การตกเลือด   &  ช็อก (Hemorrhage& Shock) พันจ่าอากาศเอก จอห์น จองเกอร์ ,  RN, NREMT-P ผู้ควบคุม  141 st  MDG SMEE  ประเทศไทย
ทบทวนเรื่องการเสียเลือด Location ตำแหน่ง Anatomical type & Timing ประเภททางกายวิภาค   &  เวลา Coagulation การจับตัวเป็นลิ่ม Fibrinolysis การละลายลิ่มเลือด Assessment การประเมิน Management การจัดการ
การทบทวนเรื่องการเสียเลือด ตำแหน่ง ภายนอก ภายใน การบาดเจ็บ   (Traumatic) ไม่การบาดเจ็บ   (Non-Traumatic) ตัวอย่าง ?
ทบทวนเรื่องการเสียเลือด ประเภททางกายวิภาค   (Anatomical Type) เส้นเลือดแดง   (Arterial) เส้นเลือดดำ   (Venous) เส้นเลือดฝอย   (Capillary) เวลา   (Timing) ฉับพลัน   (Acute) เรื้อรัง   (Chronic)
การจัดการตกเลือด ดูแลทางเดินหายใจ   (Airway)   และ   การหายใจเข้า / ออก   (Ventilatory) ดูแลระบบไหลเวียนโลหิต ออกจากจมูกหรือหูหลังจากบาดเจ็บที่ศีรษะ =  ผ้าพันแผลหลุด ห้ามเลือด กดโดยตรง ,  ยกแผลให้สูง ,  กดจุด ขันเชนาะ ทำแผลบาดแผลขนาดใหญ่ ดามหรือเข้าเฝือก Pneumatic Anti Shock Garment (PASG) ส่งตัวผู้ป่วยสู่สถานพยาบาลที่เหมาะสม
ช็อก เลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ   ทำให้เนื้อเยื่อขาดออกซิเจน    อาจทำให้มีการเผาผลาญอาหารโดยไม่มีออกซิเจน
ช็อก ภาวะคงที่ภายในร่างกาย  (Homeostasis) เซลล์อยู่ในสภาวะสมดุล สิ่งสำคัญคือเซลล์ต้องมีเลือดหล่อเลี้ยงพร้อมออกซิเจนและกลูโคส ถ่ายเทของเสียจากเซลล์สู่เลือดเพื่อเป็นการกำจัดของเสีย
หลักการ Air’s gotta go in and out. Blood’s gotta go round and round. Any variation of the above is not good thing!  อากาศต้องเข้าและออก เลือดต้องไหลเวียน มีอะไรผิดแปลกไปจากที่ว่านี้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี !
ช็อก ขาดออกซิเจนหรือเลือดหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอทำให้เกิด : ออกซิเจนในเซลล์ไม่เพียงพอ เปลี่ยนจากการเผาผลาญอาหารแบบใช้ออกซิเจนเป็นแบบไม่ใช้ออกซิเจน
การเผาผลาญอาหารโดยใช้ออกซิเจน (Aerobic Metabolism) การแตกตัวของน้ำตาลเป็นสารประกอบที่ง่ายขึ้น :  ผลผลิตจากแหล่งกำเนิดพลังงานไม่เพียงพอ ;   2 ATP  ( พลังงาน : energy)  ในกลูโคสทุกตัว ;  ทำให้เกิดกรดไพรูวิค กระบวนการนำกลุ่มวาเลนซี่เข้าไปรวมตัวกับออกซิเจน :  กรดไพรูวิคแต่ละตัวเปลี่ยนเป็น 34 ATP ( พลังงาน : energy) 6 O 2 กลูโคส การเผาผลาญอาหาร 6 CO 2 6 H 2 O 36 ATP ความร้อน   (417 kcal)
การเผาผลาญอาหารแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Metabolism) การแตกตัวของน้ำตาลเป็นสารประกอบที่ง่ายขึ้น :  ผลผลิตจากแหล่งกำเนิดพลังงานไม่เพียงพอ ;   2 ATP ( พลังงาน : energy)  ในกลูโคสทุกตัว ;  ทำให้เกิดกรดไพรูวิค กลูโคส การเผาผลาญอาหาร 2  กรดแลคติก 2 ATP ความร้อน   (32 kcal)
