/2020 07/2020 10/2020 01/2021 04/2021 07/2021 10/2021 01/2022 Proportion of product price increased over 1% Proportion of product price decreased less than 1% Proportion of product price decreased less than 0.5% Proportion of product price decreased สัดส่วนของการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในตะกร้าเงินเฟ้อ สัดส่วนสินค้าที่ราคา ปรับตัวสูงขึ้นมี แนวโน้มเพิ่มขึ้น สินค้าในตะกร้าที่ราคา ปรับตัวสูงขึ้น 260 รายการจาก 430 รายการ 0% 5% 10% 15% 20% 25% 30% 35% 40% อาหารปรุงสาเร็จนอกบ้าน อาหารปรุงสาเร็จที่บ้าน ผักสด น้าตาล ไข่ น้าประปา เนื้อสัตว์สด น้ามันทาอาหาร น้ามันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้บริโภครายสินค้าสูงสุดเดือน ก.พ. 2022 หน่วย: %YOY ดัชนีราคาผู้บริโภคหมวดอาหารและก๊าซหุงต้ม (LPG) 15 กิโลกรัม หน่วย: %YOY -20.0% -10.0% 0.0% 10.0% 20.0% 30.0% 0.0% 2.0% 4.0% 6.0% 8.0% 01/2013 07/2013 01/2014 07/2014 01/2015 07/2015 01/2016 07/2016 01/2017 07/2017 01/2018 07/2018 01/2019 07/2019 01/2020 07/2020 01/2021 07/2021 01/2022 CPI อาหารสาเร็จรูป CPI อาหารบริโภค-ในบ้าน CPI อาหารบริโภค-นอกบ้าน LPG เกี่ยวกับพลังงาน เกี่ยวกับอาหาร (RHS) ราคาอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับตัว สูงขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึงแม้จะ ยังมีมาตรการตรึงราคา LPG
51.
52 ราคาอาหารที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายจ่ายของครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ น้อยที่มีสัดส่วนรายจ่ายด้านอาหารสูงกว่าครัวเรือนกลุ่มอื่น ๆ หมายเหตุ
: *ข้อมูล ณ ครึ่งแรกปี 2021 // ** ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เครื่องแต่งกาย การเดินทาง/สื่อสาร รักษาพยาบาล การศึกษา สันทนาการ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค ได้แก่ ภาษี ค่าสมาชิก บริจาค ประกัน ดอกเบี้ย สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ สัดส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนแบ่งตามประเภทการใช้จ่าย* ณ ครึ่งแรกปี 2564 หน่วย : % ต่อรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนทั้งหมดของครัวเรือน รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน 9k บาท 13k บาท 18k บาท 25k บาท 47k บาท 22k บาท รายจ่ายด้านอาหารคิดเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงสาหรับ ครัวเรือนรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางอยู่แล้ว สัดส่วนรายจ่ายอาหาร 41% 39% 36% 32% 25% 31% ผลกระทบจากเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อครัวเรือน ที่มีรายได้น้อยหนักกว่าโดยเปรียบเทียบ • จากข้อมูลครึ่งปีแรกของปี 2564 พบว่าราคา อาหารที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบ ต่อเนื่องไปยังรายจ่ายของครัวเรือน • โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อย (20% ที่มีรายได้ ต่าที่สุด) จะมีสัดส่วนรายจ่ายด้านอาหารอยู่ที่ 41% ของรายได้ ซึ่งสูงกว่าครัวเรือนกลุ่มอื่น ๆ • ค่าเฉลี่ยของรายจ่ายด้านอาหารของครัวเรือน ทั้งหมดอยู่ที่ 32% ของรายได้ • จะเห็นได้ว่าในตัวเลขเงินเฟ้อที่ทางการรายงาน ออกมานั้นส่งผลกระทบต่อแต่ละครัวเรือนไม่ เท่ากัน สัดส่วนรายจ่ายพลังงาน 9% 10% 10% 11% 11% 11% 38.1% 36.5% 36.9% 39.4% 44.9% 40.9% 3.4% 3.3% 3.2% 3.2% 3.2% 3.2% 4.4% 5.3% 5.6% 6.4% 6.9% 6.2% 7.9% 9.4% 12.0% 12.8% 16.2% 13.3% 27.8% 25.1% 21.5% 17.5% 12.3% 17.7% 7.9% 6.9% 6.2% 5.8% 4.3% 5.6% 5.0% 7.1% 8.2% 8.9% 8.0% 7.9% 0% 10% 20% 30% 40% 50% 60% 70% 80% 90% 100% Q1 (รายได้น้อย สุด) Q2 Q3 Q4 Q5 (รายได้มาก สุด) ครัวเรือนทั้งหมด ยาสูบ เครื่องดื่ม ทานข้าวนอกบ้าน อาหารสาเร็จรูป วัตถุดิบในการทาอาหารที่บ้าน ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค ค่าการเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ ค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเดินทาง ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค (ไม่รวมพลังงาน) พลังงาน
52.
รายได้ที่แท้จริงของแรงงานในกรุงเทพฯ ลดลงรุนแรงถึงกว่า 10%
ในปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาถึงผลของเงินเฟ้อที่กระทบ ต่อกาลังซื้อ 53 ความสัมพันธ์ของค่าแรงเฉลี่ยและเงินเฟ้อ หน่วย: ร้อยละ R² = 0.4028 R² = 0.0456 -5 0 5 10 15 20 -4 -2 0 2 4 6 8 Avg wage (%YOY) Inflation (%YOY) PRE-COVID19 COVID19 Linear (PRE-COVID19) Linear (COVID19) • เงินเฟ้อและค่าแรงเฉลี่ยไม่สัมพันธ์กันอีกต่อไปในช่วงที่เกิดวิกฤต COVID-19 ส่งผลให้ รายได้ที่แท้จริงของลูกจ้างในระบบเศรษฐกิจลดลงอย่างมีนัยสาคัญ • จากข้อมูลปี 2021 พบว่ารายได้ที่แท้จริงของแรงงานในกรุงเทพลดลงถึง -10.3% รายได้ที่ แท้จริงของแรงงานนอกกรุงเทพเพิ่มขึ้น 3.0%และรายได้ที่แท้จริงของแรงงานทั้ง ประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ -0.7% รายได้ที่แท้จริงของแรงงานในกรุงเทพฯ และนอกกรุงเทพฯ หน่วย: %YOY ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์และ สานักงานสถิติแห่งชาติ รายได้ที่แท้จริง 2014-19 2020 2021 แรงงานทั่วประเทศ 0.9% 1.8% -0.7% แรงงานในกรุงเทพ 1.5% 0.9% -10.3% แรงงานนอกกรุงเทพ 0.7% 2.2% 3.0%
53.
อีกแรงกดดันดานเงินเฟ้อคือการระบาดของ ASF และต้นทุนอาหารสัตว์ที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากยูเครนเป็นประเทศที่ส่งออก อาหารสัตว์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก สงครามในครั้งนี้จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของเนื้อสัตว์ย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบ อาหารสัตว์ในไทย หน่วย: %YOY 55 ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ USDA, CEIC และ CPF (ประมาณการ ณ ก.พ. 2022) -0.9 -21.3 -14.6 34.4 2.7 -30.3 12.3 2.5 1.0 -4.4 -23.2 5.3 -1.5 -2.8 -6.7 -20.0 -15.5 77.0 55.1 -42.2 51.4 7.4 61.7 -2.9 14.8 -9.8 6.3 39.3 -5.6 19.4 8.1 1.8 25.0 2021 2019 2018 2018 2018 2020 2019 2020 2021 2019 2020 2021 2019 2018 2020 2021 2022F ปริมาณ ราคา จีน ยืนยันการ ระบาดครั้งแรกใน เดือน ส.ค. 2018 เวียดนาม ยืนยัน การระบาดครั้งแรก ในเดือน ก.พ. 2019 ฟิลิปปินส์ ยืนยัน การระบาดครั้งแรก ในเดือน ก.ค. 2019 ไทย ยืนยันการระบาดครั้งแรก ในเดือน ม.ค. 2022 โดยพบการ ระบาดแล้วในพื้นที่ 20 จังหวัด 20.1 -7.1 -2.0 11.2 17.1 4.1 -10.8 2.2 31.1 9.4 2021 2019 2018 2020 2M2022 ข้าวโพด ถั่วเหลือง อัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาณผลผลิตสุกรและราคาสุกรที่เกษตรกรได้รับในประเทศที่มีการระบาดของ ASF หน่วย: %YOY การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever: ASF) ในทวีปเอเชีย เริ่มต้นขึ้นในเดือน ส.ค. 2018 โดยพบครั้งแรกในประเทศจีน ก่อนจะกระจายไปสู่อีก 16 ประเทศ ซึ่งจากบทเรียนการระบาดของ ASF ในจีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ พบว่า หลัง ASF ระบาด ผลผลิตสุกรจะปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก และต้องใช้เวลามากกว่า สองปีก่อนที่ระดับผลผลิตจะฟื้นกลับไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการระบาด ซึ่งผลผลิตสุกรที่ปรับตัว ลดลงดังกล่าวมีส่วนทาให้ราคาสุกรในจีน เวียดนามและฟิลิปปินส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 2 ปี EIC คาดว่า ผลผลิตสุกรในไทยในปี 2022 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง 20.0%YOY ซึ่งเป็นการลดลง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยผลผลิตสุกรที่ลดลง ท่ามกลางความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและราคา วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ที่ทรงตัวในระดับสูง ทาให้ EIC คาดว่า ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรได้รับในปี 2022 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.0%YOY อย่างไรก็ตาม เนื้อหมูคิดเป็นเพียงประมาณ 2.2% ของการ คานวณราคาในตะกร้าสินค้าของกระทรวงพาณิชย์
54.
