ข้อมูลแอนะล็อกและสัญญาณแอนะ
ล็อก (Analog Data and Analog Signals) ข้อมูล
แอนะล็อกและสัญญาณแอนะล็อกจะเป็นรูปคลื่นที่มี
ลักษณะต่อเนื่อง (Continuous Waveforms) ความ
ต่อเนื่องในที่นี้หมายถึงสัญญาณจะแกว่งขึ้นลงอย่าง
ต่อเนื่องและราบเรียบตลอดเวลา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แบบทันทีทันใด ค่าสัญญาณสามารถอยู่ในช่วง
ระหว่างค่าตำ่าสุดและค่าสูงสุดของคลื่นได้ โดยค่าตำ่า
สุดและค่าสูงสุดจะแทนหน่วยแรงดัน (Voltage)
ข้อมูลแอนะล็อกและสัญญาณแอนะ
ล็อก (Analog Data and Analog Signals) ข้อมูล
แอนะล็อกและสัญญาณแอนะล็อกจะเป็นรูปคลื่นที่มี
ลักษณะต่อเนื่อง (Continuous Waveforms) ความ
ต่อเนื่องในที่นี้หมายถึงสัญญาณจะแกว่งขึ้นลงอย่าง
ต่อเนื่องและราบเรียบตลอดเวลา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แบบทันทีทันใด ค่าสัญญาณสามารถอยู่ในช่วง
ระหว่างค่าตำ่าสุดและค่าสูงสุดของคลื่นได้ โดยค่าตำ่า
สุดและค่าสูงสุดจะแทนหน่วยแรงดัน (Voltage)
นอกจากนี้ ข้อมูลแอนะล็อกและสัญญาณแอ
นะล็อกสามารถถูกรบกวนได้ง่ายจากสัญญาณที่ไม่
พึงประสงค์ที่เรียกว่า “สัญญาณรบกวน
(Noise)” ซึ่งหากมีสัญญาณรบกวนปะปนมากับ
สัญญาณแอนะล็อกแล้ว นอกจากจะส่งผลให้การ
ส่งข้อมูลช้าลง ยังทำาให้การจำาแนกหรือตัด
สัญญาณรบกวนออกจากข้อมูลต้นฉบับนั้นเป็นไป
ได้ยาก
นอกจากนี้ ข้อมูลแอนะล็อกและสัญญาณแอ
นะล็อกสามารถถูกรบกวนได้ง่ายจากสัญญาณที่ไม่
พึงประสงค์ที่เรียกว่า “สัญญาณรบกวน
(Noise)” ซึ่งหากมีสัญญาณรบกวนปะปนมากับ
สัญญาณแอนะล็อกแล้ว นอกจากจะส่งผลให้การ
ส่งข้อมูลช้าลง ยังทำาให้การจำาแนกหรือตัด
สัญญาณรบกวนออกจากข้อมูลต้นฉบับนั้นเป็นไป
ได้ยาก
เมื่อสัญญาณแอนะล็อกถูกส่งบนระยะทาง
ที่ไกลออกไป ระดับสัญญาณจะถูกลดทอนลง
ดังนั้นจึงจำาเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า แอม
พลิไฟเออร์ (Amplifier) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เพิ่ม
กำาลังหรือความเข้มให้แก่สัญญาณ ทำาให้
สามารถส่งสัญญาณในระยะทางที่ไกลออกไป
ได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำาลังของ
สัญญาณด้วยแอมพลิไฟเออร์นี้จะส่งผลต่อ
สัญญาณรบกวนขยายเพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อสัญญาณแอนะล็อกถูกส่งบนระยะทาง
ที่ไกลออกไป ระดับสัญญาณจะถูกลดทอนลง
ดังนั้นจึงจำาเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า แอม
พลิไฟเออร์ (Amplifier) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เพิ่ม
กำาลังหรือความเข้มให้แก่สัญญาณ ทำาให้
สามารถส่งสัญญาณในระยะทางที่ไกลออกไป
ได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำาลังของ
สัญญาณด้วยแอมพลิไฟเออร์นี้จะส่งผลต่อ
สัญญาณรบกวนขยายเพิ่มขึ้นด้วย
ข้อมูลดิจิตอลและสัญญาณดิจิตอล
เป็นคลื่นแบบไม่ต่อเนื่อง มีรูปแบบของ
ระดับแรงดันไฟฟ้าเป็นคลื่นสี่เหลี่ยม
(Square Wave) ความไม่ต่อเนื่องในที่นี้
หมายความว่า สัญญาณสามารถ
เปลี่ยนแปลงจาก 0 ไป 1 หรือจาก 1 ไป
0 ได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนสัญญาณ
ในลักษณะก้าวกระโดด
ความสำาคัญของชั้นสื่อสารฟิสิคัลก็คือ การ