การเผาผลาญอาหารโดยไม่ใช้ออกซิเจน เกิดขึ้นโดยไม่มีออกซิเจน กระบวนการเผาผลาญพลังงาน  (oxydative phosphorylation)   เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีออกซิเจน การแตกตัวของน้ำตาลเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีออกซิเจน เซลล์ตายทำให้เนื้อเยื่อตายและอวัยวะตาย เกิดขึ้นได้แม้เมื่อภายหลังจะมีเลือดหล่อเลี้ยงเพียงพอ    อวัยวะหรือระบบอวัยวะตาย
การทำให้เลือดหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอต้องมีสิ่งต่อไปนี้ : ปริมาณ   (Volume)  =  เลือด   (blood) เครื่องสูบฉีด   (Pump)  =  หัวใจ   (heart) พาชนะบรรจุ   (Container)  =  หลอดเลือด   (Vessels) หากเพียงหนึ่งสิ่งหรือมากกว่าไม่ทำงานย่อมก่อให้เกิดอาการช็อก
ประเภทของช็อก Hypovolemic ภาวะช็อกเนื่องจากของเหลวในร่างกายไม่เพียงพอ Cardiogenic ภาวะช็อกที่เกิดจากหัวใจ Vasogenic ภาวะช็อกจากหลอดเลือด :  การส่งเลือดหล่อเลี้ยงร่างกาย Neurogenic ภาวะช็อกที่เกิดจากระบบประสาท ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
ช็อก ช็อกเนื่องจากสูญเสียของเหลว   =  ปริมาณของเหลวต่ำ หลอดเลือดรั่ว บาดเจ็บ ไม่บาดเจ็บ เสียเลือด ช่องคลอด (Vaginal) อวัยวะสืบพันธุ์  (GI) อวัยวะขับปัสสาวะ   (GU) การเผาไหม้ ท้องร่วง การอาเจียน ปัสสาวะมาก เหงื่อออก สูญเสียในช่องทางที่สาม ตับอ่อนอักเสบ   (Pancreatitis) เยื่อบุช่องท้องอักเสบ   (Peritonitis) ลำไส้อุดตัน   (Bowel obstruction)
ช็อก ช็อกเนื่องจากหัวใจ   =  สูบฉีดโลหิตไม่ได้ การสูบฉีดทำงานไม่ดี หัวใจขาดเลือด   ( M I) หัวใจวาย   (CHF) หัวใจเต้นช้า   (Bradyarrhythmias) หัวใจเต้นเร็ว (Tachyarrhythmias) การขัดขวางกลไก   (“ ภาวะช็อกเกิดจากการขาดเลือดเพราะหัวใจสูบฉีดเลือดไปตามส่วนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ :  distributive shock ”) ภาวะหัวใจถูกกดทับโดยน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ   (Cardiac tamponade) เกิดความดันในช่องอก   (Tension pneumothorax) หลอดเลือดในปอดอุดตัน   (Pulmonary embolism)
ช็อก ช็อกเนื่องจากปัญหาในหลอดเลือด   =  มีแรงต้านต่ำ หลอดเลือดขยายมากขึ้นหรือมีรูมากขึ้น การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง ภาวะช็อกที่เกิดจากระบบประสาท ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ใช้ยาที่มีฤทธิ์ต่อประสาท เป็นลมหมดสติ
ช็อก ช็อกผสม   (Mixed Shock) ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงทั่วร่างกาย   (Septic Shock) มีการติดเชื้อมากเกินไป เกิดการตอบสนองต่อการอักเสบ หลอดเลือด ขยาย :  Dilate  ( สูญเสียแรงต้าน :  loss of resistance ) รั่ว :  Leak  ( สูญเสียปริมาณ :  loss of volume )
ช็อก ช็อกผสม   (Mixed Shock) ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงทั่วร่างกาย   (Septic Shock) มีไข้ ต้องการออกซิเจนมากขึ้น มีการเผาผลาญอาหารแบบไม่ใช้ออกซิเจนมากขึ้น พิษจากแบคทีเรีย ทำให้เนื้อเยื่อเผาผลาญอาหารน้อยลง