EIC คาดเงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 4.9
% ในปี 2022 ภายใต้สมมติฐานภาครัฐยังคงมีมาตรการควบคุมราคาพลังงาน 56 ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์และ ข่าวต่าง ๆ ณ 25 มี.ค. 2022 Headline 4.9% -4.0% -3.0% -2.0% -1.0% 0.0% 1.0% 2.0% 3.0% 4.0% 5.0% 6.0% 7.0% 2019Q1 2019Q2 2019Q3 2019Q4 2020Q1 2020Q2 2020Q3 2020Q4 2021Q1 2021Q2 2021Q3 2021Q4 2022Q1F 2022Q2F 2022Q3F 2022Q4F Core contribution Energy contribution Raw food contribution Headline (%yoy) Core (%yoy) Core 1.9% กรอบเงินเฟ้อ 1-3% อัตราเงินเฟ้อของไทย หน่วย: %YOY สินค้า มาตรการช่วยเหลือจากรัฐเพื่อลดค่าครองชีพด้านพลังงาน มาตรการช่วยเหลือจากรัฐด้านพลังงานที่ลดลง ดีเซล • ตรึงราคาขายปลีกน้ามันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร ไปจนถึง สิ้นเดือน เม.ย. 2022 • หลังจาก เม.ย. 2022 รัฐบาลจะเข้าไปช่วยครึ่งหนึ่ง ของส่วนที่ราคาน้ามันดีเซลปรับเพิ่มขึ้น เช่น ราคา น้ามันดีเซล 32 บาท/ลิตร ส่วนต่าง 2 บาทที่เพิ่มขึ้น ประชาชนจ่าย 1 บาท รัฐช่วย 1 บาท เท่ากับประชาชน จะจ่าย 31 บาท แก๊สโซฮอล์ • ช่วยเหลือค่าน้ามันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้น ทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จานวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ามันแก๊สโซฮอล์ 250 บาท/เดือน - LPG • 1 เม.ย. 2022 เพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้ม สาหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่ม เงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/3 เดือน • ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม100 บาท/เดือน สาหรับผู้ค้าหาบเร่ แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่ม 1 เม.ย.-มิ.ย. 2022 • เดือน เม.ย. จะปรับขึ้นราคา LPG ในภาคครัวเรือนต่อ ถัง 15 กก. จาก 318 บาท เป็น 333 บาท เดือน พ.ค. ปรับเป็น 348 บาท และเดือน มิ.ย. ปรับเป็น 363 บาท โดยกองทุนน้ามันจะอุดหนุนส่วนต่างที่เหลือ NGV • ปตท. คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม เริ่มแล้วเมื่อ 15 มี.ค. 2022 • ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน 17,460 คน สามารถซื้อก๊าซ NGV ได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม เริ่มแล้วเมื่อ 15 มี.ค. 2022 - ไฟฟ้า • ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสาหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่ เกิน 300 หน่วย/เดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์/ หน่วย ในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2022 • กกพ.จะทาการขึ้นค่า FT ในเดือน พ.ค.-ส.ค. 2022 ในอัตรา 24.77 สตางค์ต่อหน่วย เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย อยู่ที่ 4.00 บาทต่อหน่วย
55.
เมื่อรายได้ปรับขึ้นไม่ทันค่าครองชีพ คนไทยหันไปพึ่งหนี้นอกระบบมากขึ้น 57
56.
สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทย
ณ Q3/21 ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 89.3% โดยยังสูงสุดในกลุ่มประเทศกาลังพัฒนา EIC คาดว่าในปี 2022 สัดส่วนจะทยอยปรับลดลงอย่างช้า ๆ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 58 หมายเหตุ : *สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเป็นข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่สัดส่วนของประเทศอื่นเป็นข้อมูลจาก Bank of International Settlement (BIS) (ข้อมูลล่าสุดถึง Q2/21) ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานสถิติแห่งชาติ และ BIS 4.7 15.9 16.3 16.7 17.4 21.2 21.8 31.0 33.7 34.0 35.4 35.8 36.2 61.2 73.4 89.3 89.3 0 25 50 75 100 125 150 Argentina Turkey Saudi Arabia Mexico Indonesia Hungary Russia Colombia Poland Czech Republic South Africa India Brazil China Malaysia Thailand* สิ้นปี 2019 (ก่อนโควิด) สิ้นปี 2020 Q1/2021 Q2/2021 Q3/2021 กลุ่มประเทศกาลังพัฒนา สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในแต่ละประเทศ หน่วย : % ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง COVID-19 โดยเฉพาะหนี้ต่อรายได้ของ ครัวเรือน (ข้อมูลสารวจครัวเรือน) ที่สูงกว่า 100% แล้ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP และอัตราการเติบโตของหนี้ครัวเรือนและ GDP หน่วย : % ต่อ nominal GDP (รวม 4 ไตรมาสย้อนหลัง), % ต่อรายได้ทั้งปี 57.9% 66.2% 76.6% 81.2% 78.1% 79.8% 89.3% 89.3% 83.2% 80.3% 88.3% 87.1% 96.1% 98.5% 100.6% 50% 60% 70% 80% 90% 100% 110% 2009 2011 2013 2015 2017 2019 Q2-2021 Q3-2021 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ครัวเรือน สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยยังคงสูงสุดในบรรดาประเทศกาลังพัฒนา โดย เป็นการคงอันดับหนึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ในปี 2011 ทิศทางหนี้ครัวเรือนในปี 2022 • คาดว่าหนี้ครัวเรือนยังมีแนวโน้ม ขยายตัว 3-5% นาโดยความต้องการ สภาพคล่องของภาคครัวเรือน ในช่วง ที่รายได้ฟื้นตัวช้า และยังมีปัจจัยเสี่ยง จากการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ • ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ สิ้นปี 2022 จะอยู่ในช่วง 88%- 90% ซึ่งยังเป็นระดับที่สูง และสะท้อน กระบวนการ deleverage ของ ครัวเรือนอย่างช้า ๆ • ครัวเรือนรายได้น้อยยังเป็นจุด เปราะบางสาคัญจากความเสี่ยงต่อ ผลกระทบของ COVID-19 ที่สูงกว่า และสถานะการเงินที่แย่กว่า implication ต่อเศรษฐกิจ
57.
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับลดลงเล็กน้อยจากสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนในประเทศ ส่วนสินเชื่ออุปโภค บริโภคขยายตัวเท่าไตรมาสก่อน โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลงตามอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่ชะลอลงจากปีก่อน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค หน่วย
: ดัชนี > 100 หมายถึงผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น, ปรับฤดูกาล 20 30 40 50 60 70 80 90 10/2019 11/2019 12/2019 01/2020 02/2020 03/2020 04/2020 05/2020 06/2020 07/2020 08/2020 09/2020 10/2020 11/2020 12/2020 01/2021 02/2021 03/2021 04/2021 05/2021 06/2021 07/2021 08/2021 09/2021 10/2021 11/2021 12/2021 01/2022 02/2022 CCI CCI: present CCI: Future ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลของ การระบาดที่มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น 1.7 -5 0 5 10 15 Q4-15 Q4-17 Q1-19 Q3-19 Q1-20 Q3-20 Q1-21 Q3-21 7.8 0 5 10 15 Q4-15 Q4-17 Q1-19 Q3-19 Q1-20 Q3-20 Q1-21 Q3-21 สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล อัตราการเติบโตของสินเชื่ออุปโภคบริโภค หน่วย: %YOY 0.1 0 5 10 15 Q4-15 Q4-17 Q1-19 Q3-19 Q1-20 Q3-20 Q1-21 Q3-21 4.4 0 25 50 Q4-15 Q4-17 Q1-19 Q3-19 Q1-20 Q3-20 Q1-21 Q3-21 ยอดคงค้างสินเชื่อ ) ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
58.