เคลื่อนย้ายข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของสัญญาณ
ผ่านสื่อกลาง ซึ่งตามปกติข้อมูลที่ใช้งานอยู่
ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลชนิดตัวเลข ตัวอักษร
ภาพนิ่ง รวมถึงภาพเคลื่อนไหวจะไม่สามารถ
ส่งผ่านระบบสื่อสารได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น
ไฟล์ข้อมูลเงินเดือนพนักงาน ใช่ว่าจะสามารถ
นำามาส่งผ่านสื่อกลางหรือสายส่งข้อมูลได้ทันที
แต่ไฟล์ข้อมูลดังกล่าวจำาเป็นต้องแปลงเป็น
สัญญาณ เพื่อพร้อมที่จะส่งผ่านสื่อกลางของ
ระบบสื่อสารไปยังปลายทางที่ต้องการต่อไป
ในทำำนองเดียวกับสัญญำณ
ข้อมูลก็สำมำรถเป็นได้ทั้งแอนะ
ล็อกหรือสัญญำณ ปกติแล้ว
สัญญำณดิจิตอลจะรับส่งข้อมูล
ดิจิตอล และสัญญำณแอนะล็อกก็
จะรับส่งข้อมูลแอนะล็อก
•กำรแปลงข้อมูลแอนะล็อกเป็นสัญญำณแอนะล็อก
(Analog Data to Analog Signal)
•กำรแปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นสัญญำณดิจิตอล (Digital
Data to Digital Signal)
•กำรแปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นสัญญำรแอนะล็อก (Digital
Data to Analog Signal)
•กำรแปลงข้อมูลแอนะล็อกเป็นสัญญำณดิจิตอล
(Analog Data to Digital Signal)
กำรส่งผ่ำนข้อมูล เป็นกระบวนกำรนำำข้อมูล
ข่ำวสำรจำกผู้ส่ง ผ่ำนสื่อกลำงหรือสำยสื่อสำร เพื่อ
ส่งไปยังผู้รับปลำยทำงได้อย่ำงถูกต้อง ซึ่งโดยปกติ
จำำเป็นต้องดำำเนินกำรกับสิ่งต่อไปนี้
1. กำรเข้ำรหัส (Encoding) ข้อมูลให้เป็น
สัญญำณ
2. ส่งสัญญำณผ่ำนสื่อกลำง เช่น สำยสื่อสำร
หรือวิทยุ
3. ปลำยทำงถอดรหัส (Decoding) สัญญำณ
ให้กลับมำเป็นข้อมูล ตำมเดิม
4. สัญญำณแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่ำงกัน
รวมถึงข้อกำำหนดด้ำนกำรส่งผ่ำนข้อมูล
1. มีข้อผิดพลำดตำ่ำกว่ำกำรส่งข้อมูลแบบแอนะ
ล็อก เนื่องจำกข้อมูลที่ถูกส่งอยู่
ในรูปแบบไบนำรี (0,1) ซึ่งสำมำรถตรวจสอบ
ข้อผิดพลำดและแก้ไขได้ง่ำย
2. ทนต่อสัญญำณรบกวนได้ดีกว่ำสัญญำณแอ
นะล็อก
3. กำรจัดกำรกับสัญญำณทำำได้ง่ำย เช่น กำร
เข้ำรหัสในรูปแบบต่ำงๆ
4. มีอัตรำควำมเร็วในกำรส่งข้อมูลสูง
5. มีประสิทธิภำพสูง
6. มีควำมปลอดภัยสูง
การส่งข้อมูลแบบขนาน
(Parallel Transmission)
การส่งข้อมูลแบบ
อนุกรม (Serial
Transmission)
การส่งข้อมูลแบบ
อนุกรม (Serial
Transmission)
ข้อดีของการส่งข้อมูลแบบอนุกรม
ประหยัดสายสื่อสาร เนื่องจากใช้สายสื่อสาร
เพียงเส้นเดียวสามารถส่งข้อมูลได้ตั้งแต่ระยะ
ทางสั้นๆ จนถึงระยะทางไกล
ข้อเสียของการส่งข้อมูลแบบอนุกรม
ความล่าช้าในการส่งข้อมูล เนื่องจากมี
ช่องสัญญาณเพียงช่องเดียวเท่านั้นในการ
แปลงข้อมูลระหว่างแบบอนุกรมและแบบขนาน
จะอาศัยรีจีสเตอร์เพื่อเป็นที่พักข้อมูล (Buffers)
สำาหรับเก็บ
ข้อมูลชั่วคราว
ข้อดีของการส่งข้อมูลแบบอะซิงโค
รนัส คือ มีความคล่องตัวสูง สามารถ
ส่งข้อมูลได้ทันที โดยไม่ต้องรอการ
เข้าจังหวะสัญญาณนาฬิกาของทั้ง
สองฝั่ง มีต้นทุนตำ่า และมีประสิทธิภาพ
สูง สำาหรับการสื่อสารกับอุปกรณ์
ความเร็วตำ่า
ข้อเสีย คือ การมีโอเวอร์เฮดสูง
เนื่องจาก ต้องมีบิตพิเศษต่างๆ พ่วง
เข้าไปกับข้อมูล และฝั่งรับก็ต้องเสีย