ช็อก ช็อกผสม   (Mixed Shock) ช็อกเนื่องจากปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylactic Shock) มีการตอบสนองอาการแพ้อย่างรุนแรง มีฮิสตามีนออกมามาก หลอดเลือด ขยาย :  Dilate  ( สูญเสียแรงต้าน :  loss of resistance ) รั่ว :  Leak  ( สูญเสียปริมาณ :  loss of volume )
ช็อก ช็อกผสม   (Mixed Shock) ช็อกเนื่องจากปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylactic Shock) มีฮิสตามีนออกมามาก มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบภายนอกหลอดเลือด ช่องกล่องเสียงหดเกร็ง   (Laryngospasm) หลอดลมหดเกร็ง   (Bronchospasm)
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลได้ (Compensated Shock) อาการที่เห็น กระสับกระส่าย ,  เครียด   ลักษณะเบื้องต้นของช็อก ภาวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ   (Tachycardia) ? หัวใจเต้นช้าเพราะปัญหาจากหัวใจ หรือ ระบบประสาท
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลได้ อาการที่เห็น ความดันเลือดปกติ คือ ระยะห่างของ  systolic/diastolic   แคบ   ความดันเลือดตก   =  อาการบ่งชี้ของภาวะช็อกที่แสดงออกมาช้า วัดความดันได้ต่ำเมื่อร่างกายอยู่ในแนวดิ่ง  ( นั่งหรือยืน ) (15  ถึง   25  มล .  ปรอท ) เลือด  “ อาจจะ ”  ไหลกลับคืนช้าเมื่อกดเล็บ
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลได้ อาการที่เห็น ผิวซีด เย็น   ภาวะช็อกที่เกิดจากหัวใจ ภาวะช็อกเนื่องจากของเหลวในร่างกายไม่เพียงพอ ผิวแดง   ภาวะช็อกเนื่องจากปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างรุนแรง ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงทั่วร่างกาย ภาวะช็อกที่เกิดจากระบบประสาท
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลได้ อาการที่เห็น หายใจค่อนข้างเร็วมาก   (slight tachypnea) สูดอากาศหายใจเพื่อทดแทนเมื่อมีการเผาผลาญอาหารที่เกิดกรด
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลได้ อาการที่เห็น คลื่นไส้ ,  อาเจียน กระหายน้ำ อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง รู้สึกหนาว อ่อนแอ
ช็อก อาการที่เห็น ผลกระทบที่เส้นโลหิต กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดโลหิตที่ไร้ชั้นเยื่อหุ้มที่สมบูรณ์คลายตัว   (precapillary sphincters) การหดตัวอย่างต่อเนื่องของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดโลหิตโพสต์คาปิลลารี   (postcapillary sphincters) เส้นโลหิตพยายามดึงโลหิต พลาสมารั่วเข้าสู่ช่องที่อยู่ระหว่างเซลล์
ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลไม่ได้ อาการที่เห็น ผลกระทบต่อเส้นโลหิต เผาผลาญอาหารโดยไม่ใช้ออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง มีโพแทสเซี่ยมสูงในเซลล์ ผิว เย็น สีเทา เป็นมัน
อาการที่เห็น เลื่อนลอย ,  สับสน ,  ไม่ใส่ใจ ,  พูดช้า หัวใจเต้นเร็ว ;  ชีพจรอ่อน แผ่วเบา ความดันโลหิตลดลง วัดความดันได้ปานกลางหรือรุนแรงเมื่อร่างกายอยู่ในแนวดิ่ง อุณหภูมิร่างกายลดลง การหายใจเร็วมาก  (Tachypnea) ภาวะช็อกที่ร่างกายปรับตัวควบคุมสมดุลไม่ได้