60 มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินหลักที่เข้มงวดขึ้น ทาให้ความต้องการสินเชื่อของครัวเรือนบางส่วนต้องหันไปพึ่งพา หนี้นอกระบบ ทั้งนี้
ความต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะหนี้นอกระบบอาจเพิ่มขึ้นได้อีกเมื่อรายได้ปรับขึ้นไม่ทันค่าครองชีพที่เพิ่มสูง ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานสถิติแห่งชาติ และการสารวจของ EIC หน่วย : % ของผู้ตอบแบบสอมถามที่ทาการกู้ยืมในช่วงโควิด สัดส่วนการกู้ยืมในช่วงโควิด ตามแหล่งที่มา* หน่วย : Diffusion Index (ค่า <0 คือ เข้มงวดขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า) มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลโดยธนาคารพาณิชย์ หน่วย : ล้านบาท หนี้นอกระบบครัวเรือนไทย** -15 -5 5 15 Q4-19 Q1-20 Q2-20 Q3-20 Q4-20 Q1-21 Q2-21 Q3-21 Q4-21 65,969 71,351 91,532 47,845 85,007 2.0% 2.1% 2.4% 1.3% 1.8% 0.0% 0.5% 1.0% 1.5% 2.0% 2.5% 3.0% 0 10,000 20,000 30,000 40,000 50,000 60,000 70,000 80,000 90,000 100,000 2013 2015 2017 2019 H1-2021 มูลค่าหนี้นอกระบบ สัดส่วนหนี้นอกระบบต่อหนี้ทั้งหมด 78% ปล่อยสินเชื่อง่ายลงกว่าไตรมาสก่อน ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นกว่าไตรมาสก่อน หน่วย : % ของหนี้ทั้งระบบ 40.2% 7.2% 23.7% 9.9% 3.0% 8.7% 7.2% กู้ยืมจากสถาบันการเงิน กู้ยืมหนี้นอกระบบ กู้ยืมจากเพื่อน, ญาติ, คนรู้จัก *ข้อมูลจากการสารวจผู้บริโภคของ EIC (EIC Consumer Survey 2021) มีจานวน ผู้ตอบทั้งสิ้น 3,205 คน โดยทาการสารวจในช่วง 27 ส.ค. - 27 ก.ย. 2021 **คานวณจากข้อมูลการสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนไทย H1/21 39 100 หน่วย : ดัชนีเฉลี่ย, ค้นหาสูงสุด=100 การค้นหาเงินกู้-เงินด่วน บน Google (Google Trends) 51 ก่อน COVID-19 จุดสูงสุด (Q2/20) Q1/22 ปริมาณการค้นหาในไตรมาส 1 ปี 2022 ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย ช่วงก่อนโควิดอยู่ราว 30% มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลโดย เฉลี่ยปรับเข้มงวดขึ้นมากในช่วง COVID-19 การเพิ่มขึ้นสูงของหนี้นอกระบบ ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจสาหรับธนาคาร ในการนาเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือก เพื่อทดแทนหนี้นอกระบบที่ต้นทุน ภาระหนี้สูงสาหรับครัวเรือนรายได้น้อย-ปานกลาง ในช่วง COVID-19 สัดส่วนของคนที่ มีการกู้นอกระบบ รวมอยู่ที่ 26% (ข้อมูล ณ 27 มี.ค. 22)
59.
- 1.0 2.0 3.0 4.0 งบประมาณประจาปี รายจ่ายประจา รายจ่ายลงทุน FY21
FY22 กรอบงบประมาณประจาปีงบประมาณ 2565 หน่วย : ล้านล้านบาท -5.7% -6.5% -5.8% 361 811 270 - 250 500 750 1,000 2020 2021 2022 2020 2021 2022 เม็ดเงินกู้ภาครัฐสาหรับกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (นอกงบประมาณประจาปี) หน่วย : พันล้านบาทต่อปีปฏิทิน อย่างไรก็ตามในปี 2022 ภาครัฐยังคงมีบทบาทสาคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยแม้เม็ดเงินจะทยอยปรับ ลดลง โดยภาครัฐอาจลดการอัดฉีดเงินในโครงการกระตุ้นกาลังซื้อและหันมาใช้นโยบายควบคุมค่าครองชีพมากยิ่งขึ้น ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงการคลังและสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เม็ดเงินจากงบประมาณ ปรับลดลงในปี 2022 เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรับลดลงในปี 2022 (กรณีไม่มีการกู้เพิ่มเติม) 61 มาตรการกระตุ้นการบริโภค วงเงิน (ล้านบาท) Oct-21 Nov-21 Dec-21 Jan-22 Feb-22 Mar-22 Apr-22 May-22 เพิ่มกาลังซื้อผู้ถือบัตรสวัสดิการ ระยะที่ 4 9,422 คนละครึ่ง ระยะที่ 4 34,800 เราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 4 9,000 รวม 53,222 ระยะเวลาโครงการ ปัจจุบัน ครม. ได้อนุมัติการใช้เม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท แล้ว 4.25 แสนล้านบาท (เหลือ 0.75 แสนล้านบาท) โดยมีการเบิกจ่ายแล้ว 3.12 แสนล้านบาท (ณ วันที่ 15 มี.ค. 2565)
60.
62 EIC คาดการบริโภคภาคเอกชนเติบโตที่ 2.9%
ในปี 2022 ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.4% โดยมีปัจจัยสาคัญจากอัตราเงิน เฟ้อที่เร่งตัวสูง บั่นทอนกาลังซื้อของครัวเรือนแต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยและสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์การบริโภคภาคเอกชน หน่วย : %YOY คาดการณ์การบริโภคภาคเอกชน • การระบาดของ Omicron ที่รุนแรงน้อยกว่าคาด • Pent-up Demand ยังอยู่ในระดับสูง เงินออมเพิ่มสูงขึ้นในช่วงโควิด ซึ่งบางส่วนจะเป็นแรง เสริมของการใช้จ่าย pent-up demand อย่างไรก็ตาม เงินออมที่เพิ่มมาจากครัวเรือนรายได้สูง ซึ่งเป็นส่วนน้อย • การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวกลับสู่ ระดับใกล้เคียงปกติ • การทยอยฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจากมาตรการเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อการจ้างงานในภาค บริการ • รายได้จากภาคส่งออกที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแม้อาจคาสั่งซื้อจากยุโรปอาจชะลอลง ปัจจัยลบและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง • อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นจากราคาพลังงานและโภคภัณฑ์โลก จากผลของสงครามรัสเซีย- ยูเครน • การส่งผ่านต้นทุนไปสู่ผู้บริโภคจากภาคธุรกิจที่จะทยอยเพิ่มขึ้น • การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่อื่น ๆ ในประเทศที่รุนแรงจนต้องปิดเมือง 4.0 -1.0 0.3 3.4 2.9 -5 0 5 2019 2020 2021 2022f Previous forecast Current forecast ปริมาณเงินฝากทั้งระบบ เทียบกับ 5-year trend หน่วย : ล้านล้านบาท 15.14 14.16 16.21 12 13 14 15 16 17 ม.ค.-16 เม.ย.-16 ก.ค.-16 ต.ค.-16 ม.ค.-17 เม.ย.-17 ก.ค.-17 ต.ค.-17 ม.ค.-18 เม.ย.-18 ก.ค.-18 ต.ค.-18 ม.ค.-19 เม.ย.-19 ก.ค.-19 ต.ค.-19 ม.ค.-20 เม.ย.-20 ก.ค.-20 ต.ค.-20 ม.ค.-21 เม.ย.-21 ก.ค.-21 ต.ค.-21 ม.ค.-22 เงินฝากส่วนเกิน 1.06 ล้านล้านบาท (ณ ม.ค. 2022) เงินฝากที่เพิ่มขึ้นกว่า 87% เทียบระหว่างเดือนมกราคม 2022 และกุมภาพันธ์ 2020 ส่วนใหญ่มาจากบัญชีขนาดใหญ่ ซึ่งมี จานวนน้อยราว 1.5% จากสัดส่วนจานวนบัญชีทั้งหมด
61.
ตลาดแรงงานยังคงซบเชา อุปทานส่วนเกิน (slack)
ยังสูง แรงงานไหลออกนอกระบบ รายได้ไม่มั่นคง 63
62.
64 ตลาดแรงงานไทยยังไม่กลับไปสู่ระดับก่อน COVID-19 ทั้งในด้านอัตราการว่างงาน
จานวนคนทางานต่าระดับ และจานวนชั่วโมง ทางาน แม้มีการฟื้นตัวดีขึ้นใน Q4/21 จากไตรมาสก่อนหน้า ในภาพรวมตลาดแรงงานจึงยังมีอุปทานส่วนเกิน (slack) ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ 323 341 377 451 404 373 395 745 738 727 758 732 871 632 0.8% 0.9% 1.0% 1.2% 1.1% 1.0% 1.0% 2.0% 1.9% 1.9% 2.0% 1.9% 2.3% 1.6% 0.0% 0.5% 1.0% 1.5% 2.0% 2.5% 0 100 200 300 400 500 600 700 800 900 1,000 2014 2015 2016 2017 2018 2019 Q1-2020 Q2-2020 Q3-2020 Q4-2020 Q1-2021 Q2-2021 Q3-2021 Q4-2021 ผู้ว่างงาน อัตราว่างงาน (แกนขวา) จานวนผู้ว่างงานและอัตราการว่างงานของไทย หน่วย : พันคน หน่วย : % กาลังแรงงาน จานวนชั่วโมงการทางานเฉลี่ย หน่วย : ชั่วโมง/สัปดาห์ 43.6 42.8 42.7 42.6 42.5 42.3 40.4 37.8 41.1 41.9 39.6 41.1 40.2 41.2 35 37 39 41 43 45 2014 2015 2016 2017 2018 2019 Q1-2020 Q2-2020 Q3-2020 Q4-2020 Q1-2021 Q2-2021 Q3-2021 Q4-2021 จานวนคนทางานต่าระดับ (ต่ากว่า 35 ชม./สัปดาห์) หน่วย : ล้านคน 6.5 7.2 6.9 6.7 6.8 6.9 9.3 10.6 8.1 7.0 10.1 7.7 8.4 7.4 0 2 4 6 8 10 12 14 2014 2015 2016 2017 2018 2019 Q1-2020 Q2-2020 Q3-2020 Q4-2020 Q1-2021 Q2-2021 Q3-2021 Q4-2021 Thousands ทางานตั้งแต่ 1-34 ชม./สัปดาห์ ทางาน 0 ชม./สัปดาห์ (เสมือนว่างงาน) 1.0% 1.6% ก่อน COVID-19 ล่าสุด 6.8 7.4 ก่อน COVID-19 ล่าสุด 42.8 41.2 ก่อน COVID-19 ล่าสุด ก่อน COVID-19 ก่อน COVID-19 ก่อน COVID-19
63.