เวลาในการถอดบิตพิเศษออก
เป็นการส่งกลุ่มข้อมูลแบบต่อเนื่อง
กันไป โดยบิตที่ทยอยส่งเข้ามาจะมีการรวม
กันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เรียกว่า เฟรม หรือ
บล็อกข้อมูล ซึ่งอาจมีจำานวนมากกว่า 1
พันบิต เมื่อข้อมูลส่งมาถึงปลายทาง ฝั่งรับ
จะทำาหน้าที่นับจำานวนบิต และจับกลุ่มเป็น
ไบต์ ซึ่งการส่งวิธีนี้จะไม่มีช่องว่าง และ
ไม่มีบิตเริ่มและบิตจบ การไม่มีช่องว่าง บิต
เรี่ม บิตจบ ทำาให้ฝ่ายรับไม่สามารถทราบ
ได้เลยว่าข้อมูลที่ส่งมาครบหรือยัง
คุณสมบัติสำาคัญของการส่ง
ข้อมูลแบบไอโซโครนัส คือ การส่ง
ผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงในอัตรา
คงที่ และรับประกันเวลาในการส่ง
เนื่องจากการส่งข้อมูลแบบเรียล
ไทม์ เช่น ระบบออดิโอและวิดีโอ
จำาเป็นต้องส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
ในการสื่อสารระหว่างฝั่งต้นทางและปลาย
ทาง สามารถสื่อสารได้ตาม ทิศทาง 3 รูป
แบบ คือ
•การสื่อสารแบบซิมเพล็กซ์ (Simplex)
•การสื่อสารแบบฮาล์ฟดูเพล็กซ์ (Half-
Duplex)
•การสื่อสารแบบฟูลดูเพล็กซ์ (Full-Duplex)
เป็นวิธีการสื่อสารแบบทิศทางเดียว โดย
แต่ละฝ่ายจะทำาหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเท่านั้น เช่น
ถ้าฝ่ายหนึ่งทำาหน้าที่เป็นผู้ส่ง อีกฝ่ายหนึ่งจะทำา
หน้าที่เป็นผู้รับ ตัวอย่างการสื่อสารแบบซิมเพล็
กซ์ เช่น คีย์บอร์ด จอภาพ การแพร่ภาพ
โทรทัศน์
เป็นวิธีการสื่อสารแบบสองทิศทางสลับกัน โดยที่
แต่ละฝ่ายสามารถเป็นได้ทั้งผู้ส่งและผู้รับ และส่ง
ข้อมูลผ่านช่องสัญญาณเดียว คือไม่สามารถรับส่ง
ข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ ต้องผลัดกันรับ และผลัด
กันส่งการสื่อสารรูปแบบนี้ สามารถเปลี่ยนสถานะ
จากผู้ส่งให้กลายเป็นผู้รับ หรือจากผู้รับให้กลาย
เป็นผู้ส่งด้วยการสวิตช์ โดยการสวิตช์แต่ละครั้ง คือ
การสับสวิตช์จากสถานะ การรับข้อมูลไปเป็นการ
ส่งข้อมูล หรือจากสถานะ การส่งข้อมูลไปเป็นการ
รับข้อมูล
ตัวอย่างการสื่อสารแบบฮาร์ฟดูเพล็กซ์ เช่น
วิทยุสื่อสาร (Walky Talky)
เป็นวิธีการสื่อสารแบบสองทิศทางในเวลา
เดียวกัน โดยทั้งฝั่งรับและฝั่งส่งสามารถ
สื่อสารพร้อมกันได้ในขณะเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างการสื่อสารแบบฟูลดูเพล็กซ์ เช่น
โทรศัพท์ คู่สนทนาสามารถคุยโต้ตอบกันได้
ในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นอุปกรณ์สำาหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่
ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้อย่าง
ง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำาหรับ
คอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ของ
คุณสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก
โมเด็มจะสามารถทำางานของคุณให้สำาเร็จได้ก็
ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้า
คู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็มจะ
ทำาการแปลงสัญญาณดิจิตอล (digital signals)
จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
(analog signals)
เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์ 