การช็อกที่แก้ไขไม่ได้ อาการที่เห็น งง ,  พูดไม่รู้เรื่อง ,  ไม่มีสติ ชีพจรช้า ไม่ปกติ แผ่วเบา อ่อน ความดันโลหิตต่ำ ;  diasotolic  ตกไปที่ศูนย์ ผิวเย็น ชื้น เป็นสีม่วงคล้ำ หายใจช้า ตื้น ไม่ปกติ รูม่านตาขยาย เลื่อนลอย อุณหภูมิร่างกายต่ำมาก
การช็อกที่แก้ไขไม่ได้ การช็อกที่แก้ไขไม่ได้ทำให้ : ไตวาย ตับวาย เลือดจับตัวเป็นลิ่มกระจายไปทั่วเส้นโลหิต   (DIC) ระบบอวัยวะล้มเหลว การหายใจไม่ออกในผู้ใหญ่   (ARDS) เสียชีวิต
การแยกประเภทของช็อก ภาวะช็อกเนื่องจากของเหลวในร่างกายไม่เพียงพอเกิดจาก การเสีย / ตกเลือด พลาสม่า ของเหลว   &  อิเล็คโตรไลทส์ น้ำคัดหลั่งภายใน  (Endocrine)
การแยกประเภทของช็อก ภาวะช็อกที่เกิดจากหัวใจ เกิดจาก การบีบตัว อัตรา สิ่งอุดตัน   ( ก่อน / หลังสูบฉีดโลหิต ) เกิดแรงดันในช่องอก เส้นเลือดในหัวใจอุดตัน เส้นเลือดในปอดอุดตัน ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง
ประเภทของช็อก ภาวะช็อกเกิดจากหลอดเลือด   ( การส่งเลือดหล่อเลี้ยง ) หลอดเลือดขยายขนาด แรงต้านต่ำ ,  มีการขยายหลอดเลือด การแพ้ การติดเชื้อ
ประเภทของช็อก ภาวะช็อกที่เกิดจากระบบประสาท   ( ช็อกเนื่องจากปัญหากระดูกสันหลัง ) ไขสันหลังใต้จุดบาดเจ็บไม่ทำงาน สูญเสียส่วนระบบประสาทอัตโนมัติ  ( sympathetic tone ) หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว หัวใจเต้นช้า
ประเด็นสำคัญเรื่องช็อก ความไวของเนื้อเยื่อต่อการขาดโลหิต หัวใจ ,  สมอง ,  ปอด : 4  ถึง   6  นาที เนื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ,  ตับ ,  ไต : 45  ถึง   60  นาที กล้ามเนื้อ ,  ผิวหนัง : 2  ถึง   3  ชั่วโมง การกู้ชีพวิกฤต ต้องเริ่มที่เนื้อเยื่อก่อน
ประเด็นสำคัญเรื่องช็อก ดูอาการให้ออก   &  การดูแลระหว่างระยะร่างกายสามารถปรับสมดุลได้ ข้อบ่งชี้ที่ดีที่สุดว่าการกู้ชีพได้ผล  =  ระดับความรู้สึกตัว กระวนกระวาย ,  เครียด ,  ดิ้นรน   =  ลักษณะแรกๆของช็อก
ประเด็นสำคัญเรื่องช็อก ความดันโลหิตตก   =  ลักษณะ   สุดท้าย   ของช็อก ความดันโลหิต   ไม่ใช่  ลักษณะเดียวกับการมีโลหิตหล่อเลี้ยง   ซีดขาว ,  หัวใจเต้นเร็ว ,  เลือดไหลกลับคืนช้า   =  ช็อก จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามาจากสาเหตุอื่น
ประเด็นสำคัญเรื่องช็อก การบาดเจ็บที่เฉพาะที่ศีรษะ ไม่   ก่อให้เกิดช็อก (“ เป็นไปได้ ”  ในเด็ก )
การจัดการช็อกทั่วไป ทางเดินหายใจ เปิด ,  เคลียร์ ,  ดูให้ใช้งานได้ตลอดเวลา พิจารณาว่าควรสอดท่อช่วยไหม
การจัดการช็อกโดยทั่วไป ให้ความสำคัญกับการให้ออกซิเจน ออกซิเจน   =  ยาที่สำคัญที่สุดสำหรับช็อก ช่วยเป่าลมเอาอากาศเข้าถ้าจำเป็น เมื่อสงสัย ,  ให้เป่าลม ใช้  Bag Valve Mask (BVM) ลดแรงดันในช่องอก
การจัดการช็อกโดยทั่วไป สร้างการเข้าสู่หลอดเลือด ให้ของเหลวทดแทน ให้ยา ,  ตามความเหมาะ อย่ารีรอที่จะกำหนดวิธีการรักษา รักษาระดับอุณหภูมิร่างกาย ห่มผ้าให้ผู้ป่วยถ้าจำเป็น หลีกเลี่ยงการให้ของเหลวที่เย็นจัด