หมายเหตุ : *ผู้มีงานทาที่ทางาน
0 ชม. หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ทางานที่ก่อให้เกิดรายได้ระหว่าง 7 วันก่อนวันสัมภาษณ์ แต่มีงานหรือธุรกิจที่จะกลับไปทา ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ จานวนผู้มีงานทาตามระดับการทางานรายอุตสาหกรรม เปรียบเทียบระหว่าง 2021 และ 2019 หน่วย: พันคน -1,500 -1,000 -500 0 500 1,000 1,500 0 ชั่วโมง 1 ถึงไม่เกิน 35 ชม. 35 ถึงไม่เกิน 50 ชม. ตั้งแต่ 50 ชม. ขึ้นไป จ้างงานรวม เกษตร การผลิต ก่อสร้าง โรงแรมและร้านอาหาร ค้าส่ง-ค้าปลีก บริการอื่นๆ การจ้างงานรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ เป็นการเพิ่มขึ้นใน งานต่าระดับเป็นหลัก (เพิ่ม 0.4 ล้าน) (เพิ่ม 1.1 ล้าน) (ลด 0.2 ล้าน) (ลด 1.1 ล้าน) 65 (เพิ่ม 0.1 ล้าน) คนทางานต่าระดับเพิ่มขึ้นในทุกสาขาธุรกิจ โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคเกษตร จานวนคนทางาน ล่วงเวลาลดลงในทุก สาขาธุรกิจ โดยเฉพาะ ในภาคการผลิต จานวนคนทางาน full- time ลดลงเล็กน้อย จากภาคเกษตร และ โรงแรมและร้านอาหาร ในช่วง COVID-19 แรงงานมีการย้ายเข้าภาคเกษตรซึ่งมีรายได้น้อย และยังเป็นงานในภาคเกษตรที่ทางานน้อยชั่วโมงอีกด้วย โดยกลุ่มงานที่หายไปคืองานเต็มเวลาและงานโอทีที่หายไปรวมกันถึง 1.3 ล้านคน การจ้างงานเฉลี่ย 2021 เทียบก่อน COVID-19 หน่วย : จานวนคนเปลี่ยนแปลงเทียบ 2021 vs 2019, พันคน 138 204 47 18 -114 9 -204 61 -2 120 -300 -250 -200 -150 -100 -50 0 50 100 150 200 250 รวม (13.5k) เกษตร (6.2k) ร้ า นอาหาร (10.1k) ก่ อ สร้ า ง (10.8k) โรงแรม (12.6k) ค้ า ส่ ง -ปลี ก (13k) การผลิ ต (14.8k) ขนส่ ง -โกดั ง (15.9k) อื ่ น ๆ (16.8k) บริ ก ารสุ ข ภาพ (19.1k) *ใน () แสดงรายได้ของลูกจ้าง เอกชนเฉลี่ยปี 2021 รายได้เฉลี่ยของสาขาที่การจ้างงานเพิ่ม = 1.1 หมื่นบาท/เดือน รายได้เฉลี่ยของสาขาที่การจ้างงานลด = 1.5 หมื่นบาท/เดือน แรงงานเคลื่อนย้ายสู่ อุตสาหกรรมที่รายได้ต่ากว่า ขนส่ง อีคอมเมิร์ซ เติบโต นักท่องเที่ยวหายไป เรียงอุตสาหกรรมตามรายได้จากน้อยไปมาก วิกฤตเศรษฐกิจ ภาวะโรคระบาด และเทรนด์สุขภาพ
64.
66 นอกจากนี้ แรงงานไทยยังมีการออกจากลูกจ้างไปทางานอิสระ และการออกนอกระบบประกันสังคมจากทุกอุตสาหกรรม
ซึ่งมี แนวโน้มได้รายได้น้อยกว่าและมีความมั่นคงลดลงด้วยเช่นกัน ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ และสานักงานประกันสังคม การจ้างงานเฉลี่ย 2021 เทียบก่อน COVID-19 หน่วย : จานวนคนปลี่ยนแปลงเทียบ 2021 vs 2019, พันคน 138 -973 -76 83 124 974 -1,500 -1,000 -500 0 500 1,000 1,500 รวม ลู ก จ้ า งเอกชน นายจ้ า ง ช่ ว ยงานที ่ บ ้ า น ลู ก จ้ า งรั ฐ บาล-รั ฐ วิ ส าหกิ จ ท างานอิ ส ระ จานวนผู้ทาอาชีพอิสระเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จานวนลูกจ้างเอกชนที่มี ความมั่นคงทางรายได้มากกว่าลดลง สัดส่วนแรงงานในระบบประกันสังคม ม.33 หน่วย : % ต่อจานวนผู้มีงานทารวม 31.2% 28.6% 26% 27% 28% 29% 30% 31% 32% 2017Q1 2017Q3 2018Q1 2018Q3 2019Q1 2019Q3 2020Q1 2020Q3 2021Q1 2021Q3 วิกฤต COVID-19 วิกฤต COVID-19 ส่งผลให้แรงงานราว 6 แสนคนต้องออก นอกระบบประกันสังคม สูญเสียสวัสดิการที่เคยได้รับไป ทั้งนี้ การออกนอกระบบเกิดขึ้นในทุก ๆ อุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงจานวนแรงงานในระบบ รายอุตสาหกรรม (ธ.ค. ‘21 เทียบ ธ.ค. ‘19) • เกษตร ลดลง 6.9 พันคน (-5.4%) • การผลิต ลดลง 2.6 แสนคน (-7.6%) • ก่อสร้าง ลดลง 2 หมื่นคน (-3.3%) • ค้าส่งค้าปลีก ลดลง 4.2 หมื่นคน (-2.5%) • โรงแรม ร้านอาหาร ลดลง 1.6 แสนคน (-30.8%) • บริการอื่น ๆ ลดลง 6.8 หมื่นคน (-1.3%) ต่าสุดนับตั้งแต่ Q4/2017
65.
ปัญหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างอุปสงค์และอุปทานแรงงาน (mismatch) รุนแรงขึ้นหลังเกิดการเคลื่อนย้ายแรงงาน 67
66.
68 การเปลี่ยนอาชีพของแรงงานไทยทาให้มีการย้ายถิ่นฐานกลับต่างจังหวัด ประกอบกับแรงงานต่างด้าวมีจานวนลดลงในทุก ภูมิภาค ทาให้แรงงานขาดแคลน
โดยเฉพาะสาหรับธุรกิจใน กทม. และภาคกลาง ที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าวสูง หมายเหตุ : *ข้อมูลการสารวจปี 2020 ช่วง 1 ต.ค. 2019 ถึง 30 ก.ย. 2020 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ และกรมบริหารแรงงานต่างด้าว การเปลี่ยนแปลงจานวนแรงงาน จากการเปลี่ยนแปลงของแรงงานต่างด้าวในไทยและการย้ายถิ่นฐานของคนไทยในช่วง COVID-19* หน่วย : พันคน -654 -165 -417 1 33 -105 (700) (600) (500) (400) (300) (200) (100) - 100 รวม กรุงเทพฯ กลาง เหนือ อีสาน ใต้ คนไทยย้ายถิ่น ต่างด้าวลดลง รวมแรงงานลดลงจาก 2 ปัจจัย การเปลี่ยนแปลงของจานวนแรงงานเทียบ ปี 2019 • แนวโน้มการย้ายเข้าภาคเกษตรของคนไทย ส่งผลให้แรงงานใน กทม. และภาคกลาง (รวมปริมณฑล และภาคตะวันออก) มีการ ย้ายกลับภาคเหนือและภาคอีสาน • จานวนแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทางานใน ไทยลดลงในช่วงปี 2021 เทียบกับช่วงก่อน COVID ถึง 6.5 แสนคน โดยเป็นการลดลง ในทุกภูมิภาค • สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลทาให้ธุรกิจใน เมืองหาแรงงานยากขึ้น ในช่วงที่กิจกรรม ทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา โดยเฉพาะกลุ่มที่ เคยพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ที่อาจต้องเสีย ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากต้อง เปลี่ยนจากการจ้างแรงงานต่างด้าวไปจ้าง คนไทยซึ่งมีค่าแรงที่สูงกว่า คนไทยย้ายจาก กทม. และภาคกลาง กลับภาคเหนือ/อีสาน ในช่วง COVID-19 สอดคล้องกับการย้ายเข้าภาคเกษตร จานวนแรงงานต่างด้าวในไทย • สิ้นปี 2019 = 3.0 ล้านคน • สิ้นปี 2020 = 2.5 ล้านคน • สิ้นปี 2021 = 2.4 ล้านคน
67.