มีหน้าที่ทำาให้ข้อมูลต่างๆในระบบคอมพิวเตอร์
ให้เป็นระบบเสียงเพื่อให้สามารถส่งออกไปทาง
คู่สายโทรศัพท์ได้ ซึ่งปลายทางก็จะมีโมเด็มที่
เปลี่ยนสัญญาณเสียงมาเป็นข้อมูลต่างๆเหมือน
เดิม ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ แบบ
ภายใน(Internal) แบบภายนอก(External)
มีหน้าที่ทำาให้ข้อมูลต่างๆในระบบคอมพิวเตอร์
ให้เป็นระบบเสียงเพื่อให้สามารถส่งออกไปทาง
คู่สายโทรศัพท์ได้ ซึ่งปลายทางก็จะมีโมเด็มที่
เปลี่ยนสัญญาณเสียงมาเป็นข้อมูลต่างๆเหมือน
เดิม ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ แบบ
ภายใน(Internal) แบบภายนอก(External)
- ไม่เปลืองเนื้อที่ในการว่างโมเด็มเพราะติดตั้งอยู่ใน
เครื่องคอมพิวเตอร์
- ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมเนื่องจากตัวโมเด็มใช้ไฟจาก
ตัวคอมพิวเตอร์
 - เห็นการทำางานของโมเด็ม เพราะอยู่ในตัวเครื่อง
คอมพิวเตอร์
- ราคาถูก
- การติดตั้ง-การประกอบทำาได้ลำาบาก เคลื่อนย้ายไปใช้
กับเครื่องอื่นได้ลำาบากดัวย
 - พบว่ามีปัญหาบ่อย ต้องการเครื่องที่มีความเร็วสูง 
- ไม่เปลืองเนื้อที่ในการว่างโมเด็มเพราะติดตั้งอยู่ใน
เครื่องคอมพิวเตอร์
- ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมเนื่องจากตัวโมเด็มใช้ไฟจาก
ตัวคอมพิวเตอร์
 - เห็นการทำางานของโมเด็ม เพราะอยู่ในตัวเครื่อง
คอมพิวเตอร์
- ราคาถูก
- การติดตั้ง-การประกอบทำาได้ลำาบาก เคลื่อนย้ายไปใช้
กับเครื่องอื่นได้ลำาบากดัวย
 - พบว่ามีปัญหาบ่อย ต้องการเครื่องที่มีความเร็วสูง 
- เปลืองเนื้อที่ในการวางตัวโมเด็ม 
 - ติดตั้งง่ายกว่าแบบภายใน
- ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม เนื่องจากตัวโมเด็มยู
ภายนอกไม่สามารถใช้ไฟกับตัวคอมพิวเตอร์
- ราคาแพง
 - ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าแบบภายใน
- มองเห็นการทำางานของโมเด็ม และสามารถสังเกต
เสียงที่เกิดขึ้นได้ว่ามีปัญหาอะไร
 - ใช้ได้กับเครื่องรุ่นเก่า แต่อาจจะเปลืองพอร์ท
ที่ใช้ในการต่อใช้งาน
- เปลืองเนื้อที่ในการวางตัวโมเด็ม 
 - ติดตั้งง่ายกว่าแบบภายใน
- ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม เนื่องจากตัวโมเด็มยู
ภายนอกไม่สามารถใช้ไฟกับตัวคอมพิวเตอร์
- ราคาแพง
 - ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าแบบภายใน
- มองเห็นการทำางานของโมเด็ม และสามารถสังเกต
เสียงที่เกิดขึ้นได้ว่ามีปัญหาอะไร
 - ใช้ได้กับเครื่องรุ่นเก่า แต่อาจจะเปลืองพอร์ท
ที่ใช้ในการต่อใช้งาน
หลักการทำางานของโมเด็ม จะแปลงข้อมูล
ดิจิตอลให้เป็นสัญญาณแอนะล็อกสำาหรับภาคส่ง
และแปลงสัญญาณแอนะล็อกกลับมาเป็นข้อมูล
ดิจิตอลสำาหรับภาครับ การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์
จะส่งข้อมูลดิจิตอลไปยังโมเด็ม จากนั้นโมเด็มจะ
แปลงสัญญาณแอนะล็อกส่งไปตามโครงข่าย
โทรศัพท์เพื่อส่งไปยังปลายทางที่ต้องการ เมื่อ
โมเด็มปลายทางได้รับข้อมูลแล้ว ก็จะแปลง
สัญญาณแอนะล็อกกลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอลส่งต่อ
ให้คอมพิวเตอร์ปลายทางนำาไปใช้งานต่อไป
Physical layer

Physical layer