การจัดการช็อกโดยทั่วไป ติดตามอาการ สภาพจิตใจ ชีพจร การหายใจ แรงดันโลหิต การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ  ( Electrocardiogram: ECG)
ช็อกเนื่องจากสูญเสียของเหลว ควบคุมการเสียเลือดภายนอกอย่างรุนแรง ยกส่วนล่างให้สูง   หลีกเลี่ยงท่านอนลาดเอียง  (Trendelenburg) ใช้  Pneumatic Anti-Shock Garment   หากมีบอกไว้ในข้อปฏิบัติ
การช็อกเนื่องจากสูญเสียของเหลว สายน้ำเกลือขนาดใหญ่สองสาย ให้ของเหลวสารละลาย  Lactated Ringer’s  เพิ่มความเข้มข้นความดันโลหิต   เป็น   90-100  มล .  ปรอท
การช็อกเนื่องจากสูญเสียของเหลว อย่า   รีรอที่จะเคลื่อนย้าย ให้รีบดูแลและทำการเคลื่อนย้าย ให้น้ำเกลือตลอดทางที่ไปสู่โรงพยาบาล ภาวะการทรงตัวของการบาดเจ็บเกิดขึ้นเมื่อไร
การช็อกเนื่องจากหัวใจมีปัญหา นอนหงาย ,  หรือ ศีรษะและไหล่ ยกขึ้นสูงเล็กน้อย อย่า   ยกส่วนล่างให้สูง
การช็อกเนื่องจากหัวใจมีปัญหา เปิดทางเดินหายใจและรักษาทางเดินหายใจให้เปิดตลอดเวลา  ( to keep it open: TKO) ให้ของเหลวหรือไม่ขึ้นอยู่กับกลไกหลอดเลือดของหัวใจและประวัติการเจ็บป่วย เพิ่มความเข้มข้นให้ความดันโลหิต   ~ 90  มล .  ปรอท
การช็อกเนื่องจากหัวใจมีปัญหา การช็อกเนื่องจากมีการอุดตัน ดูแลอาการต่อไปนี้ เกิดความดันในช่องอก เยื่อหุ้มหัวใจอุดตัน ให้ของเหลว  Isotonic  เข้มข้นแก่ความดันโลหิตโดยไม่มีการคั่งของของเหลวที่ปอด   ดูแลทางเดินหายใจ สอดท่อช่วย
การจัดการช็อก หลีกเลี่ยงการเพิ่มความดันของหลอดเลือด  (vasopressors)   จนกว่าจะควบคุมอาการขาดของเหลวได้หรือแก้ไขได้
ช็อกเนื่องจากหลอดเลือดมีปัญหา พิจารณาดูว่าต้องช่วยเป่าลมหายใจไหม ให้ผู้ป่วยนอนหงาย ยกส่วนล่างขึ้นสูง หลีกเลี่ยงท่านอนลาดเอียง
การช็อกเนื่องจากหลอดเลือดมีปัญหา ให้ของเหลว   Isotonic   ที่มีสารสามารถซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้   (Crystalloid) “ Top off tank” อาจมีอาการปริมาณของเหลวต่ำ พิจารณาการเพิ่มความดันของหลอดเลือด
ช็อกเนื่องจากหลอดเลือดมีปัญหา รักษาระดับอุณหภูมิร่างกายให้คงที่   อาจมีอาการอุณหภูมิร่างกายต่ำ   (Hypothermia)
ช็อกเนื่องจากหลอดเลือดมีปัญหา การแพ้ บรรเทาปฏิกิริยาสนองตอบการอักเสบ ยาแก้แพ้  (Antihistamines) อินทรียสารใด ๆ ที่ละลายได้ในไขมันที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยเฉพาะที่เกิดจากต่อหมวกไต  (Corticosteroids) ต่อต้านการสนองตอบต่อฮิสตามีน Epinephrine หลอดลมตีบ   &  หลอดเลือดขยาย ให้น้ำเกลือ สารละลายเข้มข้นต่อความดันโลหิต   ~ 90  มล .
ช็อกในเด็ก ปริมาณเลือดน้อย เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียของเหลว เป็นกลไกทดแทนที่ได้ผลดีมาก   ความล้มเหลวอาจก่อให้เกิด ช็อก  “ กะทันหัน ”  ซีดขาว ,  ระดับความรู้สึกตัวตื่นตัว ,  ผิวเย็น   =  ช็อก   UPO
ช็อกในเด็ก หลีกเลี่ยงการให้น้ำเกลือปริมาณมาก ใช้   20 cc/kg boluses ให้แทงเข็มระดับตื้นที่สุดเพื่อสัดส่วนของปริมาณของเหลว เพิ่มความเสี่ยงในการตกเลือด

Shock (Thai)