69 ปัญหาการขาดแรงงานต่างด้าวและคนไทยย้ายถิ่นส่งผลกระทบต่อธุรกิจแตกต่างกัน ตามสัดส่วนการพึ่งพาแรงงานและ ความสามารถในการปรับตัว หมายเหตุ: ณ
ก.ค. 2019 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของแรงงานต่างด้าวทักษะน้อยอยู่ที่ราว 8-9 พันบาท/ *สารวจธุรกิจ 209 ราย ที่มา : การวิเคราะห์ของ EIC จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (วิเคราะห์จากข้อมูลประกันสังคม ก.ค. 2019) และธนาคารแห่งประเทศไทย ระดับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนแรงงานต่อต้นทุนค่าแรงของภาคธุรกิจ มาก ปานกลาง น้อย กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม บริการ ท่องเที่ยว การผลิต ในเขตเมืองเพราะจะได้รับ ผลกระทบจากคนไทยที่ย้ายกลับต่างจังหวัด แต่ ต้นทุนค่าแรงอาจไม่เพิ่มสูงเท่าการเปลี่ยนจาก ต่างด้าวเป็นคนไทย โดยผู้ประกอบการอาจ เลือก utilize แรงงานเดิมที่มี หรือเปลี่ยน รูปแบบการทางาน รวมถึงนาเทคโนโลยีมาใช้ กลุ่มธุรกิจ เกษตร ประมง ก่อสร้าง เพราะมักมี การพึ่งพาแรงงานต่างด้าวสูง ทั้งนี้หากธุรกิจ เปลี่ยนมาใช้แรงงานไทย ต้นทุนค่าแรงจะสูงขึ้น ราว 1-3 พันบาทต่อเดือนต่อคน หรือ ราว 10- 30% นอกจากนี้การหาคนไทยที่ทางานประเภทที่ ใช้แรงงานต่างด้าวยังทาได้ยากขึ้นโดยเฉพาะใน เขตเมืองที่คนไทยมีการย้ายถิ่นฐาน กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาแรงงาน high skill เช่น hi-tech บริการวิชาชีพ สุขภาพ หรือกลุ่ม ธุรกิจ low labor intensity เช่น การเงิน สื่อสาร พลังงาน หรือ ธุรกิจที่สามารถ ปรับตัวไปใช้เทคโนโลยีทดแทนแรงงานแล้ว ผลสารวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ณ ก.พ. 2022 พบว่า 37% ของธุรกิจที่สารวจ* มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยกลุ่มที่มีปัญหาส่วนใหญ่ จะปรับตัวด้วยการจ้างแรงงาน part time หรือเพิ่มชั่วโมงทางาน ขณะที่การใช้วิธีปรับเพิ่มค่าแรงเพื่อดึงดูดแรงงานใหม่ยังเป็นส่วนน้อย
68.
70 แม้อัตราการว่างงานจะต่าลง แต่ปัญหา mismatch
ได้ส่งผลให้สัดส่วนของคนว่างงานนานกลับสูงขึ้น ทาให้แรงงานกลุ่มนี้ (ราว 3 แสนคนจากคนว่างงานทั้งหมด 6 แสนคน) ขาดรายได้เป็นเวลานาน อีกทั้งยังขาดช่วงในการเพิ่มทักษะ ทาให้โอกาสใน การกลับเข้าตลาดแรงงานยิ่งน้อยลง ในช่วงที่ผ่านมา จึงมีสัดส่วนของแรงงานที่ตัดสินใจไม่หางานเพิ่มขึ้นด้วย ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ 10% 12% 21% 23% 15% 16% 12% 26% 0% 10% 20% 30% 40% 50% AVG 2014-2019 Q4-2019 Q4-2020 Q4-2021 ตั้งแต่ 6 แต่ไม่เกิน 12 เดือน ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป สัดส่วนคนว่างงานนาน (6 เดือนขึ้นไป) หน่วย: % ต่อผู้ว่างงานทั้งหมด 17% 18% 19% 24% 0% 10% 20% 30% AVG 2014-2019 Q4-2019 Q4-2020 Q4-2021 สัดส่วนคนว่างงานที่ไม่หางาน จากเหตุผล “เชื่อว่าหางาน ไม่ได้” และ “หางานมาแล้วแต่หาไม่ได้” หน่วย: % ต่อผู้ว่างงานทั้งหมด 1.0% 1.0% 1.9% 1.6% 0.0% 0.2% 0.4% 0.6% 0.8% 1.0% 1.2% 1.4% 1.6% 1.8% 2.0% AVG 2014-2019 Q4-2019 Q4-2020 Q4-2021 อัตราการว่างงาน หน่วย: % ต่อกาลังแรงงาน
69.
ค่าแรงปรับเพิ่มขึ้นไม่ทันค่าครองชีพที่เร่งตัว ขณะที่ความสามารถในการขึ้นค่าแรงของภาคธุรกิจมีจากัด 71
70.
1.3% 2.6% 0.5% -1.1% 1.3% 2.2% 1.1% -4.4% 1.4% 0.1% 0.6% -6% -4% -2% 0% 2% 4% 6% 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021Q1 2021Q2 2021Q3 2021Q4 อัตราการเปลี่ยนแปลงของรายได้เฉลี่ยของลูกจ้างเอกชน หน่วย : %YOY,
ใน () แสดงสัดส่วนการจ้างงานและรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือนหลังปรับเงินเฟ้อของลูกจ้างเอกชน ณ 2021 หมายเหตุ : รายได้รวมของกลุ่มลูกจ้างเอกชน แบ่งเป็น ค่าจ้าง ค่าโอที และโบนัส ที่ลูกจ้างเอกชนได้รับในแต่ละสาขาธุรกิจ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยมูลค่าของโบนัสกว่า 90% ของทั้งปีจะอยู่ในไตรมาสที่ 1 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ 72 ปี 2021 = -0.8% รายได้ที่แท้จริง (หักเงินเฟ้อ) รายได้ที่แท้จริงของลูกจ้างเอกชนในปี 2021 ลดลง ทั้งนี้ ในปี 2022 จาก slack ที่ยังมีมาก ขณะที่เงินเฟ้อยังเร่งตัวจะทาให้ รายได้ที่แท้จริงมีความเสี่ยงที่จะหดตัว เฉลี่ย 2014-19 = 1.1% เฉลี่ย 2020-21 = 0.1% • ถ้าเงินเฟ้อในปี 2022 เติบโต 4-5% รายได้จากการทางานต้องเพิ่มขึ้นใน อัตราที่เท่ากัน แรงงานจึงจะมีกาลัง ซื้อเท่าเดิม • อย่างไรก็ตาม ในช่วง 5 ปีย้อนหลัง อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้แรงงาน ไม่เคยสูงเกินกว่า 3% อีกทั้ง ณ ปัจจุบันยังเป็นช่วงที่มี slack มาก ที่สุดและสถานะของภาคธุรกิจยัง อ่อนแอทาให้ปรับขึ้นค่าแรงได้ยาก ดังนั้น แนวโน้มรายได้ที่แท้จริงของ แรงงานจึงมีความเสี่ยงต่อการหดตัว สูงในปี 2022 3.2% 1.7% 0.7%-0.5% 2.4% 2.9% 0.2% 0.4% -5.0% 3.8% 0.8% 3.0% -6% -4% -2% 0% 2% 4% 6% 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2021Q1 2021Q2 2021Q3 2021Q4 ปี 2021 = 0.4% เฉลี่ย 2014-19 = 1.7% รายได้ลูกจ้างเอกชนรวม (13.5 พันบาท) เฉลี่ย 2020-21 = 0.3%
71.
ที่มา : การวิเคราะห์โดย
EIC จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จานวนการเปิดกิจการใหม่ในภาพรวมทรงตัวเทียบก่อน COVID-19 ขณะที่ขนาดธุรกิจเล็กลง อีกทั้งธุรกิจเดิมที่ยังอยู่ก็มี สัดส่วนเป็น zombie มากขึ้น สะท้อนถึงแนวโน้มการจ้างงานและความสามารถในการขึ้นค่าแรงของธุรกิจไทยจะยังมีจากัด 6.1% 6.4% 7.1% 7.7% 9.1% 12.2% 0% 2% 4% 6% 8% 10% 12% 14% 2015 2016 2017 2018 2019 2020 บริษัทถูกจัดเป็น บริษัทผีดิบ หาก • มี ICR<1 เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน • บริษัทมีอายุมากกว่า 10 ปี 73 หน่วย : % อัตราการเปลี่ยนแปลงจานวนนิติบุคคลใหม่ (ไม่รวมวิสาหกิจชุมชน) หน่วย: % ต่อจานวนบริษัททั้งหมด สัดส่วนบริษัทผีดิบในไทย 54.8% 3.0% 0.3% -18.9% -40.5% Agri (1.2%) Services excl. Hotel (90%) Total Manu (8.1%) Hotel (0.8%) ใน () สัดส่วนนิติบุคคลใหม่ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2022 12 เดือนล่าสุด เทียบก่อนโควิด (2019) 7.0 5.2 4.6 3.7 3.1 0.0 1.5 3.0 4.5 6.0 7.5 2017 2018 2019 2020 2021 หน่วย : ล้านบาทต่อบริษัท ทุนจดทะเบียนเฉลี่ยของนิติบุคคลจดทะเบียนใหม่ในไทย
72.
74 สรุป แนวโน้มตลาดแรงงานไทยปี 2022
จะฟื้นตัวช้าจากอุปทานส่วนเกิน (slack) ที่ยังมีมากและปัญหา mismatch ทั้ง ในด้านพื้นที่และด้านทักษะ ส่งผลทาให้ค่าแรงมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เป็นความท้าทายสาคัญของภาคครัวเรือน ในภาวะค่าครองชีพสูงและหนี้สูง
73.
75 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสาหรับตลาดแรงงานไทยปี 2022 การปรับ-เพิ่มทักษะ (Reskill-Upskill) แรงงาน skills
ที่ธุรกิจต้องการเปลี่ยนไปมาก และงาน บางประเภทกาลังเป็นที่ต้องการน้อยลง การพัฒนา ทักษะแรงงานจึงเป็นเรื่องจาเป็นและเร่งด่วน โดยควรเป็นความร่วมมือของทั้งเอกชนและภาครัฐ ในทั้งการกาหนดทักษะที่เป็นที่ต้องการ จัดหาแหล่ง การเรียนรู้ฟรีและเข้าถึงง่าย เช่น free online courses ที่เรียนรู้ได้ 24/7 และมีการให้การรับรอง รวมไปถึงสนับสนุนกลุ่มที่ยังขาดโอกาสในการพัฒนา ทักษะ โดยมักเป็นกลุ่มแรงงานรายได้น้อย ที่ขาด การแนะแนวทางการพัฒนาทักษะ ไม่มีเวลา ไปพัฒนาทักษะ เนื่องจากต้องทางานหาเช้ากินค่า โดยสาหรับกลุ่มนี้อาจมีการชดเชยรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากให้เรียนฟรี ยกระดับกลไกการจับคู่ นายจ้าง-ลูกจ้าง (Job matching) โดยใช้ digital platform ที่ใช้ง่าย สะดวก และต้องมีการประชาสัมพันธ์ กระตุ้น/จูงใจ platform ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อให้เกิด network effect (คือแรงงานและนายจ้างใช้) โดย platform นี้อาจเกิดได้จากทั้งการลงทุนโดยภาครัฐ หรือความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ ทั้งสาหรับแรงงานที่ต้องการกลับเข้าสู่ ตลาดแรงงานและนายจ้างที่ต้องการแรงงานในช่วง ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ลดอุปสรรค (friction) และ สนับสนุนการเคลื่อนย้ายกลับ สู่ตลาดแรงงาน เช่น การช่วยค่าเดินทางระหว่างจังหวัด มาตรการลดภาระค่าครองชีพในเมือง การเพิ่มความเชื่อมั่นแก่แรงงานต่อเรื่อง ผลกระทบจาก COVID-19 ด้วยการรับมือ โรคระบาดที่รัดกุม แนวทางนโยบายและ การสื่อสารให้ข้อมูลที่ชัดเจน มาตรการรองรับ แรงงานได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ ชั่วคราว เช่น จัดหาที่พักชั่วคราว การช่วยเหลือด้านการชดเชยรายได้ อย่างเหมาะสม ฯลฯ นโยบายสาหรับประเด็นแรงงาน ต่างด้าว โดยในระยะสั้น ควรผ่อนคลายการรับแรงงาน ต่างด้าวกลับเข้าประเทศ อาจพิจารณาทาควบคู่ ไปกับการจัดสรรวัคซีนส่วนเกินให้แรงงานต่างด้าว ที่ยังเข้าไม่ถึง เพื่อลดความรุนแรงของปัญหาการ ขาดแคลนแรงงาน ส่วนในระยะยาว ควรสนับสนุนการปรับตัวของ ภาคธุรกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาทักษะแรงงานต่างด้าวควบคู่ไป กับการลงทุนด้านนวัตกรรม ก้าวข้ามการดาเนิน ธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานราคาถูกเป็นปัจจัยหลัก
74.
ภาครัฐยังควรมีส่วนสาคัญในการบรรเทาผลกระทบของครัวเรือน แต่จาเป็นต้องใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 76
75.
77 การอุดหนุนราคาขายปลีกพลังงานแบบหน้ากระดานก่อให้เกิดผลกระทบและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจใน 3 ด้านหลัก - 50 100 -14000 -9000 -4000 1000 Jan-19 Mar-19 May-19 Jul-19 Sep-19 Nov-19 Jan-20 Mar-20 May-20 Jul-20 Sep-20 Nov-20 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Gasoline
Diesel LPG Brent การเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงและราคาน้ามัน Brent หน่วย: ล้านบาทต่อเดือน (LHS), UDS/barrel (RHS) • ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าครองชีพโดยการตรึงราคาน้ามัน ดีเซลและ LPG ผ่านกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงและการลดภาษีสรรพสามิต แต่ราคา พลังงานที่พุ่งสูงขึ้นทาให้กองทุนน้ามันเชื้อเพลิงขาดดุลเป็นจานวนมาก • EIC ประเมินว่าหากภาครัฐไม่พยุงราคาดีเซล ราคาค้าปลีกในปัจจุบันที่ราคา Brent ราว $110 ต่อ barrel จะอยู่ที่ราว 38-39 บาทต่อลิตร • คาดภาครัฐอาจต้องใช้เงินราว 1.7 แสนล้านบาทตลอดปี 2022 เพื่อชดเชยกองทุน น้ามัน (หากภาครัฐยกเลิกการตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรหลังสิ้นเดือน เม.ย. 2022 และเข้าไปช่วยครึ่งหนึ่งของส่วนที่ราคาน้ามันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นและทยอยปรับ ขึ้นราคา LPG 3 ครั้ง โดยปรับขึ้นเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัมหลังสิ้นเดือน มี.ค. 2022) ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพลังงาน CEIC ข้อมูลการสารวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนช่วงครึ่งแรกปี 2021 ของสานักงานสถิติแห่งชาติ และ IMF (https://www.imf.org/external/pubs/ft/wp/2015/wp15250.pdf) ความเสี่ยงด้านที่ 1: การอุดหนุนอาจไม่ได้ช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยโดยตรง • ครัวเรือนที่มีรายได้สูง 20% แรกได้รับประโยชน์ในเชิงเม็ดเงินจากมาตรการตรึงราคาน้ามันดีเซลแบบหน้ากระดาน เทียบกับกลุ่มรายได้น้อย 20% ล่างสุดมากกว่ามากถึง 9.6 เท่า เนื่องจากเป็นผู้ใช้พลังงานในปริมาณมากกว่า • หรือกล่าวคือทุก 100 บาทจากการอุดหนุนดีเซลจากภาครัฐจะไปตกที่คนรายได้สูงสุด 40% แรกราว 72 บาท หรือ 72% • มีการศึกษาของ IMF ด้านเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงในประเทศกาลังพัฒนา 42 ประเทศระหว่างปี 2005 – 2014 พบว่า โดยเฉลี่ยครัวเรือนที่มีรายได้สูงที่สุด 20% ได้รับเงินอุดหนุนจากนโยบายการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงขายปลีก (retail fuel subsidies) เช่น ดีเซล แก๊สโซลีน และ LPG มากกว่า 6 เท่าของครัวเรือนรายได้ต่าที่สุด 20% ค่าใช้จ่ายดีเซลเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่ใช้ในการเดินทางเฉลี่ยต่อเดือนแยกตามกลุ่มรายได้ หน่วย: บาท (q1 คือ ครัวเรือนที่มีรายได้ต่าสุด 20% แรก และ q5 คือ ครัวเรือนรายได้สูงสุด 20% แรก) ประเภทเชื้อเพลิง Quintile 1 Quintile 4 และ 5 (เฉลี่ย) เบนซิน 72% 62% ดีเซล 28% 38% สัดส่วนรายจ่ายเชื้อเพลิงเทียบกับรายจ่ายที่ใช้ในการเดินทางทั้งหมด (จากข้อมูลครึ่งปีแรก 2021) 110 202 372 665 1,056 0 500 1,000 1,500 2,000 2,500 q1 q2 q3 q4 q5 รายจ่ายดีเซลที่ใช้ในการเดินทาง 77
76.
การอุดหนุนราคาขายปลีกพลังงานแบบหน้ากระดานก่อให้เกิดผลกระทบและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจใน 3 ด้านหลัก •
ที่ผ่านมาภาครัฐได้ทาการตรึงราคาขายปลีกดีเซลไว้ที่ 30 บาท ต่อลิตรมาเป็นเวลานาน และราคาไม่ได้สะท้อนถึงราคาตลาดโลกที่แท้จริง • หากไม่มี Exit strategy จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่กองทุนจะขาดทุนมาก กระทั่ง ณ จุดหนึ่งที่รัฐบาลอาจจะตรึงราคาต่อไม่ไหวและต้องปล่อยลอยตัว • ช่วงปี 2004 รัฐตรึงราคาขายปลีกดีเซลไว้ที่ราว 14 บาททั้งปี แต่ในปี 2005 รัฐบาลต้อง ปรับราคาดีเซลขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น 3 บาทในคราวเดียวในเดือนมีนาคม 2005 และขึ้น 4 บาทในช่วงกรกฎาคม จากการที่กองทุนน้ามันขาดทุนอย่างหนักทาให้เกิดผลกระทบกับ เศรษฐกิจในขณะนั้นอย่างมากเนื่องจากภาคประชาชนและธุรกิจไม่สามารถปรับตัวได้ ทัน ความเสี่ยงด้านที่ 2: เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง (Economic shocks) ความเสี่ยงด้านที่ 3: การอุดหนุนราคาพลังงานส่งผลให้เกิดการใช้พลังงานอย่างขาด ประสิทธิภาพ • ไทยเป็นประเทศผู้นาเข้าน้ามันและก๊าซธรรมชาติสุทธิ โดยที่ผ่านมาในช่วงราคา พลังงานโลกปรับตัวสูงขึ้นการอุดหนุนราคาพลังงานทาให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล สูงขึ้น ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แต่ผู้บริโภคใช้พลังงานในปริมาณที่เท่าเดิม • เกิดการใช้พลังงานอย่างขาดประสิทธิภาพโดย โดยในปี 2019 ประสิทธิภาพการใช้ พลังงานของประเทศไทย (Energy intensity) โดยวัดจาก Primary energy consumption ต่อ Real GDP อยู่ที่อันดับ 55 จาก 70 ประเทศทั่วโลก เป็นรองกลุ่ม ประเทศส่งออกน้ามันแต่สูงกว่ากลุ่มประเทศที่พึ่งพาการนาเข้าพลังงานและ Energy intensity ของไทยแทบไม่ดีขึ้นเลยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Intensity change Sweden -37% China -34% United States -29% Indonesia -26% Singapore -22% India -21% Malaysia -18% Thailand -1% ที่มา: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพลังงาน, สานักงานสถิติแห่งชาติ., BP, และ CEIC กองทุนน้ามันขาดทุนกว่าเก้าหมื่นสอง พันล้านบาททาให้รัฐบาลตัดสินใจปล่อย ราคาดีเซลลอยตัวในช่วงปี 2005 78
77.
79 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสาหรับทางออกในการแก้ปัญหาราคาพลังงาน • ในช่วงที่ราคาน้ามันอยู่ในระดับสูง การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่มีรายได้น้อยผ่านโครงการที่เฉพาะเจาะจง
เช่น กลุ่มรายได้ น้อย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งสาธารณะ ก็จะทาให้การช่วยเหลือเข้าถึงได้ตรงจุดและรัฐสามารถควบคุมงบประมาณได้ • การตรึงราคามีความเสี่ยงทั้งในด้านช่องว่างระหว่างราคาที่ตรึงและราคาตามตลาดที่กว้างขึ้นในช่วงที่ราคาน้ามันโลกปรับขึ้นอย่าง ปัจจุบัน และปริมาณการใช้ที่อาจจะไม่ลดลงเนื่องจากไม่มีสัญญาณด้านราคาที่ส่งผ่านไปถึงผู้บริโภค • การปรับราคาแบบค่อยเป็นค่อยไปผ่านการสร้างสูตรที่ชัดเจน จะทาให้ราคาน้ามันขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และไม่ฝืนตรึงราคาที่จุดใดจุดหนึ่งนาน เพื่อไม่ให้รัฐต้องเพิ่มงบประมาณในการตรึงราคามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อราคาโลกเพิ่มขึ้น ลดความ เสี่ยงของการสร้าง price shock ที่อาจทาให้เศรษฐกิจชะงักงัน • ในขณะเดียวกันก็ให้สัญญาณกับผู้บริโภคว่าน้ามันมีราคาสูงขึ้นเพื่อการปรับการบริโภคตามความเหมาะสม ลดระดับของการขาด ดุลการค้าและแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนที่จะยิ่งทาให้เงินเฟ้อเร่งตัวยิ่งขึ้น • นโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนของภาคธุรกิจจะช่วยลดภาระของภาครัฐในการ พยุงราคาและยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย • นโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ ควรเริ่มเน้นจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เช่น ผู้ประกอบภาคขนส่ง เพื่อมุ่งสนับสนุน ผู้ประกอบการให้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง โดยนาการคิดต้นทุนพลังงานที่ลดลง (Cost saving) ตลอดอายุการใช้ งานของรถมากาหนดระดับการสนับสนุนของภาครัฐ ตลอดจนมีมาตรการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น solar rooftop หรือ EV • การสนับสนุนจากภาคการเงิน เช่น Green loans ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้และยังมีผลกระทบเชิงบวกภายนอก (Positive externalities) ด้านการลดมลพิษควบคู่ไปด้วย นโยบายบรรเทาควร เจาะจงเฉพาะกลุ่ม การปรับราคาแบบค่อย เป็นค่อยไป หรือ Managed float approach นโยบายสนับสนุนภาค ธุรกิจในระยะกลางและ ยาว 79
78.
แนวโน้มภาวะการเงินไทยปี 2022 ค่าเงินบาทจะยังอ่อนค่าในระยะสั้น แต่จะปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายปี ภาวะการเงินไทยมีแนวโน้มปรับตึงตัวขึ้น ตามภาวะการเงินโลกและความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายตลอดปีนี้ แม้
Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ค่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าในระยะสั้นจากความเสี่ยง ด้านสงครามและการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 33.5-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่า ขึ้นอยู่ในกรอบ 32.5-33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงปลายปี จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นและดุลบัญชีเดินสะพัด ที่คาดว่าจะขาดดุลลดลงตามการกลับมาของนักท่องเที่ยว และราคาน้ามันที่มีแนวโน้มชะลอลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะยาว มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามอัตราผลตอบแทนในตลาดเงิน โลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐฯ ขณะที่ spread ปรับสูงขึ้น และการระดมทุนผ่านพันธบัตรปรับ ลดลงเล็กน้อยตามความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทั้งนี้ สินเชื่อธนาคาร พาณิชย์ยังขยายตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน โดยการขยายตัวมาจากสินเชื่อ ธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวชะลอลง EIC คาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดปีนี้ เนื่องจาก กนง. ให้ความสาคัญกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ ยังคงเปราะบาง ขณะที่เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นนั้นส่วนใหญ่มาจาก ปัจจัยอุปทานและคาดว่าจะกลับมาเข้ากรอบเป้าหมายในปีหน้า นอกจากนี้ ภาระหนี้ที่สูงขึ้น ทาให้การขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบต่อ เศรษฐกิจมากขึ้น ด้านการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะไม่กดดัน กนง. เนื่องจากไทยยังมีเสถียรภาพต่างประเทศดี 80
79.
0.5 5.42 5.99 0.25 2.82 0 2 4 6 8 10 12 2005 2006 2007 2008 2009 2010 2011 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 อัตราดอกเบี้ยนโยบาย MOR* MLR* MRR* EIC
คาด กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดปี 2022 แม้ประเทศเศรษฐกิจหลักจะเริ่มดาเนินนโยบายการเงินตึงตัว ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทาได้เร็วสุดในปี 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่ขนาดของเศรษฐกิจไทยจะกลับไปเท่าช่วงก่อน COVID-19 81 EIC คาดจุดสูงสุดของดอกเบี้ยนโยบายในวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ จะอยู่ที่ราว 2.25%-2.5% • คาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดประเมินว่า Fed funds rate มีแนวโน้มแตะระดับสูงสุดที่ราว 2.5-2.75% ใน ระหว่างปี 2024-25 ซึ่ง EIC คาดว่า ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นช้ากว่าและยังมีความเสี่ยงอยู่มาก ทาให้ดอกเบี้ยอาจอยู่ต่ากว่าสหรัฐฯ เล็กน้อย • อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยเคยแตะระดับสูงสุดที่ 3.5% ในวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบก่อน อย่างไรก็ดี จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ต่ากว่าวัฎจักรในอดีต เนื่องจาก อัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกิจไทย (potential growth) มีแนวโน้มลดลงจากอดีต อีกทั้งภาระหนี้ของทั้งครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ก็สูงกว่าในอดีตเช่นกัน 1. กนง. ให้ความสาคัญกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งยังคงเปราะบางและต่ากว่า pre-covid 2. เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นนั้น ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยอุปทาน ขณะที่อุปสงค์ยังอ่อนแอ อีกทั้งเงินเฟ้อที่ สูงขึ้นคาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น และจะปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปีหน้า 3. ภาระหนี้ที่สูงขึ้น ทาให้การขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบต่อแนวโน้มการบริโภคและการลงทุนมากกว่าอดีต 4. เงินเฟ้อคาดการณ์ยังไม่ปรับสูงขึ้นมาก โดยล่าสุดเงินเฟ้อคาดการณ์ 1 ปีข้างหน้ของครัวเรือนอยู่ ที่ 2.5% (พ.ย. 21) และระยะ 5 ปีข้างหน้าของ professional forecasters อยู่ที่ 1.9% (ต.ค. 21) 80.3 89.3 43.0 59.6 0.0 20.0 40.0 60.0 80.0 100.0 Mar-05 Feb-06 Jan-07 Dec-07 Nov-08 Oct-09 Sep-10 Aug-11 Jul-12 Jun-13 May-14 Apr-15 Mar-16 Feb-17 Jan-18 Dec-18 Nov-19 Oct-20 Sep-21 HH Debt Public Debt หนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะต่อ GDP หน่วย: % ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย EIC คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดป 2022 เนื่องจาก หมายเหตุ : *ค่าเฉลี่ยคานวณจากอัตราดอกเบี้ยสูงสุดกับต่าสุด **ถ่วงน้าหนักตามวงเงินรายสัญญาของเงินให้สินเชื่อใหม่ Avg. 2005-2021 = 2.23% Avg. 2005-2015 = 2.79% ต้นทุนการระดมทุนในตลาดสินเชื่อของไทย หน่วย: % (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มีนาคม 2022)
80.
83 หน่วย: พันล้านบาท ปริมาณการออกพันบัตรรัฐบาลไทย 0 100 200 300 Jan-19 Apr-19 Jul-19 Oct-19 Jan-20 Apr-20 Jul-20 Oct-20 Jan-21 Apr-21 Jul-21 Oct-21 Jan-22 พันธบัตรระยะสั้น (อายุน้อยกว่าเท่ากับ
1 ปี) พันธบัตรระยะยาว (อายุมากกว่า 1 ปี) ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg และ ThaiBMA อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของไทยปรับลดลงหลังเกิดสงครามรัสเซีย ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวปรับ เพิ่มขึ้นตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ ในระยะต่อไป คาดว่าพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวจะปรับขึ้นได้เล็กน้อย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลไทย มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน ปีนี้ โดย EIC คาดว่าอาจปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.4-2.5% จากปัจจัยดังนี้ 1. อัตราผลตอบแทนในตลาดเงินโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ตาม Hiking cycle ของ ธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ 2. แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากการฟื้นตัวของ อุปสงค์ในประเทศ และจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าอัตราผลตอบแทนฯ จะปรับขึ้นไม่มากนัก เนื่องจาก ในปีงบประมาณ 2023 รัฐบาลมีแผนระดมทุนลดลง ส่งผลให้อุปทานพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลไทย • นับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับ ลดลงเล็กน้อย สะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่ประเมินผลกระทบของภาวะสงคราม ต่อเศรษฐกิจ ทาให้นักลงทุนปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. • ในระยะต่อไป คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะยังทรงตัว ตาม แนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลไทย อัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาล หน่วย: % 0.53 0 0.5 1 1.5 2 2.5 Jan-20 Mar-20 May-20 Jul-20 Sep-20 Nov-20 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Mar-22 Thailand (10y) US (10y) Thailand (1y) US (1y) Avg 5y TH = 2.1 Avg 5y US = 2.0 2.37 2.37 (bps) TH10 TH1 US10 US1 Chg since war 21 2 43 51 1.52
81.
84 Corporate spread แบ่งตามอันดับความน่าเชื่อถือ หน่วย:
bps (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มี.ค. 2022) 39 94 354 0 100 200 300 400 Jan-20 Mar-20 May-20 Jul-20 Sep-20 Nov-20 Jan-21 Mar-21 May-21 Jul-21 Sep-21 Nov-21 Jan-22 Mar-22 AAA: <3Y AA: <3Y A: <3Y BBB: <3Y ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ CEIC และ Bloomberg หลังเกิดความไม่สงบในยูเครน Corporate spread ส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ SME ยังมีความเปราะบางจากการขาดสภาพคล่องและความสามารถในการชาระหนี้ แม้จะมีทิศทางดีขึ้นเล็กน้อย 86 2.1 12.8 -0.4 -10 -6 -2 2 6 10 14 Q4-17 Q4-18 Q4-19 Q1-20 Q2-20 Q3-20 Q4-20 Q1-21 Q2-21 Q3-21 Q4-21 วงเงิน น้อยกว่าเท่ากับ 500 ล้านบาท วงเงินมากกว่า 500 ล้านบาท หักผลของ soft loan อัตราการขยายตัวของสินเชื่อภาคธุรกิจ หน่วย: %YOY Stage 3 ธุรกิจ แยกตามขนาดธุรกิจ หน่วย: % หมายเหตุ : *สินเชื่อ stage 2 คือ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ 5.99 6.24 6.23 6.59 6.26 6.55 6.86 7.14 7.17 7.18 7.08 2.06 1.86 2.05 2.09 2.48 2.58 2.55 2.53 2.5 2.41 2.23 -1 2 5 8 17 18 19 20Q1 20Q2 20Q3 20Q4 21Q1 21Q2 21Q3 21Q4 วงเงิน น้อยกว่าเท่ากับ 500 ล้านบาท วงเงินมากกว่า 500 ล้านบาท
82.
นับตั้งแต่เกิดสงคราม เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าสกุลอื่นในภูมิภาค EIC
คาดว่าเงินบาทในระยะสั้นจะเผชิญแรงกดดันจากการขาดดุล บัญชีเดินสะพัดและความเชื่อมั่นที่ลดง แต่จะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอยู่ในกรอบ 32.5-33.5 ณ สิ้นปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย 85 ดุลบัญชีเดินสะพัดและค่าเงินบาท หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐ หน่วย: บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Bloomberg และธนาคารแห่งประเทศไทย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2022 ส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมอง เชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะช่วยกระตุ้น Portfolio flow จากนัก ลงทุนต่างชาติ ดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงปลายปีมีแนวโน้มปรับดีขึ้น จากจานวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ามันและค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มลดลง ในช่วงปลายปี เงินบาทมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ในช่วง 32.5-33.5 เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าสกุลอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่ จากความเสี่ยงของภาวะสงครามที่ทาให้ความ เชื่อมั่นนักลงทุนลดลง (risk off) โดยพบว่าในเดือน มี.ค. มีเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรรัฐบาล ไทยถึงราว 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงก็ยิ่งทาให้บาทอ่อนค่า ในระยะสั้น เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า โดยคาดว่าอยู่ในช่วง 33.5-34 นักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงลดลง จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ สงครามที่รุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มยืดเยื้อ ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มขาดดุลมากขึ้น ผลจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ทาให้ มูลค่าการนาเข้าเพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อเงินดอลลาร์มากขึ้น กดดันให้บาทอ่อน การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทาให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทย-สหรัฐฯ ปรับลดลง 1 2 3 1 2 33.5 28 30 32 34 36 38 -4,000 -2,000 0 2,000 4,000 6,000 8,000 Jan-13 Jul-13 Jan-14 Jul-14 Jan-15 Jul-15 Jan-16 Jul-16 Jan-17 Jul-17 Jan-18 Jul-18 Jan-19 Jul-19 Jan-20 Jul-20 Jan-21 Jul-21 Jan-22 ดุลบัญชีเดินสะพัด USDTHB (RHS) ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมาก-> เงินบาทแข็ง เงินบาทแข็ง การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินแต่ละสกุล เทียบต่อดอลลาร์สหรัฐ หน่วย: % (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มี.ค. 2022) -5.6% -3.1% -2.6% -0.5% -0.8% -3.0% -6% -4% -2% 0% Japan Thailand Taiwan Europe Korea India Philippines Malaysia China Vietnam Indonesia Since Russia War YTD
83.
80 85 90 95 100 105 0 1 2
3 4 5 6 7 8 9 1011121314151617181920 Asian financial crisis Subprime crisis Thailand's 2011 Flood Crisis COVID-19 86 ประมาณการเศรษฐกิจ (กรณีฐาน) หน่วย 2021 2022F ณ ธ.ค. 2021 ณ มี.ค. 2022 GDP %YOY 1.6 3.2 2.7 การบริโภคภาคเอกชน %YOY 0.3 3.4 2.9 การบริโภคภาครัฐ %YOY 3.2 -0.6 -1.5 การลงทุนภาคเอกชน %YOY 3.2 4.0 3.5 การลงทุนภาครัฐ %YOY 3.8 4.8 3.0 การส่งออกสินค้าและบริการ %YOY 10.4 10.9 8.4 - มูลค่าส่งออกสินค้า (USD BOP basis) %YOY 18.8 3.4 6.1 การนาเข้าสินค้าและบริการ %YOY 17.9 8.9 6.5 - มูลค่านาเข้าสินค้า (USD BOP basis) %YOY 23.4 4.3 13.2 จานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล้านคน 0.4 5.9 5.7 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป %YOY 1.2 1.6 4.9 ราคาน้ามันดิบ Brent USD/Brl. 70.4 70 110.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (สิ้นปี) % 0.50 0.50 0.5 ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC EIC คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.7% ในปี 2022 ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.2% รวมทั้งปรับเงินเฟ้อขึ้นเป็น 4.9% จากเดิม 1.6% จากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประมาณการการฟื้นตัวของ Real GDP ไทย หน่วย : ดัชนี Rolling sum 4 ไตรมาส (2019Q4 = 100 ของ COVID-19) ปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ • อัตราการเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูง จากราคาน้ามันและโภคภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้นและอาจอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าคาดจากปัจจัย สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบทางตรงต่อกาลังซื้อในประเทศและ ต้นทุนในภาคธุรกิจ • การชะงักงันของอุปทานในภาคการผลิตและขนส่ง ทั้งจาก นโยบาย Zero Covid ของจีนและมาตรการคว่าบาตรทาง เศรษฐกิจต่อรัสเซีย • ภาวะการเงินตึงตัวจากนโยบายของธนาคารกลางหลักของ โลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผ่านการขึ้น อัตราดอกเบี้ยหรือลดสภาพคล่องในระบบ ที่จะส่งผลต่อ ต้นทุนการกู้ยืมเงินระยะยาวของภาครัฐและภาคเอกชนไทย • การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่อาจช้ากว่าคาด จาก ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน • ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ถูกซ้าเติมจากผลกระทบด้านค่าครองชีพจากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จนกระทบต่อความสามารถในการชาระหนี้ ของภาคครัวเรือนในวงกว้าง Forecast periods คาดเศรษฐกิจไทยกลับไปเท่าก่อน เกิดวิกฤตในช่วง Q3 ปี 2023 2023Q3
Download